“งั้นก็ดี งั้นก็ดี” พี่สะใภ้สี่จ้าวถอนหายใจเฮือกใหญ่ เพื่อลูกชายคนนี้ หล่อนจึงเป็นกังวลใจจริง ๆ

หลังจากกินและดื่มจนอิ่มหนำแล้ว พี่สะใภ้สี่จ้าวก็เริ่มง่วง หล่อนจึงเดินประคองท้องกลับไปนอน

เป็นเพราะไม่อาจเทียบชะตาชีวิตที่ดีของน้องสะใภ้คนนี้ได้ ที่หลังจากตั้งครรภ์อะไรก็ไม่ต้องทำสักอย่าง ตอนนี้หล่อนยังต้องแบกท้องไปทำนาอยู่เลย เมื่อเทียบกันแล้วอีกเดี๋ยวก็ยังต้องไปถอนวัชพืชบริเวณใกล้เคียงอีก

ทำไมชีวิตของหล่อนถึงได้ลำบากแบบนี้นะ แต่งงานกับสามีคนนั้นไม่มีประโยชน์อะไรเลย ไม่มีช่วงเวลาแห่งความสุขเลย

เย่ฉูฉู่กลับอยู่สุขสบายกว่ามาก

หลังจากคุณแม่เย่ทำธุระเสร็จแล้ว ตอนที่นางเข้ามาในห้องลูกสาวก็เห็นว่ากำลังขีดเขียนวาดรูปอยู่ เห็นได้ชัดว่าผ่อนคลายและสบายตัวมาก

การตั้งครรภ์ไม่เพียงแต่จะไม่ทำให้ลูกสาวเหี่ยวเฉาและเหนื่อยล้าแล้ว ในทางกลับกันยังดูเปล่งปลั่ง และมีชีวิตชีวามาก คุณแม่เย่เห็นแล้วก็ไม่ได้พูดอะไร แต่ภายในใจกลับรู้สึกได้ว่าสายตาของนางยอดเยี่ยมมาโดยตลอด

ดูครอบครัวที่นางเลือกให้ลูกสาวสิ ไม่ได้แย่แม้แต่น้อยเลยใช่ไหมล่ะ?

“ชีวิตของแกตอนนี้นับวันก็เริ่มคล้ายพี่สะใภ้สามของแกเข้าทุกทีแล้วนะ” คุณแม่เย่กล่าวเคล้ารอยยิ้ม

เมื่อนึกถึงลูกสะใภ้สามตอนที่อยู่บ้านตอนนั้น หล่อนเองก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน นั่งขีดเขียนวาดรูป ดื่มน้ำชานิดหน่อยอะไรพวกนั้น เมื่อเห็นว่าลูกสาวก็เป็นเช่นเดียวกัน คุณแม่เย่ก็แอบรู้สึกขบขัน

เย่ฉูฉู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “เหมือนกับพี่สะใภ้สามแล้วยังไงเหรอคะ พี่สะใภ้สามดีจะตายไปนะ”

“ก็ใช่น่ะสิ พวกแกต่างก็มีความสุขด้วยกันทั้งคู่” คุณเม่เย่มองขาของลูกสาว “ยังดีนะที่ไม่ได้บวมมาก”

“ค่ะ พี่สะใภ้สี่บวมหนักมากเลย ส่วนฉันแค่รู้สึกทำอะไรไม่ค่อยสะดวก แต่อย่างอื่นก็ยังดีอยู่” เย่ฉูฉู่กล่าว

การตั้งครรภ์ลูกคนนี้ไม่ได้รู้สึกทรมานอะไร ก่อนหน้านี้นอกจากจะรู้สึกพะอืดพะอมตอนที่ได้กลิ่นน้ำมันหมูหรือกลิ่นเนื้อแล้ว อย่างอื่นก็ไม่มีอะไรที่รู้สึกไม่สบาย แต่ตอนนี้ไม่ได้เป็นอะไรแล้ว นี่เข้าเดือนที่สี่กว่า ๆ มีอาการเท้าบวมเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ชัดเจนอะไร

“เด็กคนนี้ดีนะ ไม่สร้างปัญหาให้แม่ตัวเองเลย” คุณแม่เย่กล่าว “คิดว่าคงเป็นลูกสาวล่ะ ลูกสาวจะรักแม่ของตัวเอง”

เย่ฉูฉู่ลูบท้องตัวเอง กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ฉันได้ยินเหวินเทาเอาแต่บ่นถึงลูกชาย นี่ถ้าได้ลูกสาว ไม่รู้ว่าเขาจะรู้สึกลำบากใจหรือเปล่าน่ะค่ะ”

คุณแม่จ้าวกล่าว “เหวินเทาไม่ได้มีความคิดแบบนั้นหรอก เขาก็แค่อยากได้ลูกคนโตเป็นผู้ชาย หลังจากนี้จะได้ดูแลน้องสาวได้ ไม่ได้หมายความว่าแกต้องได้ลูกชายคนแรกสักหน่อย เขาบอกกับแม่แล้วว่าเขาไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนั้น จะเป็นลูกชายหรือลูกสาวก็เป็นลูกของเขา เขาก็รักทั้งนั้นแหละ แกก็อย่าคิดมากเลย”

“ฉันไม่ได้คิดมากหรอกค่ะ แต่พวกผู้ชายต่างก็อยากได้ลูกชายกันทั้งนั้น” เย่ฉูฉู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “เพียงแต่ปากไม่ยอมรับก็เท่านั้น”

คุณแม่เย่แย้มยิ้มกล่าว “นี่เป็นท้องแรกของแก ไม่มีอะไรต้องกังวล หลังจากคลอดออกมาแล้วดูแลร่างกายให้ดีแล้วค่อยท้องอีกรอบก็ได้ ถึงยังไงก็ยังห่างจากการวางแผนครอบครัวที่พี่สะใภ้สามของแกบอกอีกตั้ง 2-3 ปีแน่ะ ไม่ต้องกังวล จะว่าไปพี่สะใภ้สี่ของแกคนนี้ ลูกทั้งสองคนก่อนหน้านี้ก็เป็นลูกสาวทั้งคู่เลยสินะ?”

“ค่ะ” เย่ฉูฉู่พยักหน้า “แต่ฉันว่าท้องนี้หล่อนน่าจะได้ลูกชายนะคะ”

“ถ้าเป็นแบบนี้ก็สมปรารถนาแล้วล่ะ” คุณแม่เย่กล่าว

หลังพูดเพียงเท่านี้ คุณแม่เย่ก็หยุดไป

เย่ฉูฉู่จึงถามถึงเรื่องของเย่หมิงเป่ยและโจวหมิ่น

“ฉันได้ยินมาว่าเหวินเทาโทรคุยกับพี่สามแล้ว บอกว่าพี่สะใภ้สามแพ้ท้องหนักมากเลยค่ะ” เย่ฉูฉู่กล่าว

“เมื่อไม่กี่วันก่อนพี่สามของแกก็โทรมาหาทีมใหญ่ โทรศัพท์นั้นก็จริง ๆ เลย ติด ๆ ดับ ๆ แม่เลยฟังไม่ค่อยชัด แต่ก็ได้ยินว่าพี่สะใภ้สามของแกแพ้ท้องแล้ว” คุณแม่เย่ถอนหายใจ “พี่สามของลูกถามว่าต้องทำยังไง แม่เองก็อยากรู้เหมือนกันว่ามีวิธีอะไรบ้าง ตอนที่แม่ตั้งท้องพวกลูกไม่ว่าจะกินอะไรก็อ้วกออกมาหมด ถ้ามีวิธีก็คงไม่ต้องทนทุกข์ทรมานแบบนั้นหรอก แม่เลยทำได้แค่บอกให้พี่สามของแกดูแลพี่สะใภ้สามให้มาก ๆ”

“แม่คะ หลังจากนี้พี่สามก็อาจจะต้องอยู่ที่เมืองหลวงแล้ว คงมีเวลาว่างกลับมาหาพ่อกับแม่น้อยมาก พ่อกับแม่จะโกรธพี่เขาหรือเปล่า?” เย่ฉูฉู่มองแม่ของนางขณะกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“แม่จะโกรธอะไรกันล่ะ แม่กับพ่อยังมีพี่ใหญ่กับพี่รองแก แถมยังมีแกอีกคน พวกเขาสองคนนั้นจะกลับมาหรือเปล่าก็ไม่มีอะไรต้องเป็นกังวล ที่สำคัญคือให้พวกเขาทั้งสองได้ใช้ชีวิตดี ๆ ก็พอแล้ว” คุณแม่เย่กล่าวอย่างไม่ได้ใส่ใจว่าหลังจากนี้ลูกชายจะกลับมาหรือไม่

เย่ฉูฉู่จึงยิ้มออกมา

งานเลี้ยงขึ้นคานบ้านครั้งนี้รับประทานอาหารกันจนถึงบ่ายสามบ่ายสี่ก็สิ้นสุดลง ทุกคนจึงกลับบ้านไปพักผ่อน

คุณแม่เย่อยู่ไม่นานก็กลับบ้านไปเช่นกัน ส่วนพี่สาวใหญ่จ้าวอยู่ทำความสะอาดกับคุณแม่จ้าว งานเลี้ยงรวมตัวของคนจำนวนมากเช่นนี้ ก็จะยืมถ้วยและตะเกียบของคนในหมู่บ้าน ไม่เช่นนั้นก็คงไม่พอใช้

หลังจากเรียบร้อยแล้ว คุณแม่จ้าวก็กลับไปเอนตัวพักผ่อนที่ห้อง

ผู้คนหลายสิบคนกินดื่มกัน ทำเอาแม่สามีเหนื่อยรากเลือดกันเลยทีเดียว

พี่สาวใหญ่จ้าวและแม่นอนหันศีรษะเข้าหากัน ระหว่างนั้นก็พูดคุยไปพลาง ๆ

“แม่ น้องรองกับน้องสามจะขึ้นคานบ้านตอนไหนเหรอคะ?” พี่สาวใหญ่จ้าวถาม

“ไม่รู้สิ ยังเร็วไปสำหรับพวกเขา” คุณแม่จ้าวหลับตากล่าว “เหวินเทาใช้เครื่องจักร ไม่งั้นก็คงไม่เร็วขนาดนี้หรอก เจ้าเด็กบ้าคนนี้ ใช้เงินทั้งนั้นเลย ทำเอาอกสั่นขวัญแขวนไปหมดจริง ๆ ไม่เคยเห็นใครใช้เงินเก่งขนาดนี้มาก่อน งานเลี้ยงมื้อนี้ใช้อาหารไปไม่รู้ตั้งเท่าไหร่?”

พี่สาวใหญ่จ้าวหัวเราะ “แบบนั้นถือว่ากล้าหาญมากเลยนะคะ แม่ไม่เห็นเหรอว่าคนที่มาต่างก็ชื่นชมเขากันหมด เป็นที่นิยมแบบนี้ก็ไม่ต้องห่วงเขาหรอก ในใจของเขามีแผนอยู่แล้ว ไม่มีใครเจ้าแผนการเท่ากับเขาแล้วล่ะค่ะ ลูกชายของแม่คนนี้ต้องเป็นแบบอย่างให้คนอื่นได้อย่างแน่นอน”

“ยังจะบอกว่าเป็นแบบอย่างอีก อย่าได้ทำแบบได้คืบจะเอาศอกก็พอแล้ว” คุณแม่จ้าวด่าเคล้ารอยยิ้มหนึ่งเสียง

ถึงจะเห็นว่านางบ่นแบบนี้ ทว่าภายในใจกลับรู้สึกได้หน้าได้ตาจริง ๆ

คนแก่คนเฒ่าต่างก็รอคอยเวลานี้ไม่ใช่เหรอ รอดูลูกหลานมีอนาคต ทำให้คนแก่ ๆ ได้เชิดหน้าชูตา

อีกอย่างลูกชายคนเล็กนี้ก็ทำได้แล้ว

พี่สาวใหญ่จ้าวเอนนอนครู่หนึ่ง ก็พูดว่า “แม่ แม่นอนสักหน่อยเถอะค่ะ ฉันจะไปหาฉูฉู่หน่อย”

“ได้สิ แกไปเถอะ ไปคุย ๆ กับฉูฉู่ด้วยเลย บางครั้งก็ต้องดูแลเจ้าหกอย่าปล่อยให้เจ้าหกทำตามอำเภอใจ เอาเถอะ พูดไปก็ไม่มีประโยชน์ เจ้าเด็กฉูฉู่คนนั้นอ่อนโยนเกินไป อะไรก็ฟังเจ้าหกทั้งนั้น” คุณแม่จ้าวกล่าว

สำหรับลูกสะใภ้เล็กที่เชื่อฟังลูกชายของนางแบบหลับหูหลับตา คุณแม่จ้าวเองก็จนปัญญา แน่นอนว่านางก็ไม่สามารถโทษลูกสะใภ้เล็กของนางได้ ลูกชายคนเล็กมีความคิดยิ่งใหญ่ขนาดนั้น การที่จะดูแลไม่ไหวก็เป็นธรรมดา

พี่สาวใหญ่จ้าวเดินเข้ามา เย่ฉูฉู่ก็กำลังจัดการกับผ้าหนึ่งผืนอยู่พอดี

“ฉูฉู่ นี่เตรียมทำชุดให้ลูกแล้วเหรอ?” พี่สาวใหญ่จ้าวกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“พี่สาวใหญ่มาแล้วเหรอคะ” เย่ฉูฉู่แย้มยิ้ม นางกล่าวทักทายพี่สาวใหญ่ของสามี ก่อนกล่าวว่า “เดี๋ยวฉันไปรินน้ำชาให้นะ”

“เธอนั่งเถอะ ฉันรินเองได้ ไม่ใช่คนอื่นคนไกลสักหน่อย” พี่สาวใหญ่จ้าวเองก็ไม่ได้เห็นเป็นคนนอก หล่อนรินน้ำเองก่อนจะขึ้นมาบนเตียง

เย่ฉูฉู่กล่าว “พี่สาวใหญ่ดูสิคะ ผ้านี้เป็นยังไงบ้าง? ฉันอยากทำเสื้อกันหนาวบุนวมให้ลูกน่ะค่ะ”

“เธอคลอดสิ้นเดือนสิงหาคมสินะ ถึงเวลานั้นอากาศก็ใกล้จะหนาวแล้ว” พี่สาวใหญ่จ้าวพูดพลางลูบเนื้อผ้า “นุ่มมากเลย นี่ซื้อมาเองเหรอ?”

“ภรรยาของเพื่อนเหวินเทาให้มาค่ะ ผ้าผืนนี้เอามาทำได้หนึ่งชุด ฉันกำลังคิดว่าถ้าลูกใส่กางเกงผ้าฝ้ายอาจขับถ่ายไม่สะดวก ก็เลยจะทำเป็นเสื้อกันหนาวบุนวมแทน แล้วค่อยทำชุดนวมอีกชั้น” เย่ฉูฉู่กล่าว

“ก็จริงนะ ให้ลูกใส่กางเกงเวลาขับถ่ายทำให้เปลี่ยนไม่สะดวก” พี่สาวใหญ่จ้าวพูดพลางหยิบผ้าที่หล่อนนำมาด้วยออกมาจากกระเป๋า “พี่มีเสื้อผ้าของลูก ๆ เหลืออยู่ด้วย แล้วก็มีผ้าอ้อม นุ่มเชียวล่ะ ฉันซักแล้วแช่สบู่ให้จนสะอาด เอามาให้เธอหนึ่งห่อ แล้วก็มีของน้องสะใภ้สี่อีกห่อด้วย ส่วนห่อนี้พี่สาวห้าของเธอบอกให้พี่เอามาให้ แล้วก็ให้น้องสะใภ้สี่อีกห่อหนึางด้วย”

………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

ครอบครัวอบอุ่นดีจัง ทั้งทางตระกูลเย่กับตระกูลจ้าวเลย

ไหหม่า(海馬)