ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 268

ตอนที่นางเพิ่งจะมาถึงที่นี่ สี่งที่คิดหนักเลยก็คือจะมีจะชีวิตอยู่ต่อไปอย่างไร ตอนนี้ในเบื้องต้นนางสามารถตั้งหลักได้อย่างมั่นคงแล้ว นางจะต้องหาทางออกสำหรับอาชีพของนาง เพื่อให้นางสามารถเลี้ยงตนเองและหยวนซื่อได้

ระหว่างทางที่ไปที่จวนอ๋องเหลียง มู่หรงจ้วงจ้วงก็ถามจื่ออันตามตรง

“กำลังวางแผนอยู่หรือ? ก็แค่ให้องค์หญิงช่วยข้าหา…”

มู่หรงจ้วงจ้วงขัดจังหวะนางขึ้นมา “เจ้าก็รู้ว่าข้าไม่ได้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ว่าเรื่องเฉินหลิงหลงและเซี่ยหว่านเอ๋อเจ้าวางแผนว่าจะจัดการอย่างไร? ไหนจะจวนมหาเสนาบดีนั่นอีก เจ้าคงจะไม่ได้ไร้เดียงสาจนคิดว่าทางจวนนั่นจะปล่อยเจ้าไปอย่างง่ายดายใช่หรือไม่? ครั้งนี้พวกเขาพ่ายแพ้อย่างราบคาบ จวนมหาเสนาบดีต้องอับอายขายหน้า ทุกอย่างล้วนเกิดจากเจ้า”

แม้ว่ามู่หรงจ้วงจ้วงจะไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์แต่นางก็รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น

“ทหารมาใช้ขุนพลต้านรับ น้ำมาใช้ดินต้าน!” จื่ออัน เปิดม่านออกและมองดูผู้คนเดินกันขวักไขว่ไปมาอย่างเร่งรีบ

“เฉินหลิงหลงและเซี่ยหว่านเอ๋อเล่า?” มู่หรงจ้วงจ้วงรู้สึกรังเกียจสองคนนี้มาก และรู้สึกเสมอว่าจุดจบของพวกนางยังไม่สาสมใจสักเท่าไหร่ เกี่ยวกับเรื่องบังคับให้อภิเษก นางเองก็เข้าใจกระจ่างหมดแล้วด้วย

“องค์หญิง เรื่องพวกนั้นปล่อยให้มันเป็นไปเถิดเพคะ” จื่ออันไม่ได้พูดอะไรมาก แต่ยังคงมีความเกลียดชังอยู่ในใจของเธอไม่เปลี่ยน

นางรู้ว่าความเกลียดชังนี้เป็นของเจ้าของร่างคนเดิมที่หลงเหลืออยู่ นางตายด้วยเงื้อมมือของมู่หรงเฉียว เฉินหลิงหลง และเซี่ยหว่านเอ๋อ หากสองคนนี้ไม่ตาย ความแค้นนี้ก็จะไม่มีวันหายไป

“อย่าใจอ่อนเกินไป คนบางคนไม่ใช่แค่เพราะว่าเจ้าหลีกทางให้แล้วพวกเขาจะรู้สึกขอบคุณเจ้านะ พวกเขาได้คืบจะเอาศอก” จ้วงจ้วงคิดว่าจื่ออันตัดสินใจจะปล่อยพวกเขาไปจริง ๆ เลยเตือนสตินางด้วยความหวังดี

“องค์หญิงวางพระทัยได้ หม่อมฉันรู้ว่าอะไรที่เหมาะที่ควร!” จื่ออันมองไปที่นางด้วยความรู้สึกที่ประทับใจเล็กน้อย แม้ว่าตนเองจะรู้จักกับมู่หรงจ้วงจ้วงเพียงไม่นาน และยังไม่ถือว่าเป็นสหายที่สนิทกันมาก แต่ว่านางก็ยังนึกถึงจื่ออันเสมอ

ในสมัยโบราณ ไม่ใช่มีเพียงแต่แผนการและการกบฎเท่านั้น แต่ก็มีมิตรภาพที่ดีงามด้วยเช่นกัน สำหรับนางแล้ว ถือเป็นการปลอบโยนที่ยิ่งใหญ่มาก

รถม้าถูกหยุดไว้กลางทาง และคนที่หยุดรถม้าไว้ก็คือ เฉินหลิวหลิ่ว

เฉินหลิวหลิ่วขี่ม้ามา นางแต่งกายด้วยเสื้อผ้าดูทะมัดแทมง และนั่งบนหลังม้าอย่างสง่างาม หากมีแบกห่อผ้าไว้บนหลังด้วย จะต้องดูน่าเกรงขามมากเป็นแน่

นางเบี่ยงตัวลงจากม้า จากนั้นเฉินหลิวหลิ่วก็ขึ้นรถม้ามา โน้มตัวลงถาม “เสด็จย่าให้ข้าติดตามเจ้าไปสิบสองชั่วยาม จนกว่าข้าจะได้แต่งงานออกเรือน”

จื่ออันไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เหล่าไท่จวินผู้นี้รีบร้อนเกินไปหรือไม่? ตกกันดีแล้วว่าครึ่งปีไม่ใช่หรือไงนะ?

จ้วงจ้วงสนิทสนมกับคุณหนูตระกูลเฉินมานานแล้วเมื่อได้ยินที่นางพูดเช่นนี้ นางก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาก” ท่านย่าของเจ้ากังวลมากเกินไปแล้ว เจ้าดูข้าสิ ข้าก็ยังไม่ได้อภิเษกออกไปเหมือนกันมิใช่หรือ?”

เฉินหลิวหลิ่วเหลือบมองไปที่จ้วงจ้วง “ท่านย่าบอกว่าจะเอาอย่างองค์หญิงใหญ่ไม่ได้ อายุอานามตั้งเท่าไหร่แล้วแต่ยังไม่อภิเษกออกไป เพื่อหลีกเลี่ยงท่าน พี่เซียวเซียวยังต้องไปอยู่ชายแดนเลย”

จ้วงจ้วงทำหน้าบูดบึ้ง “หลิวหลิ่ว ข้าแค่ปลอบใจเจ้า อย่าทำร้ายกันสิ”

จื่ออันที่ได้ยินคำพูดของหลิวหลิ่วก็เอ่ยถาม “ใครคือ เซียวเซียวเหรอ?”

หลิวหลิ่วเบิกตากว้าง “เจ้าไม่รู้จักเซียวเซียวเลยหรือ? แม่ทัพใหญ่เซียวไงล่ะ!”

“แม่ทัพใหญ่เซียว ไม่ใช่เซียวท่าหรอกหรือ?” จื่ออันงงงวย

“เซียวเซียวเป็นพี่ชายของเซียวท่า ต่อไปเขาจะเป็นลุงของข้า” หลิวหลิ่วพูดอย่างหน้าไม่อาย

จ้วงจ้วงถลึงตามองนาง “มียางอายไหมนั่น? เรื่องนี้ยังไม่เห็นวี่แววของความสำเร็จเลย เจ้ายังมีหน้ามาป่าวประกาศอีกหรือ?”

“เรื่องนั้นไม่สามารถเปลี่ยนหรือแก้ไขได้หรือ? ท่านย่าบอกว่าจื่ออันคือว่าที่พระชาของผู้สำเร็จราชการ เซียวท่ากับอ๋องเจ็ดก็เป็นเพื่อนสนิทกัน เพียงแค่ว่าที่พระชายาพูดมาคำเดียว เซียวท่าจะไม่แต่งก็ไม่ได้แล้ว”

นางมองไปที่จื่ออัน “เจ้าว่าใช่หรือไม่? ถ้าเรื่องแค่นี้ก็ไม่ตอบตกลง แล้วจะเป็นเพื่อนสนิทของท่านอ๋องได้อย่างไร? ถ้าหากใครเป็นเพื่อนกับข้า พี่ชายทั้งสิบสองคนของข้า มาเลือกเอาไปได้เลย พวกท่านก็ดูไว้ ชอบคนไหนก็บอกข้ามา!”