ตอนที่ 151 จ้าวเหวินเทาสร้างรังของตัวเอง

เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零]

ตอนที่ 151 จ้าวเหวินเทาสร้างรังของตัวเอง

พี่สาวห้าจ้าวยังต้องไปทำงาน จึงไม่สามารถกลับมาได้ แต่หล่อนก็เก็บเสื้อผ้าส่วนหนึ่งฝากให้พี่สาวใหญ่จ้าวนำมาให้

เย่ฉูฉู่ขอบคุณพี่สาวใหญ่ของสามี จากนั้นจึงรับถุงมาเปิดดู

ในนั้นมีทั้งเสื้อผ้าของลูกสาวและลูกชาย แม้ว่าจะเป็นเสื้อเก่า มีเสื้อใหม่ไม่ถึง 10% แต่ก็ถูกซักจนสะอาดสะอ้าน ทั้งยังมีกลิ่นหอมของสบู่ด้วย

เด็กในยุคนี้ยังสวมเสื้อเก่ากันทั้งนั้น เป็นเสื้อที่บรรดาพี่ป้าน้าอาส่งมอบให้แก่กัน เสื้อของเด็กใหญ่ที่เหลืออยู่ก็นำมาให้เด็กเล็กใส่ เสื้อของเด็กเล็กก็ส่งต่อให้คนอื่นอีกทอดหนึ่ง

แต่ถ้าเป็นเสื้อที่เก่าเกินไปก็จะทำการปะก่อนแล้วค่อยใส่ แต่ถ้าปะแล้วไม่สามารถใส่ได้ ก็จะนำมาผ้ามารวมเข้าด้วยกัน เพื่อทำเป็นพื้นรองเท้าหรือด้านข้างของรองเท้า

รองเท้าหุ้มส้นก็ทำจากของสิ่งนี้เหมือนกัน จะไม่มีการสิ้นเปลืองแม้แต่น้อย

ไม่มีใครรังเกียจ ต่างคนต่างเข้าใจกันอย่างลึกซึ้ง และไม่ต้องกังวลปัญหาใด ๆ ทุกคนต่างก็มีแนวคิดง่าย ๆ เด็ก ๆ จึงไม่จำเป็นต้องสวมใส่เสื้อผ้าที่ดีเกินไป

“ฉูฉู่ พี่คิดว่าเด็กเล็กไม่จำเป็นต้องพิถีพิถันให้มากเกินไปหรอก นี่ไม่ได้เลือกชุดมา มีทั้งชุดของเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิง เธอไม่ได้มีข้อห้ามอะไรใช่ไหม?” พี่สาวใหญ่จ้าวเห็นว่าน้องสะใภ้ไม่ได้รังเกียจ จึงถามเคล้ารอยยิ้ม

พี่สาวใหญ่จ้าวเองก็เพิ่งจะนึกขึ้นได้ ถ้าน้องสะใภ้อยากได้ลูกชายขึ้นมา แล้วเห็นว่าตนนำเสื้อผ้าของเด็กผู้หญิงมาให้แล้วจะนึกโกรธเคือง หล่อนรู้สึกไม่ดีจึงต้องอธิบายสักสองสามประโยค

เย่ฉูฉู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ดูพี่สาวใหญ่พูดเข้าสิ จะไปมีข้อห้ามอะไรกันล่ะคะ เด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิงจะตัดสินใจเลือกได้สักกี่ชุดกันเชียว?”

“งั้นก็ดีเลย” พี่สาวใหญ่จ้าวหัวเราะ “ฉันเองก็เพิ่งนึกขึ้นได้ ตอนที่เก็บกวาดบ้าน ฉันคิดแค่ว่าจะเอามาให้เยอะ ๆ หน่อย แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมากมาย”

พี่สาวใหญ่จ้าวเป็นคนจริงใจ หล่อนจึงไม่ได้คิดอะไรมากมายขนาดนั้น

“พี่สาวใหญ่ ชุดที่พี่จะเอาไปให้ลูกของพี่สะใภ้สี่จะเลือกชุดเด็กผู้ชายไปหน่อยไหมคะ?” เย่ฉูฉู่กล่าว

พี่สาวใหญ่จ้าวเองก็ไม่ใช่คนโง่ หล่อนเข้าใจได้อย่างรวดเร็วว่าอีกฝ่ายหมายความว่าอย่างไร จึงพยักหน้า “อีกเดี๋ยวฉันจะเลือกไว้ เดี๋ยวจะเลือกจากชุดของพี่สาวห้าเธอด้วย”

น้องสะใภ้สี่อยากได้ลูกชายจนแทบเป็นบ้าแล้ว พูดกับใครต่อใครว่าในท้องของหล่อนคือลูกชาย

จะใช่หรือเปล่าก็ยังไม่รู้ แต่คงไม่ดีนักที่จะทำให้หล่อนหน้านิ่วคิ้วขมวด ในเมื่ออยากได้ลูกชายก็เลือกหยิบเสื้อผ้าเด็กผู้ชายไปเลยจะได้สิ้นเรื่อง

เย่ฉูฉู่พยักหน้า

อันที่จริงพี่สาวใหญ่จ้าวก็แอบถอนหายใจอยู่เหมือนกัน “พี่สะใภ้สี่ของเธอก็ไม่ได้ง่าย ๆ เลยนะ ลูกสาวสองคนแล้ว ถึงได้ตั้งตารอคอยลูกชายสุดหัวใจ เฮ้อ!”

ได้ลูกสาวทั้งหมดแบบนี้ หล่อนเองก็เข้าใจความรู้สึกของน้องสะใภ้จ้าวสี่ดี

พี่สาวใหญ่จ้าวทราบดีว่าที่ตำแหน่งของหล่อนในตอนนี้มั่นคงได้ขนาดนี้ ก็เป็นเพราะหล่อนให้กำเนิดแฝดมังกรหงส์ให้กับสามีเมื่อแต่งเข้าไปอยู่ในบ้าน

จึงทำให้หล่อนมีที่นั่งอันมั่นคงภายในตระกูลหวังที่มีผู้สืบทอดตระกูลเพียงหนึ่งเดียว

ภายหลังหล่อนก็ให้กำเนิดลูกชายและลูกสาวมาอีกอย่างละคน ตระกูลหวังเกิดความเฟื่องฟูก็เป็นเพราะตบแต่งหล่อนเข้าบ้าน ดังนั้นตำแหน่งภายในตระกูลสามีของหล่อนจึงไม่สั่นคลอนแม้แต่น้อย

ลองให้หล่อนคลอดแต่ลูกสาวออกมาดูสิ?

แม้พ่อแม่สามีจะรักหลานสาวเหมือนกัน แต่นั่นก็เป็นเพราะพวกเขามีหลานชายแล้วสองคน ดังนั้นการมีทั้งหลานชายและหลานสาวจึงทำให้พวกเขาพึงพอใจ แต่จะให้มีแค่หลานสาวคงไม่ได้

เมื่อเปิดอกในหัวข้อนี้แล้ว จากนั้นทั้งสองคนก็พูดถึงเรื่องสร้างบ้าน

ประเด็นหลักคือพี่สาวใหญ่จ้าวถามถึงเรื่องค้างจ่ายว่ามีแรงกดดันสูงหรือไม่อะไรทำนองนั้น

“แรงกดดันก็มีนิดหน่อยค่ะ แต่เหวินเทาบอกแล้วว่าไม่มีปัญหาอะไร เขาบอกฉันว่าไม่ต้องเป็นกังวล” เย่ฉูฉู่กล่าว

“อืม ให้เขาทำงานไปเถอะ ส่วนเธอก็ไม่ต้องคิดอะไรให้มากมายขนาดนั้น ดูแลร่างกายของตัวเองให้ดีก็พอ ฉันว่าเธอเองก็ดูแลตัวเองได้ไม่เลวเลยนะ หน้าตาสดใสผุดผ่องเชียว” พี่สาวใหญ่จ้าวกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“วัน ๆ ฉันก็อยู่แต่ในบ้านไม่กินก็นอน ใกล้จะกลายเป็นหมูน้อยอยู่แล้วค่ะ” เย่ฉูฉู่พูดติดตลก

พี่สาวใหญ่จ้าวเห็นเย่ฉูฉู่ทำท่าทางขี้เล่นแบบนี้ ภายในใจก็อยากหัวเราะออกมา

แต่หล่อนรู้ดีว่าน้องชายของตนชอบผู้หญิงแบบนี้ ตัวเขาจะเหนื่อยสักนิดลำบากสักหน่อยไม่เป็นอะไร ขอแค่ภรรยาของเขายังงดงามเหมือนดอกไม้คล้ายกับหยกก็พอ

ดังนั้นจึงเรียกได้ว่าหม้อเป็นแบบไหนฝาก็เป็นแบบนั้น ต่างฝ่ายต่างถูกโชคชะตากำหนดไว้แล้ว

หลังจากงานเลี้ยงผ่านไปได้หนึ่งสัปดาห์ หลังคาบ้านของจ้าวเหวินเทาก็ถูกปูด้วยกระเบื้อง

จากนั้นจึงฉาบด้วยดินเหนียว โดยปกติแล้วในบ้านและนอกบ้านต้องฉาบด้วยดินเหนียวอย่างน้อยสามรอบ เพราะยิ่งฉาบด้วยดินเหนียวมากเท่าไรก็จะยิ่งอบอุ่นเท่านั้น

ฤดูหนาวทางฝั่งนี้ของพวกเขาหนาวเป็นพิเศษ ดังนั้นสิ่งนี้จึงมีความสำคัญมาก

หลังจากฉาบดินเหนียวเสร็จแล้ว จ้าวเหวินเทาก็เริ่มสร้างห้อง

เขาทำตามบ้านของคนอื่นภายในเมือง ซึ่งกำแพงกั้นห้องจะบางมาก แบบนี้ช่วยประหยัดพื้นที่ได้ ทั้งยังประหยัดวัสดุด้วย

แต่กำแพงห้องของจ้าวเหวินเทาต้องหนาขึ้นอีกหน่อย เพราะตอนที่เขาจู๋จี๋กับภรรยาขี้อ้อน อาจไม่สามารถควบคุมเสียงอันไพเราะของตนเองได้

ดังนั้นจึงต้องทำให้หนาสักหน่อย

อิฐหนึ่งแถวกั้นห้องได้ห้าห้อง มีประตูทางเข้าหนึ่งบาน และหน้าต่างซ้ายขวาอีกสองบาน

ทางตะวันออกเป็นห้องหลัก ส่วนข้าง ๆ เป็นห้องกลาง มีหน้าต่างและประตูอย่างละบาน ค่อนข้างกว้างขวาง ถึงเวลาที่มีแขกเหรื่อมาเยือนก็สามารถใช้ห้องนี้เพื่อต้อนรับได้

ทางตะวันตกมีสองห้อง ทางตะวันตกริมสุดเป็นห้องที่พวกเขาทั้งสองคนอาศัย

คนในชนบทมีคำพูดที่กล่าวว่า คนแก่ต้องพักอยู่ห้องตะวันออก ลูก ๆ พักอยู่ห้องตะวันตก

ใกล้กับห้องของพวกเขาเป็นห้องของลูก เขาตัดสินใจติดตั้งประตูบานเลื่อนกระจก แต่นี่เป็นเรื่องที่จะทำในภายหลัง

จากนั้นก็เป็นเตียงเตา เตาที่อยู่ทางห้องตะวันออกทั้งสองห้องเชื่อมต่อกัน ส่วนตะวันตกก็เช่นเดียวกัน เป็นเตียงเตาทั้งหมด สาเหตุก็เป็นเพราะห้องครัวสร้างอยู่ด้านหลัง เมื่อก่อเตาทำอาหารก็ถือโอกาสอุ่นเตียงไปด้วยเลย ไม่เช่นนั้นหากต้องอุ่นเตาอย่างเดียวจะยุ่งยากเกินไป

ห้องด้านหลังทางตะวันออกกั้นห้องขนาดเล็กอีกหนึ่งห้อง ใช้เป็นห้องนอนของแขก ติดตั้งเตียงเตาด้วย จึงไม่ต้องตั้งเตาไฟ แค่อุ่นเตียงได้โดยตรงก็พอแล้ว

ทางตะวันตกกั้นเป็นห้องขนาดเล็กอีกสองห้อง ด้านในสุดไว้วางพวกแป้งพวกธัญพืชเหล่านั้น ส่วนห้องที่สองเอาไว้เป็นห้องล้างหน้าแปรงฟัน พวกโอ่งผักดอง ผักดองเค็มอะไรพวกนั้นก็วางไว้ที่นี่ทั้งหมด แบบนี้จะช่วยให้บ้านสะอาดสะอ้าน เวลาขี้เถ้าลอยออกมาจากเตาในห้องครัวจะได้ไม่เลอะเปรอะเปื้อนอยู่ด้านบนด้วย

ส่วนตรงกลางเป็นห้องครัว ภาชนะหุงต้มถูกวางอยู่ในห้องครัวทั้งหมด

ที่เหลือก็เป็นการปูพื้นบ้าน

จ้าวเหวินเทาชอบกระเบื้องมันวาวแบบนั้นเป็นอย่างมาก แต่เมื่อคิดว่ากระเบื้องแบบนี้ต้องเช็ดถู เขาวิ่งออกไปค้าขายไม่ได้อยู่บ้าน ภรรยาของเขาก็รักสะอาดขนาดนั้น คงได้เช็ดถูบ้านทุกวัน แบบนั้นจะเหนื่อยขนาดไหนกันนะ

ท้ายที่สุดจึงล้มเลิกความคิด แล้วเปลี่ยนมาปูด้วยอิฐแดง แต่ไม่ใช่แบบที่เผาในถ้ำแบบนั้น เป็นอิฐแดงประเภทที่ปูพื้นบ้านเหมือนในเมือง ค่อนข้างมีความประณีต

ส่วนกำแพงสูงจากพื้นหนึ่งเมตรใช้เป็นปูนซีเมนต์ ด้านบนทาด้วยสีขาวเทา ส่วนเพดานตรงหลังคาบ้านก็ทาด้วยสีขาวเทาเช่นเดียวกัน เพราะสีขาวเทาทำให้ดูสะอาดตา ถือว่าไม่เลวเลย

กรอบหน้าต่างทาด้วยสีขาวเช่นกัน กระจกใช้เป็นกระจกแผ่นใหญ่ ทำให้ดูทั้งสว่างและสะอาดสะอ้าน

จ้าวเหวินเทาคิดว่าภรรยาของเขาต้องชอบแน่นอน!

หน้าประตูบ้านติดตั้งชายคาไว้ ส่วนด้านซ้ายและด้านขวาทำตู้ติดผนัง ไว้วางรองเท้า แขวนหมวกและเสื้อผ้า

นอกจากนี้ ถึงเวลานั้นก็สามารถวางรองเท้าแตะได้ด้วย เย่ฉูฉู่พูดถึงเรื่องนี้เป็นพิเศษ เขาจึงต้องใส่ใจกับเรื่องนี้สักหน่อย

จ้าวเหวินเทาในตอนนี้คล้ายกับนกนางแอ่นทำรัง ทำงานอย่างเต็มที่ ตกแต่งบ้านออกมาตามที่ตนเองและภรรยาคิดอยู่ในใจออกมาทีละน้อย

เมื่อเห็นว่าบ้านของจ้าวเหวินเทาเริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นภายในวันเดียว พี่รองจ้าวและพี่สามจ้าวก็ร้อนใจขึ้นมา บ้านของพวกเขาช้าเกินไปแล้ว อีกฝ่ายเกือบจะย้ายเข้าไปอยู่ได้แล้ว แต่ของพวกเขากลับเพิ่งจะถึงขั้นตอนไหนเอง?

ทำแบบนี้เห็นทีคงไม่ได้การแล้ว ต้องหารถขุดดิน

นี่ไม่ใช่ว่าพวกเขาอยากจะเปรียบเทียบหรอก แต่เป็นเพราะพืชผลในไร่ไม่รอคอยใคร

ผ่านเทศกาลไหว้บ๊ะจ่าง การถอนวัชพืชของข้าวฟ่างก็เริ่มแล้ว ส่วนพืชพรรณอื่น ๆ ก็ยังต้องไถดินอีกหนึ่งรอบ งานแต่ละอย่างก็จะตาม ๆ กันมา ถึงเวลานั้นก็จะหาคนทำงานให้ไม่ได้แล้ว

คนงานที่สร้างบ้านภายในชนบทต่างก็มีอาชีพหลักคือการปลูกพืชผลกันทั้งนั้น การสร้างบ้านเป็นแค่อาชีพเสริม ไม่เหมือนกับการสร้างบ้านในเมืองที่ทำหน้าที่สร้างบ้านก็สร้างไป ดังนั้นจึงต้องทำเวลา

………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

บ้านดูน่าอยู่มากเลยค่ะ ทุกอย่างล้วนวางแผนด้านประโยชน์ใช้สอยไว้อย่างดีทีเดียว

ไหหม่า(海馬)