บทที่ 170 บุคคลสําคัญจากย่านคนรวย!

Your Talent Is Mine ระบบคัดลอกพรสวรรค์

บทที่ 170 บุคคลสําคัญจากย่านคนรวย!

กองกําลังที่เพิ่งถูกสร้างขึ้นแน่นอนว่าคงไม่มีอัจฉริยะคนใดคิดจะเข้าร่วม และอัจฉริยะที่แท้

จริงส่วนใหญ่ล้วนมาจากภายในขุมกําลังใหญ่หรือตระกูลใหญ่ เพราะคนรุ่นหลังของเหล่ายอดฝีมือส่วนใหญ่ล้วนสืบทอดพรสวรรค์ที่แข็งแกร่งมาการที่เย่เทียนต้องการดึงดูดตระกูลใหญ่หรือลูกหลานของขุมกําลังใหญ่นั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้ ไม่มีทางที่พวกเขาจะเต็มใจเข้าร่วมเย่เทียนก็ไม่กล้ารับประกันความจงรักภักดีของอีกฝ่ายดังนั้น

เย่เทียนจึงต้องเฟ้นหาอัจฉริยะที่เหมาะสมจากสามัญชนฐานจงไห่เองก็มีพลเรือนอยู่ไม่น้อยและยังมีเขตพลเรือนขนาดใหญ่อยู่หลายแห่ง

เขตทะเลสาบกระจกเป็นเขตที่ค่อนข้างเจริญและเขตพลเรือนเหล่านั้นล้วนแล้วแต่ไม่ได้สืบทอดสายเลือดจากบรรพบุรุษที่แข็งแกร่งคนเรานั้นจึงเป็นเพียงแค่คนธรรมดาหรือไม่ก็เป็นเด็กที่พ่อแม่เคยเป็นยอดฝีมือแต่ตายไปแล้วและเมื่อตายไปก็ไม่สามารถปกป้องลูกหลานได้ ลูกหลานของคนเหล่านั้นจึงไม่มีทางเลือกอื่น

นอกจากจะย้ายไปยังเขตพลเรือน

กล่าวโดยสรุปแล้ว เขตพลเรือนไม่ได้เป็นเขตที่เจริญมากนัก แม้แต่ตึกสูงก็ยังไม่มีมีเพียงอาคารเก่าๆเพียงหลังเดียว ชีวิตของชาวบ้านก็ลําบากยากเข็ญ จึงไม่ค่อยมีผู้ฝึกยุทธ์มากนักที่จะ เข้าไปยังเขตพลเรือน

เมื่อใดก็ตามที่มีอัจฉริยะกําเนิดขึ้นจะในเขตพลเรือน พวกเขาจะออกจากเขตนั้นในทันทีและจะไม่กลับไปอีก

แม้ว่าฐานจงไห่จะเจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างมาก แต่ก็มีพื้นที่บางส่วนที่อ่อนแอเช่นกัน

แต่ต้องบอกว่าในเขตพลเรือนมักจะมีอัจฉริยะปรากฏขึ้นเสมอ แต่หากอัจฉริยะเหล่านั้นมีพรสวรรค์ไม่สูงพอก็ไม่ควรค่าแก่การฝึกฝน

ยกตัวอย่างเช่น คนที่มีพรสวรรค์ในการฝึกฝนระดับรองแต่มีพรสวรรค์พิเศษระดับสูงสุด พวกเขาไม่สามารถฝึกฝนได้และยอมแพ้ในการฝึกฝนเริ่มทํางานบางอย่าง สุดท้ายแล้วก็กลายเป็นคนธรรมดา

อัจฉริยะเช่นนี้ถูกฝังอยู่อย่างไม่ต้องสงสัย หากไม่ถูกค้นพบล่ะก็ ชีวิตของพวกเขาก็จะเป็นเช่นนี้ไปตลอดชีวิต

วันนี้

เย่เทียนเดินทางมายังเขตพลเรือนหลูหนาน ซึ่งเป็นหนึ่งในเขตพลเรือนจํานวนมากของฐานจงไห่มีประชากรประมาณ 200,000 คน

เมื่อเข้าสู่เขตพลเรือนหมูหนาน พรสวรรค์ในการคัดลอกของเย่เทียนก็แผ่ขยายออกไปครอบคลุมรัศมี 2 กิโลเมตร

พรสวรรค์ของผู้คนมากมายปรากฏขึ้นในสายตาของเย่เทียน

“พรสวรรค์ของสามัญชนไม่สูงนัก!

เย่เทียนขมวดคิ้ว

สามัญชนส่วนใหญ่มีพรสวรรค์เพียงระดับรองหรือระดับเริ่มต้นเท่านั้น และคนธรรมดาที่ไม่มี

พรสวรรค์นั้นมีอยู่น้อยมากชีวิตของพวกเขาจะดีกว่านี้หากพวกเขาอยู่ในฐานหลินไห่หรือฐาน

ทะเลมาร แต่สําหรับฐานจงไห่เพราะเขาเป็นเพียงแค่คนธรรมดา

ในฐานทัพระดับสุดยอดพรสวรรค์เช่นนี้ธรรมดาเกินไป

เย่เทียนมีข้อกําหนดที่เข้มงวดสําหรับการรับคนมาเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา ใครก็ตามที่มีพรสวรรค์ในการบ่มเพาะระดับดาราแม้ว่าเขาจะไม่มีพรสวรรค์พิเศษเย่เทียนก็ยินดีที่จะฝึกฝนพวกเขาหรือหากมีคนที่มีพรสวรรค์พิเศษที่แข็งแกร่งและมีพรสวรรค์ในการบ่มเพาะไม่สูงมากนัก

เย่เทียนก็เต็มใจที่จะฝึกฝนคนผู้นั้นเช่นกัน

หากปราศจากพรสวรรค์พิเศษอันแข็งแกร่ง หรือพรสวรรค์ในการบ่มเพาะระดับดารา เขาย่อม ไม่ต้องการฝึกฝนคนเหล่านั้นให้เสียเวลา นี่เป็นหนึ่งในหลักการในการเลือกผู้ใต้บังคับบัญชาของเย่เทียน

หากเลือกกลุ่มอัจฉริยะธรรมดาต่อให้ฝึกฝนพวกเขาพวกเขาก็จะเป็นได้แค่เพียงระดับปรมาจารย์ทั่วไปหรือระดับราชาทั่วไปเท่านั้น คนเหล่านั้นไม่สามารถช่วยอะไรเขาได้มากนัก!

“ไม่มีพรสวรรค์ดีดีเลย!”

เย่เทียนส่ายหัวและออกค้นหาในพื้นที่ต่อไป

เขตพลเรือนหมูหนาน

บนถนนแคบ ๆ เด็กหนุ่มอายุ 16 ปีเพิ่งเสร็จสิ้นจากการทํางาน ใบหน้าของเขาดูเหนื่อยล้าในมือของเขาถือถุงยาไว้แน่นและไม่กล้าที่จะปล่อยมันยาชุดนี้สําหรับเขาแล้วมันเปรียบได้ดั่งชีวิต!

น้องสาวของเขาป่วยและต้องการยาชุดนี้อย่างเร่งด่วน เขาทํางานอย่างยากลําบากเป็นเวลากว่า 1 เดือน วันนี้เจ้าของร้านได้จ่ายเงินเขา เขาจึงมีเงินมากพอซื้อสมุนไพรราคาแพงเช่นนี้มาอืมสําหรับเขาแล้วสมุนไพรเหล่านี้ราคาแพงอย่างแท้จริง

แต่สําหรับผู้ฝึกยุทธที่แข็งแกร่งสมุนไพรเหล่านี้เป็นเพียงสมุนไพรสามัญเท่านั้น”นักรบสักวันข้าจะกลายเป็นนักรบที่แข็งแกร่งให้ได!”

เด็กหนุ่มกล่าวด้วยสีหน้าเด็ดเดี่ยว

แต่พอคิดว่าตัวเองต้องทํางานทุกวันถึงจะเลี้ยงตัวเองและน้องสาวได้ ไหนเลยจะมีเวลาไปฝึกยุทธ?

อีกทั้งเขามีพรสวรรค์ในการฝึกฝนไม่สูงนักแม้ว่าจะฝึกฝนวิชาหลอมกายาแต่ก็ทําได้เพียงแค่น้อยนิดมิฉะนั้นมันจะทําให้เขาเหนื่อยจนเกินไปวันรุ่งขึ้นเขาจะไม่มีเรี่ยวแรงเพียงพอที่จะไปทํางาน

เขาฝึกฝนตั้งแต่อายุ 15 ปี ในสถานที่ที่มีปราณธรรมชาติหนาแน่นเช่นฐานจงไห่เขาเพิ่งก้าวเข้าสู่ระดับนักรบขั้นต้นเท่านั้นฐานจงไห่ระดับนี้นะว่าอ่อนแอที่สุดแม้แต่ในเขตพลเรือนหมูหนานเขาก็อ่อนแอมากในหมู่รุ่นเดียวกัน

เมื่อเดินทางใกล้ถึงบ้านเด็กหนุ่มก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

แต่ทันใดนั้นเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น

“หลินซี นายถืออะไรมา?”

หลินซีคือชื่อของเขา

เมื่อได้ยินเสียงนี้สีหน้าของเด็กหนุ่มหลินซีก็เปลี่ยนไป ความรู้สึกอันตรายเริ่มปกคลุมจิตใจของเขา

เขารีบวิ่งกลับบ้านอย่างรวดเร็ว ตราบเท่าที่เขาวิ่งกลับไปปิดประตูได้ทันมันก็จะไม่เป็นไรฐานทัพจงไห่มีกฏที่เข้มงวดแม้แต่ผู้ฝึกยุทธที่แข็งแกร่งก็ไม่กล้าที่จะปล้นบ้าน

ตอนนี้หลินซีกลัวว่าคนผู้นั้นจะขโมยยาของเขาไปหากปราศจากหลักฐานแล้วละก็เขาก็ไม่อาจทําอะไรคนผู้นั้นได้

ยิ่งไปกว่านั้นต่อให้เขาล้มอีกฝ่ายได้ก็ต้องใช้เวลาพักฟื้นนานมาก น้องสาวของเขาก็ยังป่วย

อยู่ เขาจะพักฟื้นนานขนาดนั้นได้ยังไง

พริบ!

เงาร่างหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา เป็นเด็กหนุ่มที่รังแกเขามาตลอดจางหลงจางหลงอายุมากกว่าหลินซีหนึ่งปีพรสวรรค์ของเขาไม่เลวเขามีพรสวรรค์ในการบ่มเพาะ

ระดับกลาง ตอนนี้เขาเป็นนักรบที่แข็งแกร่งแล้ว แต่ด้วยความแข็งแกร่งและพรสวรรค์ของเขา

เขาจึงทําได้เพียงอยู่ในเขตพลเรือนเท่านั้น

จางหลงชอบรังแกผู้ฝึกยุทธ์ที่อ่อนแอเสมอ และหลินซีเป็นหนึ่งในหลายๆคนที่จางหลงมัก

รังแก และมันยังชอบขโมยของของของหลินซีเป็นประจํา

“สงมันมา!”

ความเร็วของจางหลงนั้นเร็วมากก่อนที่หลินซีจะทันตั้งตัวเขาก็คว้าถุงยาของหลินซีไปแล้ว

“นี่มันอะไรกัน?”

จางหลงมองไปที่ถุงยาและพึมพํา

“จางหลง นี่เป็นยารักษาของน้องสาวฉันมันไร้ประโยชน์สําหรับนาย เอามันคืนมา!”

หลิน ตะโกนทั้งนําตา

“ถุงยา?” จางหลงเปิดมันและเห็นสมุนไพรจํานวนมากแม้ว่ามันจะไม่ได้มีค่ามากนักแต่มันก็มีมูลค่าหลายพันหยวน

“ฮ่าฮ่าฮ่า ไม่เลวเลยถ้าขายมันออกไปฉันจะได้เงินราว 2,000 หยวนนี่เป็นเงินเดือนทั้งเดือนของแกใช่ไหม? สี่สี่ตอนนี้เป็นของฉันแล้ว!”จางหลงหัวเราะ

“ไม่ เอามันคืนมา!”

หลินซีรีบวิ่งไปหาจางหลงเพื่อแย่งถุงยาของเขากลับมา

แต่มันเป็นไปไม่ได้เลยที่ผู้ฝึกยุทธ์ตัวน้อยจะแย่งของจากนักรบที่แข็งแกร่ง!

“รนหาที่ตาย!”

จางหลงกล่าวอย่างเย็นชา

เขาไม่กล้าฆ่าหลินซี แต่การทําร้ายหลินซีให้ได้รับบาดเจ็บ อย่างมากเขาก็แค่ต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลเท่านั้นไม่นับเป็นอะไรได้

อย่างไรก็ตามในขณะที่เขากําลังจะลงมือ ร่างกายของเขาก็ไม่ฟังคําสั่ง

“เป็นแค่นักรบขั้นปลายก็กล้าอวดดีขนาดนี้แล้ว!”

ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาและทันทีที่ชายหนุ่มปรากฏตัวขึ้นทุกอย่างโดยรอบก็เหมือนจะ
หยุดชะงัก

หลังจากนั้นทุกอย่างก็กลับสู่สภาพเดิมจางหลงก็ทรุดตัวลงกับพื้นโดยมีเหงื่อไหลท่วมตัวและสูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่

น่ากลัว!

น่ากลัวมาก!

จางหลงไม่เคยเห็นชายหนุ่มที่น่าหวาดกลัวเช่นนี้มาก่อน กลิ่นอายที่แผ่ออกมาราวกับสามารถแช่แข็งทุกสรรพสิ่งได้แม้แต่ปรมาจารย์และเหล่าปรมาจารย์ที่แข็งแกร่งในเขตพลเรือนก็ไม่สามารถมีพลังเช่นนี้

“คนใหญ่คนโตจากย่านคนรวย!”

จางหลงตระหนักถึงตัวตนของชายหนุ่ม

“คารวะใต้เท่า!”

จางหลงคุกเข่าลงกับพื้นด้วยความหวาดกลัว

ชายหนุ่มคนนี้ก็คือเย่เทียนเย่เทียนไม่สนใจจางหลง แต่เดินไปหาหลินซี “นายไปเอายามา”

หลินซีพยักหน้าและเดินไปหาจางหลงจากนั้นก็หยิบถุงยาออกจากมือของจางหลงแต่จาง

หลงไม่กล้าที่จะหยุดเขาเพราะนี่เป็นคําสั่งของใต้เท้า

ได!”
“ยังไม่รีบไสหัวไปอีก?”

เย่เทียนพูดอย่างเย็นชาจางหลงได้ยินดังนั้นก็รีบวิ่งหนีไปทันที

“ขอบคุณนายท่าน!”

หลินซีคุกเข่าลงและกล่าวขอบคุณ

“ลุกขึ้น!” เย่เทียนพูดเบา ๆ

หลินซีลุกขึ้นและพูดว่า “นายท่าน ผมจะกลับบ้านนํายานี้ไปรักษาน้องสาวไม่สามารถชักช้า

“ไปเถอะ ฉันจะไปกับนาย!”

เย่เทียนพูดอย่างว่าง่าย

“นายท่าน บ้านของผมค่อยข้างคับแคบ!”หลินซีพูดอย่างอายๆ

“อย่าบอกนะว่านายจะไม่ต้อนรับฉัน?”

เย่เทียนจงใจพูด

“ไม่ใช่! ไม่ใช่” หลินซีรู้สึกกลัวเล็กน้อย และรีบพูดทันทีว่า “หากนายท่านให้เกียรติเป็นแขก

ของบ้านผมงั้นก็ตามผมมาได้เลยครับ!”