ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 265

หลังจากที่เซี่ยหว่านเอ๋อได้รับการปล่อยตัว นางก็พาเซี่ยฉวนไปยังที่พักของฮูหยินหลิงหลง

ฮูหยินหลิงหลงกำลังร้องไห้ เมื่อเห็นเซี่ยหว่านเอ๋อ กลับมา นางก็รู้สึกประหลาดใจและรีบเดินไปข้างหน้า “หว่านเอ๋อ เจ้าถูกปล่อยตัวแล้วเหรอ? พ่อของเจ้าเชื่อหรือไม่ว่าเจ้าเป็นลูกสาวของเขา? เขาพูดอะไรบ้าง?”

เซี่ยหว่านเอ๋อจ้องมองไปที่นางและกล่าวอย่างเย็นชา “แน่นอนว่าท่านพ่อย่อมเชื่อว่าข้าเป็นลูกสาวของเขาอยู่แล้ว”

“เขาเชื่อหรือ?” มีประกายความดีใจอออกมาจากใบหน้าของฮูหยินหลิงหลง “เช่นนั้นก็ดี ดีจริง ๆ ตราบใดที่เขายังคงเชื่อ เจ้าก็ยังได้เป็นพระชายาขององค์รัชทายาท เพียงแค่เจ้าได้อภิเษก ก็จะไม่มีใครกล้าพูดถึงข้าเสีย ๆ หาย ๆ อีก”

“ใช่หรือ?” เซี่ยหว่านเอ๋อยังคงแดกดัน

ฮูหยินหลิงหลงกำลังอยู่ในความปิติยินดีอย่างยิ่ง จึงไม่ทันได้สังเกตเห็นความผิดปกติของเซี่ยหว่านเอ๋อ และได้พูดกับตัวเอง “ใช่ ตราบใดที่เขายังคงเชื่อ พวกเราสองแม่ลูกยังคงมีชีวิตที่ดีได้ต่อไปอีก ข้าจะไม่มีวันปล่อยหยวนซื่อกับลูกสาวนางไป ให้พวกนางได้ลิ้มรสความร้ายกาจของข้า และให้พวกนางคุกเข่าขอความเมตตาต่อหน้าข้าด้วย”

เซี่ยหว่านเอ๋อถอนหายใจแรง สีหน้าเปลี่ยนไปในทันที “เด็ก ๆ ส่งฮูหยินกลับไปยังเรือนที่สวนดอกไม้”

ฮูหยินหลิงหลงมองเซี่ยหว่านเอ๋อด้วยความประหลาดใจ “เจ้าพูดเรื่องอะไร ที่ว่าจะส่งข้าไปที่สวนดอกไม้ด้านหลัง?”

เซี่ยหว่านเอ๋อจ้องนางด้วยสายตาที่เกลียดชังและพูดอย่างโหดร้าย “ถูกต้อง ท่านยังคิดว่ายังจะสามารถพักอยู่ในเรือนวายุโชยวารีเย็นได้อยู่อีกหรือ? ดีเท่าไหร่แล้วที่ท่านพ่อไม่ได้ขับไล่ท่านให้ออกจากจวนไป ท่านวางใจเถิด แค่มีข้าอยู่ในจวนแห่งนี้ ท่านยังมีข้าวให้กินอย่างแน่นอน แต่ว่า หากท่านกล้าสร้างปัญหาให้ข้า ก็อย่าโทษที่ข้าไม่เห็นแก่ความสัมพันธ์แม่ลูกก็แล้วกัน”

ฮูหยินหลิงหลงทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ด้วยสีหน้าตกใจ นางเกือบจะคิดไปว่าได้ยินผิด ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าลูกสาวแท้ ๆ ของนางจะพูดจาร้ายกาจกับนางได้ถึงเพียงนี้

“ไม่ เจ้าจะทำเช่นนี้กับข้าไม่ได้ หากไม่มีข้า เจ้าก็เป็นแค่…” คำพูดของนางหยุดลงทันที และสายตาอันหวาดกลัวของนางได้มองไปที่มหาเสนาบดีเซี่ยที่ค่อย ๆ ก้าวเข้ามา

มหาเสนาบดีเซี่ยก้าวไปข้างหน้าโดยมีแสงแดดส่องที่ด้านหลังของเขา แสงนั้นสว่างจ้าจนทำให้แทบจะมองไม่เห็นใบหน้าของเขาเลย

เซี่ยหว่านเอ๋อหันไปมอง และกล่าวออกไปอย่างประจบสอพลอ “ท่านพ่อ มาได้อย่างไรเจ้าคะ?”

“ข้าเป็นห่วงเจ้า กลัวว่านางจะใจร้ายใจดำ พูดจาหยาบคายใส่เจ้า” น้ำเสียงของมหาเสนาบดีเซี่ยราวกับเสียดสีกับน้ำแข็ง ฟังดูเย็นชาอย่างสุดจะพรรณนา

“นางจะกล้าหรือ? หากนางกล้าทำเช่นนั้นจริง ข้าไม่ให้นางอยู่ในจวนนี่ต่อไปอีกอย่างแน่นอน” เซี่ยหว่านเอ๋อกล่าวเสียงเข้ม

ฮูหยินหลิงหลงรู้สึกหนาวไปทั้งตัว และจากนั้นนางก็รู้ได้ในทันทีว่ามหาเสนาบดีเซี่ยทราบแล้วว่าหว่านเอ๋อ ไม่ใช่ลูกสาวของเขา เขาทำแบบนี้ ก็เพื่อหลอกใช้งานหว่านเอ๋อเท่านั้น

หัวใจของนางก็เหมือนกับเรือลำน้อยที่ลอยอยู่ในทะเล รู้สึกเคว้งคว้างและหวาดกลัวอย่างอธิบายไม่ถูก ถ้าหากแม้กระทั่งเซี่ยหว่านเอ๋อที่เป็นทางรอดสุดท้ายก็ไม่เหลือแล้ว เช่นนั้นชั่วชีวิตนี้ของนางคงไม่อาจพลิกฟื้นกลับมาได้อีก

จะเป็นแบบนี้ไม่ได้ ลูกสาวก็เป็นนางที่เป็นคนให้กำเนิด หากต่อไปภายภาคหน้าลูกได้ดิบได้ดี นางที่เป็นแม่ก็ต้องได้ดิบได้ดีเช่นกัน นางไม่มีทางให้เซี่ยหวายจุนเสวยสุขไปอย่างสบาย

นางต้องวางแผนการอย่างรอบคอบ

“ข้าจะเก็บของเอง พวกเจ้าอย่ามาแตะต้องของของข้านะ!” เมื่อฮูหยินหลิงหลงคิดได้ ก็หันกลับมาและดุคนใช้ที่กำลังเก็บข้าวของอย่างโกรธจัด

เซี่ยหว่านเอ๋อที่เห็นนางเชื่อฟังเช่นนี้ ก็เลยกล่าวด้วยความพึงพอใจ “เพียงแค่ท่านอยู่ที่สวนดอกไม้ด้านหลังอย่างเชื่อฟัง ไม่ออกมาสร้างปัญหาอะไร ข้าจะไม่ทำให้ท่านต้องลำบาก”

ฮูหยินหลิงหลงแทบจะกระอักเลือดออกมา นางกัดฟันแน่น ซ่อนความโกรธและความโศกเศร้าของนางไว้เต็มหัวใจ แล้วจึงเก็บเครื่องประดับและเสื้อผ้าล้ำค่าของนางต่อ