บทที่ 171 สมาชิกกลุ่มแรก!
บ้านของหลินซีนั้นธรรมดามาก เป็นเพียงบังกะโลหลังเล็กๆทั้งเก่าและทรุดโทรม ไม่มีแม้แต่ลานบ้านรอ?”
เมื่อเข้ามาในบ้านของหลินซี เย่เทียนก็เห็นหญิงสาวคนหนึ่งนอนอยู่บนเตียงเสื่อ
ใบหน้าของหญิงสาวซีดเผือดและดูอ่อนแอมาก
หญิงสาวคนนี้คือน้องสาวของหลินซี หลินอี้อี้!
หลินอี้อี้เห็นหลินซีเดินเข้ามาเธอก็เปิดปากอย่างอ่อนแรง “พี่ชาย พี่กลับมาแล้ว นั้นเพื่อนพี่เหรอ
“อี้อี้ นี่คือใต้เท่าจากย่านคนรวย!”
หลินซีแนะน่าเย่เทียนให้หลินอี้อี้ให้รู้จัก
เมื่อได้ยินตัวตนของเย่เทียน หลินอี้อี้ก็ตกใจจนอยากจะลุกขึ้นมาทําความเคารพเย่เทียน
เพราะเธอกลัวว่าเย่เทียนจะคิดว่าเธอนั้นเสียมารยาท
“ไม่ต้องลุกขึ้นหรอก!”
เย่เทียนโบกมือ
หลินซีเตรียมจะต้มสมุนไพรที่เขาซื้อมาให้น้องสาวของเขา แต่ถูกเย่เทียนหยุดไว้
“ไม่ต้องต้มแล้ว แม้ว่าสมุนไพรพวกนี้จะไม่เลวนัก แม้ว่าสมุนไพรเหล่านี้จะสามารถทําให้ร่างกายฟื้นฟูได้อย่างรวดเร็ว แต่ในตอนนี้นั้นน้องสาวของคุณนั้นอ่อนแอเกินไป หากให้กินสมุนไพรเหล่านี้เกรงว่าจะไม่ใช่เรื่องดีนัก ”
“อ่า แล้วนายท่าน ผมควรทําอย่างไรดี?”
หลินซีตื่นตระหนก
เขาไม่มีความรู้เกี่ยวกับสมุนไพรเลย สมุนไพรที่เขาซื้อมาเขาก็ได้ยินมาจากปากคนอื่นว่าสมุนไพรเหล่านี้สามารถรักษาโรคได้ ดังนั้นเขาจึงต้องการนํามันมาต้มให้น้องสาวของเขากิน โดยไม่ได้คํานึงถึงร่างกายที่อ่อนแอของน้องสาวเขามาก่อน
สําหรับคนอื่นๆสมุนไพรเหล่านี้อาจจะสามารถรักษาอาการเจ็บป่วยได้ในทันที แต่น้องสาวของเขานั้นป่วยมาเป็นเวลานาน ร่างกายของเธอจึงไม่ค่อยแข็งแรง อีกทั้งเธอยังไม่ได้กินอาหารที่ดีมากนัก แน่นอนว่าเธอคงไม่สามารถไม่สามารถทนกับยาแรงได้
“โรคนี้ไม่ใช่เรื่องร้ายแรง!”
เย่เทียนดีดนิ้ว หยดน้ําสีขาวพุ่งเข้าไปในปากของหลินอี้อี้ไหลผ่านลําคอเข้าสู่ร่างกาย
เพียงไม่นาน
ใบหน้าของหลินอี้อี้กลับมามีเลือดฝาดเหมือนดั่งคนปกติ ลมหายใจของเธอเริ่มมั่นคงยิ่งขึ้น
“พี่ชาย น้องรู้สึกดีขึ้นแล้ว!”
หลินอี้อี้ลุกขึ้นจากเตียงและพูดอย่างตื่นเต้น
“นายท่าน ขอบพระคุณมาก ยานั่นราคาเท่าไหร่? ผมจะพยายามหาเงินมาเพื่อใช้คืนในอนาคต!” หลินซีร้มกล่าวขอบคุณ
“ช่างมันเถอะ ยานั่นไม่ได้มีค่าอะไรนัก!”
เย่เทียนโบกมืออย่างง่ายๆ
แต่ในความเป็นจริงยานั่นเป็นยารักษาอาการบาดเจ็บของผู้ฝึกยุทธมันมีราคาหลายแสนหยวนต่อหนึ่งหยด มูลค่าเช่นนี้คนธรรมดาไม่สามารถทําได้แม้กระทั่งจินตนาการชีวิต
ถ้าหลินซีต้องการหาเงินมาคืนเขาจริงๆแล้วละก็ เขาคงไม่สามารถกลายเป็นนักรบได้ตลอด
“หลินซี นายอยากเป็นผู้ฝึกยุทธหรือไม่? ด้วยศักยภาพของนาย ในอนาคตต้องแข็งแกร่งกว่า
เด็กหนุ่มที่ชื่อจางหลงก่อนหน้านี้ได้แน่”
ทันใดนั้นเย่เทียนก็เปิดปากพูด
“อา ผมสามารถเป็นผู้ฝึกยุทธที่แข็งแกร่งได๋หรือ?” หลินซีตกตะลึง เขารู้ถึงพรสวรรค์ตัวเองดี พรสวรรค์ในการบ่มเพาะของเขาเป็นเพียงแค่ระดับรอง อยากที่จะกลายเป็นผู้ฝึกยุทธที่แข็งแกร่งได๋
หากเขาสามารถก้าวไปสู่ขั้นนักรบเขาก็ไม่มีทางที่จะก้าวหน้าไปยังขั้นต่อไปได้อีก
ส่วนเรื่องสมบัติที่ช่วยเพิ่มพรสวรรค์ในการบ่มเพาะได้นั้น เขาไม่เคยได้ยินมาก่อน ดังนั้นหลิวซึจึงคิดว่าบนโลกใบนี้ไม่มีสมบัติเช่นนี้อยู่
“ไม่ จริงๆแล้วพรสวรรค์ของนายนั้นดีมาก! ตราบใดที่นายต้องการ ฉันสามารถฝึกให้นายกลายเป็นผู้แข็งแกร่งที่แท้จริงได้ น้องสาวของนายก็สามารถมาฝึกฝนกับฉันได้เช่นกัน!” เย่เทียนพูดอย่างจริงจัง
เขาไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้เพราะสงสารชีวิตของหลินซี มีคนมากมายที่ต้องใช้ชีวิตอย่างน่าสงสารเย่เทียนไม่ได้ช่วยเหลือคนธรรมดาอย่างไรเหตุผล จริงๆแล้วที่เขาทําเช่นนี้ก็เพราะว่าเขาได้ตรวจสอบพรสวรรค์ของหลินซีและหลินอี้อี้แล้ว
หากเป็นคนอื่นคงไม่สามารถเห็นพรสวรรค์ที่ซ่อนอยู่ของเด็กทั้งสองคนนี้ได้ แต่เย่เทียนจะไม่มองเห็นได้อย่างไร?
ภายใต้พรสวรรค์ในการคัดลอกของเย่เทียน พรสวรรค์ของสองพี่น้องได้ปรากฏขึ้นในสายตาเขาอย่างชัดเจน
มนุษย์: หลินซี
พรสวรรค์ในการบ่มเพาะ: ระดับรอง
พรสวรรค์ด้านความเร็ว: สูงสุด (ยังไม่ตื่นขึ้น)
พรสวรรค์ด้านดาบ: สูงสุด
พรสวรรค์ด้านพละกําลัง: ปานกลาง (ยังไม่ตื่นขึ้น)
มนุษย์: หลินอี้อี้
พรสวรรค์ในการบ่มเพาะ: ดารา
พรสวรรค์ความเร็ว: สูงสุด (ยังไม่ตื่นขึ้น)
พรสวรรค์ด้านค่ายกล: ดารา
พรสวรรค์ด้านดาบ: สูง (ยังไม่ตื่นขึ้น)
ในคราแรกที่เย่เทียนเห็นพรสวรรค์ของทั้งสองคน เขาตกใจมาก
ไม่คาดคิดว่าสองพี่น้องนี้จะมีพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยม หลินซีมีพรสวรรค์ในการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยม
พรสวรรค์ด้านดาบระดับสูงสุดและพรสวรรค์ด้านพละกําลังระดับกลางนั้นเป็นข้อพิสูจน์ได้
ด้วยพรสวรรค์ทั้ง 2 ที่สามารถซ้อนทับกัน ตราบใดที่หลินซียกระดับพรในการบ่มเพาะ เขาจะสามารถเติบโตกลายเป็นยอดฝีมือในการจัดอันดับราชาที่แข็งแกร่งได้อย่างแน่นอน
แม้ว่าหลินอี้อี้จะมีพรสวรรค์ในการต่อสู้ด้อยกว่าหลินซี แต่พรสวรรค์ในการบ่มเพาะของเธอนั้นสูงมาก ไม่ได้ด้อยไปกว่าอัจฉริยะที่แท้จริงของฐานจงไห่ พรสวรรค์ในการบ่มเพาะระดับดาราของเธอเพียงแค่นั้นก็คุ้มค่าที่จะปลูกฝังแล้ว
เธอสามารถบรรลุถึงระดับศักดิ์สิทธิ์ได้ อีกทั้งยังมีพรสวรรค์ด้านดาบระดับสูงและพรสวรรค์ด้านความเร็วระดับสูงสุด พลังต่อสู้ของเธอในอนาคตไม่ได้อ่อนแอ และที่สําคัญกว่านั้นเธอยังมีพรสวรรค์ด้านค่ายกลระดับดารา
อ๋า!
พรสวรรค์ด้านค่ายกลระดับดาราเป็นเช่นไร? นี่เป็นครั้งแรกที่เย่เทียนได้พบกับพรสวรรค์ด้านค่ายกลระดับดารา
ฐานจงไห่อาจจะมีจอมเวทย์ที่มีพรสวรรค์ระดับดาราอยู่ แต่แน่นอนว่ามันหาได้ยากมาก หากถูกพบตัว พวกเขาก็จะได้รับการคุ้มครองจากขุมอํานาจใหญ่ๆอย่างแน่นอน พรสวรรค์เช่นนี้รําคาญมากเกินไป
มันทั้งหายากและมีความสําคัญยิ่ง
เย่เทียนไม่คิดว่าโชคของเขาจะดีขนาดนี้ เขาจะสามารถค้นพบอัจฉริยะเช่นนี้ได้อย่างรวดเร็วในขณะเดียวกัน
หลินซีก็ตกใจ คนใหญ่คนโตจากย่านคนรวยต้องการชักชวนเขา แถมยังบอกว่าจะฝึกฝนเขาอีกด้วย นี่มันเรื่องอะไรกัน?
นี่เขากําลังโดนหลอกหรือไม่?
โดนหลอกหรอ?
ไม่มีทาง!
แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่ายาที่เย่เทียนใช้ช่วยรักษาน้องสาวของเขามีมูลค่าเท่าไหร่ แต่การที่มันสามารถทําให้น้องสาวของเขาหายป่วยในพริบตา ยาเช่นนี้จะต้องมีราคาแพงมากแน่ๆ
ถึงจะนําเขาและน้องสาวไปขายก็อาจจะไม่ได้รับมูลค่ามากพอเท่ากับยาหยดนี้
นอกจากนี้จากที่เขาเห็นความแข็งแกร่งของเย่เทียนต้องสูงกว่าระดับปรมาจารย์อย่างแน่นอน
ตัวตนเช่นนี้จะหลอกลวงเขาเพื่ออะไร?
“นายท่าน ผมยินดีที่จะเข้าร่วมกับกองกําลังของท่าน!”
หลินซีรู้ว่านี่เป็นโอกาสที่จะทําให้เขากลายเป็นผู้ฝึกยุทธที่แข็งแกร่ง ถ้าเขาไม่ได้รับความช่วยเหลือจากเย่เทียน เขาจะไม่มีวันได้เดินไปบนเส้นทางของผู้ฝึกยุทธไปตลอดชีวิต แน่นอนว่าเมื่อเย่เทียนจะไป จางหลงก็จะยังคงรังแกเขาเหมือนที่ผ่านมา .
“นายต้องเข้าใจก่อนว่าการที่นายเข้าร่วมกองกําลังของฉันแล้ว นายไม่สามารถทรยศ!”
เย่เทียนพูดด้วยเสียงทุ้มต่า
“หลินซีขอสาบานว่าจะไม่มีวันทรยศนายท่าน …”
เมื่อเห็นว่าหลินซีสาบาน หลินอี้อี้ก็สาบานว่าจะไม่ทรยศเย่เทียนเช่นกัน ในตอนนี้ทั้งสองจึงเป็นสมาชิกกลุ่มแรกที่เข้าร่วมกับกองกําลังของเย่เทียนอย่างเป็นทางการ
หลังจากที่ทั้งสองเข้าร่วมแล้ว เย่เทียนก็สอบถามเกี่ยวกับครอบครัวของพวกเขาเล็กน้อย
ที่แท้ทั้งสองคนก็ไม่เคยเห็นบิดาของตนมาก่อน พวกเขารู้เพียงว่ามารดาของพวกเขานั้นเป็นเพียงสตรีสามัญชน ส่วนบิดาเป็นผู้ฝึกยุทธที่แข็งแกร่ง ส่วนจะแข็งแกร่งเพียงใดนั้น พวกเขาก็ไม่รู้เช่นกัน
ก่อนหน้านี้แม้ว่าพวกเขาจะอาศัยอยู่ในเขตพลเรือน แต่พวกเขาก็อาศัยอยู่ในคฤหาสน์และฐานะทางบ้านของพวกเขาก็ไม่เลวเลย
ก็เสียชีวิตเช่นกัน ทิ้ง 2 พี่น้องมีไว้ให้อยู่เพียงลําพัง
แต่หลังจากบิดาของพวกเขาประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตในป่า อีกไม่กี่ปีต่อมามารดาของพวกเขา เดิมทีพ่อแม่ของพวกเขาก็เหลือเงินเก็บไว้ไม่น้อย แต่เนื่องจากพวกเขายังเด็กและถูกผู้อื่นรับเลี้ยง เงินส่วนนั้นจึงถูกครอบครัวที่รับเลี้ยงยึดไปจนหมด
ไม่กี่ปีต่อมาครอบครัวนั้นก็ออกจากย่านพลเรือนและหายไปอย่างไร้ร่องรอย
สองพี่น้องจึงถูกจัดให้อยู่ในบ้านหลังเล็ก ๆ นี้โดยความช่วยเหลือของเจ้าหน้าที่ในเขตพลเรือนจนถึงทุกวันนี้
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง!”ๆ
เย่เทียนคาดว่าพ่อของทั้งสองจะเป็นเป็นผู้ฝึกยุทธระดับราชา และคงจะเป็นราชาที่แข็งแกร่งพอสมควร ดังนั้นเขาจึงให้กําเนิดเด็กสองคนที่มีพรสวรรค์ยอดเยี่ยมเช่นนี้
“ท่านเย่เทียน กองกําลังของเราชื่ออะไร?”
หลินอี้อี้ถามด้วยความสงสัย
“ชื่อว่า…
เย่เทียนเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเขาไม่ได้ตั้งชื่อกองกําลังของเขาเลย
เราควรตั้งชื่อว่าอะไรดี?
“กองกําลังของเรา ชื่อว่าหอสวรรค์!”
เย่เทียนตั้งชื่อ
เมื่อได้ยินเย่เทียนลังเล หลินอี้อี้ก็ตระหนักได้ถึงคําถามหนึ่ง
“ท่านเย่เทียน หรือว่ากองกําลังนี้จะเป็นกองกําลังที่ท่านเพิ่งสร้างขึ้น?” หลินซีที่อยู่ด้านข้างตกใจและรีบพูดว่า “อี้อี้ อย่าหยาบคาย!”
เขากลัวว่าการที่น้องสาวของเขาถามเย่เทียนเช่นนี้ จะทําให้เย่เทียนไม่พอใจ
“ไม่เป็นไร เด็กน้อยแค่ถามในสิ่งที่เธออยากรู้เท่านั้น แต่ที่อี้อี้พูดมาก็ไม่ผิด หอสวรรค์เพิ่งก่อตั้งขึ้นมาจริงๆ แต่ฉันเชื่อว่าหอสวรรค์ของฉันนั้น ในอนาคตจะต้องกลายเป็นขุมกําลังที่ยิ่งใหญ่ของฐานทัพจงไห่อย่างแน่นอน!”
เย่เทียนลูบหัวอี้อี้แล้วพูด
เมื่อเห็นว่าเย่เทียนไม่ได้โกรธ หลินซีก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก