ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 267

มหาเสนาบดีเซี่ยไม่ได้ปฏิบัติต่อนางไม่ดี เขาได้มอบสาวใช้ให้กับนางซึ่งนางหนึ่ง ก็คือชู่ยู่ที่ถูกทางเซี่ยจื่อหย่วนขับไล่ออกมา

ชู่อวี่ต้องการติดตามฮูหยินหลิงหลงมาโดยตลอด ครั้งนี้ถึงแม้ว่านางจะได้สิ่งที่ต้องการ แต่น่าเสียดาย ฮูหยินหลิงหลงในยามนี้ไม่อาจเทียบเท่าหยวนซื่อในวันนี้ได้แล้ว

ชู่อวี่เข้ามาด้วยจมูกที่ฟกช้ำและหน้าบวม นางยังไม่ทันจะนั่งลง ฮูหยินหลิงหลงก็ใช้ให้นางกวาดพื้น

โชคไม่ดีนางจำต้องหยิบไม้กวาดขึ้นมา ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยในการกวาดห้องให้สะอาด จากนั้นฮูหยินหลิงหลงก็ใช้ให้นางไปทำความสะอาดลานของเรือนและศาลาอีก

ตอนที่ชู่อวี่อยู่ที่เซี่ยจื่อหยวนนางได้ถูกทุบตี บัดนี้ได้อยู่ที่นี่แล้ว แม้แต่สักอึกเดียวก็ยังไม่ได้ดื่มแถมยังต้องยุ่งกับเรื่องงานเรือนอีก นางจะเต็มใจทำได้เช่นไร? นางนั่งลง และตอนที่นางอยู่ที่นี่นั้นกำลังยุ่งอยู่กับการทำสิ่งต่าง ๆ จึงกล่าวด้วยน้ำเสียงโศกเศร้า “บ่าวขอพักสักครู่ แล้วค่อยไปทำความสะอาดนะเจ้าคะ”

ฮูหยินหลิงหลงขมวดคิ้วแล้วบิดหูของนางอย่างแรง “แม้กระทั้งเจ้ายังกล้ารังแกข้าด้วยใช่หรือไม่? ยามปกติเจ้าก็รบเร้าอยากมารับใช้ข้ามิใช่หรือ? ตอนนี้ฝันของเจ้าเป็นจริงแล้วนี่ ยังกล้าที่จะบ่นอีก?”

ก่อนหน้านี้ที่ชู่อวี่ถูกเสี่ยวซุนทุบตี ทั้งหูและแก้มก็ล้วนได้รับบาดเจ็บอยู่แล้ว เมื่อถูกนางบิดหูเช่นนี้ ชุ่ยยู่ก็เริ่มร้องไห้โอดครวญ “ฮูหยินโปรดยกโทษให้บ่าวด้วย ยกโทษให้บ่าวด้วยเถิดเจ้าค่ะ บ่าวจะไปทำความสะอาดให้เดี๋ยวนี้!”

ฮูหยินหลิงหลงที่กำลังเดือดดาลเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยากที่จะหาคนมาใช้ระบายโทสะนี้ได้ มีหรือจะยอมปล่อยนางไปง่าย ๆ? จากนั้นไม่นานฮูหยินหลิงหลงก็ตบตีชู่อวี่จนกระทั่งมุมปากและจมูกของนางมีเลือดออก ถึงจะยอมรามือไป

หลังจากงานเลี้ยงฉลองวันเกิดผ่านไป ฮูหยินผู้เฒ่ากับมหาเสนาบดีเซี่ยก็ไม่เคยเรียกตัวจื่ออันออกมาพูดคุยอีก

พวกเขารู้สึกว่ายังไม่ใช่เรื่องที่จำเป็น

ในจวนที่ไม่มีฮูหยินหลิงหลงคอยจัดการดูแล ทำให้ฮูหยินผู้เฒ่ารู้สึกเหนื่อยล้า เซี่ยหว่านเอ๋อเสนอตัวเป็นผู้ดูแลจวนเอง ฮูหยินผู้เฒ่ากับมหาเสนาบดีเซี่ยจึงตอบตกลง

ผู้ดูแลจวนคนใหม่จัดการดูแลจวนอย่างเข้มงวด เรื่องแรกที่เซี่ยหว่านเอ๋อสั่งการไปก็คือหยุดส่งเสบียงไปให้ทางฝั่งเรือนเซี่ยจื่อหยวน และแม้กระทั่งค่าใช้จ่ายในแต่ละวันก็ให้หยุดให้ด้วย

เรื่องนี้ไม่ได้แจ้งกับทางเรือนเซี่ยจื่อหยวนโดยตรง จึงทำให้แม่นมหยางและเสี่ยวซุนถูกปฏิเสธและถูกดูหมิ่นเมื่อพวกนางไปหยิบของ

มันหมายความว่า ต่อไปคนของเรือนเซี่ยจื่อหยวน ต้องพึ่งพาตนเองแล้ว

หยวนซื่อพอมีเงินอยู่บ้าง แต่ว่าก่อนหน้านี้ได้มอบให้กับลูกสะใภ้ของเฉินเอ้อร์และลูก ๆ ของนางไป และยังได้ใชัติดสินบนหมอหลี่กับซื้อสาวใช้ที่เป็นคนบ้านเดียวกันกับเสี่ยวซุนมาด้วย ดังนั้นจึงเหลือเงินไม่มากแล้ว

หยวนซื่อไม่ได้กังวล เพราะนางยังคงมีเครื่องประดับที่สามารถนำไปขายได้

เสี่ยวซุนบอกกับจื่ออันเป็นการส่วนตัวว่าเครื่องประดับเหล่านี้ล้วนเป็นสินสอดทองหมั้น ที่ท่านแม่ของฮูหยินทิ้งไว้ให้ก่อนที่นางจะเสียชีวิต

จื่ออันไม่อาจขายสินสอดทองหมั้นเหล่านี้ของหยวนซื่อได้ แต่เงินที่เหลือเพียงน้อยนิด อีกไม่นานคงใช้จนหมด

มู่หรงจ้วงจวงที่มาถึงพอดี ก็ได้ยินที่พวกเขากังวลเกี่ยวกับการดำรงชีวิต ยิ้มและพูดออกมา “ก็แค่เงินไม่ใช่เหรอ? ข้ามีอยู่แล้ว ต้องการเท่าไหร่ข้าจะส่งมาให้เจ้าเอง”

ในฐานะที่เป็นองค์หญิงใหญ่ ที่ดินที่เป็นมรดกตกทอดของนาง ทุกปีมันสามารถทำเงินให้กับนางได้มากมายมหาศาล ดังนั้นเรื่องเงินทองไม่เคยอยู่ในสายตานางเลย

จื่ออันปฏิเสธนางไป “ขอบพระทัยสำหรับความกรุณาขององค์หญิง ที่จะให้ความช่วยเหลือดูแลคนที่ลำบาก แต่การพึ่งพาองค์หญิงตลอดเวลาไม่ใช่วิธีการที่ดี อีกอย่างหม่อมฉันก็รู้ทักษะทางการแพทย์และด้วยมือคู่นี้ การยืนด้วยลำแข้งตัวเองย่อมไม่ใช่ปัญหา”

จ้วงจ้วงขมวดคิ้ว “ยืนด้วยลำแข้งตนเอง? สตรีที่พึ่งพาตนเองก็มีอยู่บ้าง ไม่ไปเป็นสาวใช้ในจวน ก็จะถูกขายออกไป ไม่ก็ไปเปิดแผงขายเต้าหู้หรือบะหมี่เกี๊ยวในเมืองเล็ก ๆ เจ้าทำอย่างไหนได้บ้างล่ะ?”

จื่ออันดึงตัวจ้วงจ้วงมาด้านข้าง และกระซิบคำสองสามคำ

จ้วงจ้วงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “เรื่องนี้สามารถทำได้ ยิ่งเจ้าได้ทำการรักษาอ๋องเหลียงและเจ้าเจ็ดด้วยแล้วแค่แพร่กระจายข่าวนี้ออกไป ต้องมีเศรษฐีมากมายมารักษาโรคกับเจ้าอย่างแน่นอน และก็จะได้ค่ารักษาเป็นเงินทองมหาศาล”

“ขอบพระทัยองค์หญิงที่ทรงดูแลให้” จื่ออันพูดอย่างจริงใจ

“เจ้าไม่ต้องห่วง นี่ไม่ใช่เรื่องยาก แม้ว่าโดยปกติแล้วข้าจะไม่ค่อยได้ติดต่อกับพวกชนชั้นสูงเหล่านั้นสักเท่าไหร่ แต่แค่ส่งข่าวออกไปคงจะไม่เป็นไร” จ้วงจ้วงกล่าว

ตั้งแต่วันที่นางเรียนแพทย์ นางก็เชื่อว่าการฝึกฝนวิชาแพทย์จะเป็นอาชีพตลอดชีวิตของนาง และนางไม่ต้องการที่จะมีส่วนร่วมในการต่อสู้ใด ๆ อย่างสุ่มสี่สุ่มห้า จนละเลยคุณค่าของชีวิตนาง