ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 266

มหาเสนาบดีเซี่ยพูดกับเซี่ยหว่านเอ๋อ “หว่านเอ๋อเจ้าออกไปก่อนเถิด ข้ามึคำพูดเพียงไม่กี่คำ ที่จะต้องพูดกับแม่ของเจ้า”

เซี่ยหว่านเอ๋อเหลือบมองไปที่ฮูหยินหลิงหลงด้วยความกังวล นางไม่ได้กลัวว่ามหาเสนาบดีเซี่ยจะทำร้ายแม่ แต่กลัวว่านางจะพูดจาเหลวไหล

“ลูกก็อยากรับฟังอยู่ที่นี่ด้วย” เซี่ยหว่านเอ๋อกล่าว

มหาเสนาบดีเซี่ยเกลี้ยกล่อม “นี่เป็นเรื่องของสามีภรรยา จะให้เจ้าฟังอยู่ข้าง ๆ มันก็คงจะไม่ดี เจ้าออกไปก่อน วางใจเถิด พ่อรับปากเจ้าว่าจะไม่ทำให้นางลำบากใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแล้ว นางเป็นแม่ของเจ้า”

เซี่ยหว่านเอ๋อเพียงกล่าวว่า “ได้เจ้าค่ะ เช่นนั้นลูกจะออกไปรออยู่ด้านนอก”

ก่อนที่นางจะออกไป ก็ได้มองที่ฮูหยินหลิงหลงด้วยสายตาที่ดุร้าย เพื่อเป็นการเตือนนางว่า อย่าพูดจาเหลวไหลโดยเด็ดขาด

เมื่อสั่งให้คนรับใช้ออกไปแล้ว มหาเสนาบดีเซี่ยก็หันหน้ามองไปที่หน้าต่างทันที และกล่าวอย่างเย็นชา “หากเจ้ายังอยากอยู่ในจวนนี้ต่อไป ก็จงระวังคำพูดของเจ้าเอาไว้ให้ดี”

ฮูหยินหลิงหลงมองเขาอย่างเศร้าสร้อย “หลายปีที่เป็นสามีภรรยากันมา จนถึงบัดนี้แม้กระทั่งมองมายังข้าที่กำลังพูดกับท่าน ก็ไม่ได้เชียวหรือ?

“ข้าไม่อยากรู้สึกขยะแขยงตัวเอง”

“ขยะแขยง?” ฮูหยินหลิงหลงกุมมือที่อก ด้วยท่าทางโศกเศร้าหัวใจแตกสลาย “แต่เมื่อไม่นานมานี้ ท่านยังกอดข้าและบอกรักข้าอยู่เลย ส่วนเรื่องระหว่างข้ากับเฉินเอ้อร์ก็ได้ผ่านมาแล้ว ท่านจำเป็นต้องสนใจเรื่องนี้ด้วยหรือ?”

“หรือเป็นเพราะว่าข้าโกหกท่านเรื่องภาพวาด? แต่ท่านสนใจเรื่องแค่นี้ด้วยหรือ? หยวนฉุ่ยยวี่เป็นผู้ที่มีพรสวรรค์ ผู้คนทั่วหล้าต่างรู้ดี ท่านเย็นชากับนางทรมานนาง เช่นนั้นก็แสดงว่าท่านไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องพวกนี้”

“หุบปากของเจ้าไปซะ!” มหาเสนาบดีเซี่ยหันกลับมาจ้องนางด้วยสายตาอันดุร้ายทันที “ทุกคำที่เจ้าพูดออกมาล้วนทำให้ข้ารู้สึกสะอิดสะเอียนยิ่งนัก ข้ากับสามีเก่าเจ้าเป็นสหายที่ดีต่อกัน ช่วงที่เจ้าเป็นหม้าย ข้าก็ได้ไปเยี่ยมเจ้าและเห็นว่าประตูเรือนปิดอย่างแน่นหนา ไม่ติดต่อกับคนภายนอก เพียงตอนที่เจ้ารักษาตัวให้พ้นจากความยุ่งยาก ไม่สนใจผู้อื่นนั้น เจ้าก็ได้มอบภาพวาดให้กับข้าภาพนึง มันเหมือนมีชีวิตจริง ๆ งดงามยิ่งกว่าภาพที่หยวนฉุ่ยยวี่เคยให้เสียอีก ข้าจึงคิดว่าเจ้าถูกสวรรค์กลั่นแกล้งทำให้มีมลทินเลยรู้สึกสงสารเจ้า นึกไม่ถึงว่าวันนี้เจ้าจะกลายเป็นดาบปลายปืนที่สร้างความอับอายให้แกข้า”

“ท่านไม่เคยรักข้าเลยหรือ? ถ้าท่านไม่รักข้า เหตุใดถึงทำเพื่อข้าโดยการหมางเมินต่อหยวนฉุ่ยยวี่ด้วยเล่า?” ฮูหยินหลิงหลงยังคงไม่เชื่อว่าความรักอันงดงามของทั้งสองจะแปรเปลี่ยนเป็นความโหดร้ายเช่นนี้ “เรื่องระหว่างข้ากับเฉินเอ้อร์นั้นผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ข้าอยู่ต่อหน้าท่านเสมอมา”

“เช่นนั้นหรือ? อย่างนั้นแล้ว สิบปีที่ผ่านมา เขามาที่นี่เดือนละหลายครั้ง กล้าบอกไหมว่าพวกเจ้าไม่ได้ทำเรื่องผิดประเวณีกัน? เจ้าเอาเงินของข้าไปให้ไพร่ชั่นต่ำเช่นนั้น เมื่อนึกถึงเรื่องนั้นขึ้นมาข้าก็เกลียดจนอยากจะฆ่าเจ้า” มหาเสนาบดีเซี่ยจ้องมองนางด้วยดวงตาที่เหมือนมีไฟแห่งโทสะแผดเผาอยู่

“ไม่จริง มันไม่ได้มีเรื่องเช่นนั้น!” ฮูหยินหลิงหลงร้องไปพลางอธิบายไปพลาง “ข้ากล้าสาบานต่อฟ้า ไม่มีเรื่องเช่นนั้นจริง ๆ เดิมทีข้าเองก็อยากเลิกติดต่อกับเขา แต่ว่าเขาใช้เรื่องในอดีตมาข่มขู่ข้า บอกว่าถ้าข้าไม่ให้ผลประโยชน์กับเขา เขาก็จะฟ้องเรื่องของข้ากับท่าน ดังนั้นข้าจึงไม่กล้าทำให้เขาขุ่นเคือง เพราะกลัวว่าจะต้องสูญเสียท่านไป”

“กลัวที่จะสูญเสียข้าไป หรือว่ากลัวจะสูญเสียสถานะอันสูงส่งและความมั่งคั่งที่เจ้ามีในตอนนี้กันแน่? ไม่เอาน่า เฉินหลิงหลง ข้าไม่อยากพูดเรื่องพวกนี้กับเจ้าแล้ว เพราะมันยิ่งจะทำให้ข้าโกรธเกลียดเจ้ามากขึ้น ตอนนี้ข้าอยู่ที่นี่กับเจ้าเพียงสองคน ข้าก็แค่อยากจะเตือนเจ้าไว้ว่า หากเจ้ายังอยากจะใช้ชีวิตอย่างสงบสุขต่อไป ก็ทำตัวกับข้าให้ดี เรื่องของหว่านเอ๋อ เจ้าต้องระมัดระวังคำพูดด้วย”

“ท่านก็แค่เก็บนางเอาไว้เพื่อใช้งานใช่หรือไม่เล่า?” ฮูหยินหลิงหลงยิ้มเย้ยหยัน ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความสิ้นหวังและหัวใจที่แตกสลาย

“เป็นพ่อลูกมานานตั้งหลายปี อย่างไรเสียก็ต้องมีความผูกพันธ์อยู่บ้าง เจ้าเชื่อก็ดี ไม่เชื่อก็ตามใจเจ้า” พูดจบเขาก็สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปอย่างเย็นชา

ฮูหยินหลิงหลงนั่งลงบนเก้าอี้อย่างเลื่อนลอย และยิ้มอย่างเย็นชา ยิ้มเสร็จก็ร้องไห้ “ข้าไม่เชื่อท่านหรอก คนอย่างท่านจะนึกถึงความผูกพันธ์พ่อลูกงั้นหรือ? ถ้าท่านนึกถึงจริง ก็จะไม่ทำกับเซี่ยจื่ออันเช่นนี้ ในใจของท่าน หน้าที่การงานกันเส้นสายในราชสำนักนั้นสำคัญที่สุด ข้าไม่มีทางเชื่อท่านหรอก”

สิบหกปีแล้วที่นางเป็นฮูหยินของจวนมหาเสนาบดี แม้ว่าจะไร้สถานะ แต่ว่าในจวนแห่งนี้ ทุกคนต่างก็รู้ว่านางคือนายหญิงของเรือน คนนอกก็เช่นกัน

นางไม่อาจไปอยู่คลุกคลีกับพวกที่ร้ายกาจที่สวนดอกไม้ด้านหลังได้ ดังนั้นนางจะต้องออกมาอย่างแน่นอน