หวางหรูผู้ใจดี

 

ทั้งเหลียงหวางหรง จางชุนและทหารยามคนอื่นๆต่างเบิกตาโตแทบทะลักถลนออกมา พวกเขาเร่งขยาดขยายสายตาเข้าจับจ้องสองร่างนั้นบนหลังพญาช้างด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

ทุกคนต่างฉงนใจยิ่ง สายตาของเขามีปัญหาพร่ามัวจนเห็นผิดไปหรือไม่!

สองคนนั้นที่กำลังขี่หลังพญาช้างมารสวรรค์มิใช่ใครอื่นนอกจากเย่หยวนและเหลียงหวางหรูอย่างไม่ผิดเพี้ยน ซึ่งทุกคนต่างคิดว่าทั้งคู่ถูกรุมกินโต๊ะไม่เหลือซากไปแล้วกลางวงชุมนุมอสูร

เหลียงหวางหรงปวดประสาทปวดเศียรสุดขีด นางไม่คิดเลยว่า ‘ท่านอาวุโส’ที่ตนเพิ่งใครความเคารพไปกลับเป็นเจ้าสองคนนี้!

แต่นี่เป็นไปได้อย่างไรกัน?

สิ่งมีชีวิตที่พวกเขากำลังขี่อยู่เป็นถึงอสูรศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่งขั้นปลาย!

ไอ้สองเศษสวะไร้ค่า มันสามารถปราบปรามให้อสูรศักดิ์สิทธิ์เชื่องได้จริงๆ?

 

 

“นี่…นี่พวกเจ้า เป็น…เป็นไปได้อย่างไร…”

เหลียงหวางหรงรำพึงอื้ออึงภายใต้ลมหายใจอุ่นอย่างแผ่วเบา ความประหลาดใจถูกเขียนอยู่ทั่วทั้งใบหน้า

ไม่เพียงแค่นางคนเดียว จางชุนเองพลันสับสนชั่วขณะ สถานการณ์เช่นนี้ตัวเขากลับไม่เคยพบเจอ พญาช้างมารสวรรค์ทรงพลังน่าเกรงขามยิ่ง กล่าวได้ว่า แค่สาดสายตายิงจิตสังหารเข้าใส่ ผู้คนโดยรอบพลันเสียขวัญไร้เรี่ยวแรงหลบหนี

 

เย่หยวนยกมือทักทายพวกเขาพร้อมท่าทีแจ่มใส เอ่ยปากกล่าวแสนเริงร่าขึ้นว่า

“โอ้? ดูเหมือนว่าข้าจะดันไปขัดเวลาสนุกของพวกท่าน เย่คนนี้ต้องขออภัยจริงๆ เชิญพวกท่านเล่นกับเหล่าอสูรน้อยให้สมใจอยาก พวกเราเพียงผ่านทางมาจึงแวะทักทาย เช่นนั้นขอตัวลา”

 

เหลียงหวางหรงตื่นตกใจยิ่งเมื่อได้ฟัง หากเย่หยวนจากไปทั้งแบบนี้ มีหวังพวกนางตายแน่นอน

 

“ท่านพี่ใหญ่ ข้าเป็นน้องสาวของท่านนะ! หรือเป็นไปได้ไหมที่ท่านจะทนเห็นน้องสาวแท้ๆถูกอสูรเถื่อนพวกนี้รุมฆ่า? ท่านไม่คิดจะทำอะไรหน่อยรึ?”

เหลียงหวางหรงกู่ร้องตะโกนลั่น

เหลียงหวางหรงนางนี้ฉลาดเอาตัวรอดเป็นที่สุด นางทราบดีว่าเย่หยวนไม่มีทางช่วยนางแน่นอน แต่เหลียงหวางหรูกกลับมิใช่!

 

แน่นอน ทันทีที่เหลียงหวางหรูได้ยินแบบนั้น ร่างอรชรสวยของนางพลันสั่นเทาทันทีอย่างใจหายใจคว่ำ นางส้อนสายตาอ้อนวอนเย่หยวน

เพียงเท่านี้ความหมายก็ชัดเจนยิ่งแล้ว

นางต้องการให้เย่หยวนช่วยเหลียงหวางหรง!

 

เย่หยวนถอนหายใจเล็กน้อยอย่างไร้ประโยชน์ นางคนนี้ใจดีเกินไป

ถึงแม้เหลียงหวางหรงจะปฏิบัติกับจนางเช่นนั้น แต่นางก็ยังเลือกที่จะมองข้ามไป

 

อย่างไรก็ตามแต่…เย่หยวนมิได้ใจดีเช่นนั้น

อสรพิษชั่วช้าอย่างนางคนนี้ ถึงช่วยชีวิตไปไม่เพียงมิได้สำนึกบุญคุณแม้แต่น้อย แต่นางอาจก่อปัญหาให้แก่เขาอีกในอนาคต

 

“เหอะ ใช้พี่สาวแท้ๆตัวเองเป็นเหยื่อล่อเพื่อให้ตัวเองหลบหนีออกไปได้ คุณหนูหวางหรง ท่านเป็นน้องสาวที่ประเสริฐแท้!”

 

เหลียงหวางหรงขบริมฝีปากบางสวยของนางแน่น ธารน้ำตาสายหนาไหลรินอาบชโลมแก้มเหลือล้น ไม่ว่าใครเห็นภาพฉากนี้ต่างต้องรู้สึกใจอ่อนกันถ้วนหน้า

 

“ท่านพี่ใหญ่ ข้าผิดไปแล้ว! ข้ารู้ตัวดี ข้ามันชั่วช้า! ณ ขณะนั้นหวางหรงนึกเห็นแก่ตัวชั่วขณะ! จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ข้ากระทำเรื่องไร้จริยธรรมยิ่งกว่าหมูหมา! ฮึกก..ฮึกก…”

ปล่อยห้วงอารมณ์ไหลตามคำกล่อมจอมปลอมของเหลียงหวางหรง ร่างอรชรบางสวยของเหลียงหวางหรูเริ่มสั่นเทาหนักด้วยความซาบซึ้ง

 

เหลียงหวางหรูนางนี้มีจิตใจอ่อนโยนและความเมตตาไม่รู้จบ นางเอื่อมเรียวมือสีขาวนวลออกมาและดึงแขนเสื้อเย่หยวนเล็กน้อย คู่ดวงเนตรนั่นยิ่งเปี่ยมล้นคำขอร้องอ้อนวอนมากขึ้น

 

ทันทีที่เห็นภาพฉากนี้ เหลียงหวางหรงพลันแสยะยิ้มแอบดีใจอย่างลับๆ

ไอ้พี่โง่คนนี้หลอกใช้ง่ายดายจริงๆ!

เพราะความใจอ่อนของอีกฝ่าย จึงทำให้นางได้โอกาส!

 

เย่หยวนนิ่งสงัดไร้เสียงกล่าวตอบ เหลียงหวางหรูโศกเศร้าระทมใจหนัก นางกระตุกแขนเสื้อเย่หยวนอีกคราก่อนระเบิดน้ำตาออกมาอย่างสุดจะอดกลั้น

 

เห็นเช่นนั้น เย่หยวนมิอาจทนใจแข็งได้อีกต่อไป ถอนหายใจเสียงยาวแผดดัง เขากล่าวอย่างช่วยไม่ได้ว่า

“เอาล่ะ หวังว่าท่านจะไม่ทำให้พวกเราผิดหวัง!”

เย่หยวนรู้จักและเข้าใจกมลสันดานของมนุษย์เป็นอย่างดี มิได้เป็นสองรองใคร

คนอย่างเหลียงหวางหรง มันเป็นพวกสองหัวเอาแน่เอานอนไม่ได้

ถึงวันนี้นางจะเอ่ยปากขอบคุณ แต่ภายในใจของนางกลับมิได้รู้สึกขอบคุณแม้สักนิด ตรงกันข้าม กลับยิ่งเพิ่มทวีความแค้นให้แก่นางแทน

 

“ขอบพระคุณ! ขอบพระคุณอย่างยิ่ง! ข้ารักพี่เขยที่สุดเลย!”

เหลียงหวางหรงเร่งก้มคำนับรัวๆและโพล่งกล่าวเรียกเปลี่ยนสรรพนามเย่หยวนกลายเป็น‘พี่เขย’ในทันที

 

เย่หยวนได้แต่เย้ยหยันอยู่ภายในใจ เหลียงหวางหรงนางนี้ช่างขี้ประจบเสแสร้ง เป็นหญิงสาวที่หาดีไม่ได้โดยแท้

แถมการแสดงออกนางกลับไม่เนียนตาเงอะงะเสียเหลือเกิน

หากต้องการเสแสร้งให้สมจริงกว่านี้ นางก็ควรปิดบังจิตสังหารที่ส่องสะท้อนออกจากแววตาด้วย นั่นคงจะแนบเนียนกว่ามากจริงหรือไม่?

 

อย่างไรก็ตาม เหลียงหวางหรูกลับดูเชื่อสนิทใจ พร้อมโบกมือให้น้องสาวตนเองด้วยความตื่นเต้น

ยามนี้ทั้งสองกำลังค่อมขี่หลังของพญาช้างอยู่ แม้จะเป็นที่ชัดเจนว่าเย่หยวนเป็นคนควบคุม แต่ภาพฉากนี้กลับเหลือเชื่อเกินจะปักใจสนิท

 

เย่หยวนตะโกนเสียงเย็นสะท้านกึกก้อง

“พวกเจ้าทั้งหมด หลีกทาง!”

ภายใต้คำสั่งของเย่หยวน เหล่าอสูรเถื่อนและอสูรศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดโดยรอบต่างเร่งถอยกรูเพื่อเปิดทางให้พวกเหลียงหวางหรงในทันที

 

ทันทีที่เห็นภาพฉากนี้ ลูกตาของจางชุนพลันแทบถลนออกมา!

ในคราแรกเขายังคิดว่า ที่พวกอสูรย่อมจำนนแต่โดยดีก็เพราะพวกมันกลัวพญาช้างมารสวรรค์ แต่ที่ไหนได้ พวกมันทั้งหมดกลับหวาดกลัวในตัวเย่หยวน!

 

แต่…แต่เย่หยวนเป็นเพียงชายพิการที่ทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์เสียหายรุนแรง แล้วเขาจะมีทุนรอนอันใดไปขู่ให้อสูรพวกนี้กลัว?

เขาสามารถทำได้อย่างไรกัน?

และที่สำคัญที่สุดคือ ในบรรดาอสูรทั้งหมด แม้แต่เสือดาวเมฆลมกรดและพญาช้างมารสวรรค์ยังต้องเกรงใจในตัวเขา!

นั้นคืออสูรศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองที่แข็งแกร่งที่สุดในป่าอสูรลึกลับ!

 

อย่างไรก็ตามแต่ จางชุนจะไปทราบได้อย่างไรว่า ถึงแม้เย่หยวนในขณะนี้จะอ่อนแอไม่ต่างจากคนธรรดาทั่วไป แต่สายเลือดมังกรที่ไหลเวียนในกายของเขาก็ยังคงอยู่ดี

หวูเฉินเคยกล่าวไว้ว่า เผ่ามังกรไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ยังมีสถานศักดิ์ที่สูงส่งเหนือสิ่งใด แม้กระทั่งในมหาพิภพถงเทียนก็เช่นกัน

 

หลังจากที่เย่หยวนทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรพระเจ้าได้สำเร็จ พลังสายเลือดของเขาเองก็พัฒนากลายเป็นระดับพระเจ้าแล้วเช่นกัน

ดังนั้น มีหรือที่พวกอสูรในป่าอสูรลึกลับจะกล้าขัดขืนคำสั่งของเขา?

ไม่มีอสูรตัวใดกล้าคิดตอแยกับเย่หยวนเลยด้วยซ้ำ!

 

แต่เหลียงหวางหรงกลับหลงคิดว่าตัวเองฉลาดกว่าใครๆและรู้ทันเย่หยวนเป็นอย่างดี ภาพฉากเมื่อครู่ เขาเพียงแสร้งทำเป็นตะโกนออกไปแบบนั้น เพื่ออวดเก่งข่มขวัญต่อหน้านาง ซึ่งนี่กลับเป็นการแสดงที่อ่อนหัดสิ้นดีในสายตาของนาง

 

ในทางตรงกันข้าม จางชุนถึงกับจับจ้องเย่หยวนด้วยความหวาดกลัวแฝงลึกอยู่ภายในใจ

ชายหนุ่มคนหนึ่งที่ไม่รู้โผล่มาจากไหน แต่สิ่งหนึ่งที่แน่นอนแล้วก็คือ เขามิใช่คนธรรมดาทั่วไป!

ยิ่งอยู่กันไป เขายิ่งรู้สึกว่า เย่หยวนคนนี้กลับลึกลับเกินหยั่งถึงมากขึ้นเรื่อยๆ

ทั้งๆที่เห็นได้ชัดว่า เย่หยวนไม่สามารถระดมพลังปราณเทวะได้แท้ๆ

แต่การจะข่มขวัญให้เหล่าอสูรทั้งหมดหวาดกลัวได้โดยไม่ใช้พลัง เกรงว่าวิธีเช่นนี้ยังมีอยู่บนผืนพิภพด้วยรึ?

ไม่สิ…บางทีที่จู่ๆป่าอสูรลึกลับแห่งนี้เกิดประจวบเหมาะเกินปรากฏการณ์ชุมนุมอสูรโดยบังเอิญ ทั้งหมดอาจเป็นฝีมือของ…เย่หยวน!

ซึ่งทุกสิ่งที่กล่าวมา ต่อให้เป็นเซียนอาณาจักรปฐมพระเจ้าขั้นสุดก็ยังไม่สามารถทำได้!

 

“จางชุนคนนี้ต้องขอบคุณน้องเย่อย่างยิ่งที่ช่วยชีวิต! ก่อนหน้านี้ที่ข้าเคยแสดงกิริยาไม่ดีใส่หรือวางตัวไม่เหมาะสม จางคนนี้หวังว่าน้องเย่จะไม่ติดใจเอาความและใจกว้างพอให้อภัย!”

จางชุนตรงเข้าคำนับต่อหน้าเย่หยวนทันที และนี่มิใช่การเสแสร้งแสดงละครแต่อย่างใด แต่มันถูกกลั่นออกมาจากใจจริง

ท้ายที่สุดนี้ ตัวตนของเย่หยวนลึกลับเกินไป!

 

เย่หยวนกล่าวตอบอย่างเฉยเมยว่า

“หากต้องการจะขอบคุณ ก็ไปขอบคุณคุณหนูหวางหรูเถอะ หากเป็นข้า ข้าไม่มีทางยื่นมือช่วยเหลือแน่นอน”

 

จางชุนอดสำลักมิได้เมื่อได้ฟัง เขาไม่คิดเลนว่า เย่หยวนจะไม่ไว้หน้าเช่นนี้เลย

แต่ในเวลานี้มันมิได้ขึ้นอยู่กับว่าเขาจะพอใจหรือไม่พอใจ เช่นนั้นจางชุนเร่งเบี่ยงทิศพร้อมก้มศีรษะให้เหลียงหวางหรูและกล่าวขอบคุณอีกครั้ง

 

เย่หยวนและเหลียงหวางหรูขี่พญาช้างมารสวรรค์นำกองคาราวานเดินทางต่อในป่าอสูรลึกลับ

ระหว่างทางตลอดมาหลังจากนั้น หลายต่อหลายคนต่างต้องแปลกใจ

เหลียงหวางหรงมิได้เหยียดแขนขาแอบอู้อย่างที่เคยเป็น นางลงมือขึ้นขี่ม้าด้วยตนเองตามหลังพญาช้างพร้อมกับกองทหารยามและกองศพที่บรรทุกมา

ตลอดทางมานี้นางกลายเป็นคนอ่อนช้อยและเชื่อฟังขึ้นมาก หาได้ทำตัวหยิ่งยโสดั่งที่ผ่านๆมา

 

เดินทางมาส่งได้สักระยะ เมื่อถึงเวลาที่พญาช้างมารสวรรค์ต้องกลับประจำถิ่น ก่อนจากกันมันยังโค้งตัวก้มศีรษะให้เย่หยวน ราวกับว่ากำลังทำความเคารพเขาก่อนจากไป

ยามที่ทุกคนพบเห็นภาพฉากนี้ พวกเขาต่างเดาะลิ้นเสียงดังด้วยสีหน้าท่าทางสุดประหลาดใจ

เหตุการณ์แบบนี้ ตลอดชั่วชีวิตพวกเขาไม่เคยพบเคยเจอมาก่อน

 

หลายวันต่อมา ในที่สุดเย่หยวนก็ดูดซับฤทธิ์โอสถปราณลึกล้ำโดยสมบูรณ์ แต่เนื่องจากเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสเกินไป จึงทำให้กายเนื้อของเขาถูกฟื้นฟูขึ้นเพียงสี่ถึงห้าจากสิบส่วนเท่านั้น

 

 

และอีกไม่นานเกินรอ กองคาราวางก็เดินทางมาถึงเมืองกุยฉาง!

 

จางชุนผสานมือกล่วากับเย่หยวนขึ้นว่า

“น้องเย่ ที่นี่คือเมืองกุยฉาง ข้าสงสัยว่าหลังจากนี้น้องเย่มีแผนจะเดินทางไปยังที่ใดต่อ?”

 

เย่หยวนเหลียวมองเหลียงหวางหรูและกล่าวว่า

“บุณคุณที่แม่นางหวางหรูช่วยชีวิต เย่คนนี้ยังไม่ทันตอบแทน ขอเสียมารยาทติดตามพวกท่านเข้าไปในตระกูลเหลียงด้วยคนได้หรือไม่?”

แต่เดิม เย่หยวนวางแผนที่จะแยกกับกลุ่มคนพวกนี้ทันทีที่มาถึงเมืองกุยฉาง

สำหรับบุญคุณที่เหลียงหวางหรูช่วยเหลือชีวิตเขา เย่หยวนจำต้องตอบชดใช้ในท้ายที่สุด

 

ในความเป็นจริงแล้ว ที่จางชุนกล่าวเช่นนี้ก็หวังไล่เย่หยวนออกไป ตอนนี้เขาระแวดระวังเย่หยวนเป็นอย่างที่สุด แถมตลอดทางที่ผ่านมา เย่หยวนยังทำเรื่องแปลกใจให้พวกเขาได้เห็นอีกมากมาย เย่หยวนคนนี้เป็นตัวอันตรายเกินไป!

ทว่า เย่หยวนที่เผยเจตนาหวังต้องการเข้าไปในตระกูลเหลียงพร้อมกับพวกเขา จางชุนเองก็สรรหาเหตุผลมาปฏิเสธบอกปัดมิได้เลยเช่นกัน

 

ช่างน่าแปลก เหลียงหวางหรงดวงตาเปล่งประกายทอแสงขึ้นทันควัน ทันทีที่ได้ยินเย่หยนกล่าวแบบนั้น

“เย้! เย้! ตระกูลเหลียงได้พี่เย่เป็นเขย นับเป็นเรื่องน่ายินดี! ในฐานะน้องสาวรอง ข้าจะตอบแทนบุญคุณที่ช่วยเหลือชีวิตข้าไว้เป็นอย่างดี!”

เหลียงหวางหรงคลี่ยิ้มกว้างเห็นดีเห็นงามด้วยทันที

นางคิดแค่ว่า เย่หยวนเป็นเพียงชายพิการที่ปากเก่งไปวันๆ ต่อให้มีแผนการอะไรแอบแฝง นางย่อมรู้ทันอ่านความคิดออกก่อนแน่นอน

เย่หยวนที่เต็มใจเข้ามาในตระกูลเหลียงก็ไม่ต่างอะไรกับเต่าในขวดแก้ว ทว่าในความคิดของจางชุน นั้นกลับเป็นการชักนำหมาป่าเข้าบ้านอย่างแท้จริง!