อุบายคู่สามีภรรยา

 

“น้องเล็กเย่ พวกเราต้องขอบคุณสำหรับทุกอย่าง! หากมิได้เจ้าช่วย เหลียงคนนี้คงไม่รู้จะเอาหน้าไปมองลูกสาวทั้งสองอย่างไรแล้ว”

 

“ประมุขตระกูลใจดีเกินไป แค่เย่คนนี้พอมีวิชาฝึกอสูรใช้เชื่องเล็กๆน้อยๆ เพิ่งจะมาใช้เป็นประโยชน์ก็ตอนชุมนุมอสูรในครานี้ เย่คนนี้ต่างหากที่ต้องกล่าวขอบคุณ หากมิใช่เพราะคุณหนูหวางหรู ป่าอสูรลึกลับคงกลายเป็นหลุมศพของเย่คนนี้แล้ว”

 

“ฮ่าฮ่า น้องเล็กเย่อย่าได้เกรงใจ! น้องเล็กเย่เข้ามาพักแรมที่ตระกูลเหลียงก่อนเถอะ หลังจากนั้นค่อยเดินทางไปต่อ”

เห็นได้ชัดว่า เหลียงหมิงอี้ผู้นี้เป็นพ่อค้าหัวใส และฉลาดแกมโกงมิใช่ย่อย

แต่ความแกร่งกร้าวของเขาก็มิได้อ่อนด้อย เหลียงหมิงอี้เป็นถึงเซียนอาณาจักรปฐมพระเจ้าชั้นกลาง

คำกล่าวเหล่านี้ถึงฟังดูสุภาพให้เกรียติ แต่กลับทำให้เย่หยวนรู้สึกแปลกแยกออกไป

แม้เย่หยวนจะช่วยชีวิตเหลียงหวางหรูและหวางหรง แต่เหลียงหวางหรูเองก็ช่วยชีวิตเย่หยวนห่อน แถมยังมอบโอสถปราณลึกล้ำแก่เขาอีก

หลังจากที่ฟังรายงานทั้งหมดจากปากจางชุนจนจบ เหลียงหมิงอี้พลันรู้สึกปวดร้าวขึ้นกลางอกอย่างอดมิได้

ภายในเมืองกุยฉางแห่งนี้ โอสถปราณลึกล้ำคือโอสถครอบจักรวาลที่ล้ำค่าหาประเมินไม่

เพราะเขาในฐานะผู้เป็นพ่อรู้สึกผิดต่อเหลียงหวางหรูตลอดมา เขาจึงมอบโอสถเม็ดนี้ทิ้งให้แก่นาง เพื่อรักษาชีวิตในยามคับขัน

 

แต่เหลียงหมิงอี้คาดไม่ถึงจริงๆว่า ลูกสาวของเขากลับมอบมันให้คนแปลกหน้าแทน

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ ถ้ามิใช่เพราะความใจกว้างมากเมตตาของเหลียงหวางหรู ที่ไปช่วยชีวิตเย่หยวนเอาไว้ ปานนี้เองนางก็คงสิ้นใจตายอยู่ในท้องของอสูรแล้วเช่นกัน

นี่ถือเป็นผลบุญที่คืนสนองนางอย่างฉับไว

 

กระนั่นเอง เย่หยวนคนนี้มีภูมิหลังอย่างไร เหลียงหมิงอี้กลับมิได้ใส่ใจใดๆ

ที่เขายอมให้เย่หยวนเข้ามาพักในตระกูลเหลียง เป็นเพราะเขามิอาจทนเห็นน้ำตาของเหลียงหวางหรูได้ และนั้นคือทั้งหมด

ต่อมา เหลียงหมิงอี้ก็เริ่มระดมความคิดสรรหาเหตุผลต่างๆนาๆ เพื่อวางแผนขับไล่เย่หยวนออกจากตระกูลเหลียง เขาไม่ต้องการเลี้ยงคนพิการไว้ในบ้าน

อันที่จริงแล้ว วาจาคำกล่าวของเขาก็เจตนาไล่เย่หยวนออกไปอย่างชัดเจน เขาหวังเพียงว่า เย่หยวนจะพอคิดเองได้และเป็นฝ่ายตีตัวออกไปเอง

ทว่าใครจะไปคิด เย่หยวนกลับแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องรู้ราว และทำตัวเป็นปรสิตเกาะตระกูลเหลียงต่อไป

เหลียงหมิงอี้หาได้มีความสุขไม่ที่เป็นแบบนี้ แต่เขาย่อมมิได้แสดงสีหน้าออกไปโดยธรรมชาติ

 

วิธีการนี้ของเขา มันคงง่ายเกินไปที่จะไล่ชายพิการนี่ออกไปจากตระกูลเหลียง

 

 

……………………………..

 

 

เหลียงหวางหรงร้องห่มร้องไห้ไม่หยุดภายในเรือนพัก ต่อหน้าต่อตาหญิงอ้วนหูยานนางหนึ่ง

หญิงอ้วนนางนี้เป็นแม่ของเหลียงหวางหรง นามว่า หวังเพียนหลาน

เพียงว่าหญิงอ้วนนางนี้ตรงกันข้ามกับคำว่า‘เพียนหลาน(สง่างาม)’ทุกประการ ผนวกกับนิสัยของนาง ไม่ว่าใครเห็นต่างรู้สึกสะอิดสะเอียนรังเกียจสุดหัวใจ

สำหรับหญิงประเภทนี้ที่สามารถให้กำเนิดบุปผางามอย่างเหลียงหวางหรงได้ ส่วนหนึ่งต้องขอบคุณเหลียงหมิงอี้ด้วยเช่นกัน

ซึ่งในตระกูลเหลียง แม้แต่เหลียงหมิงอี้ยังไม่กล้าโมโหใส่อารมณ์กับนาง

ย้อนกลับไปในปีนั้น ตระกูลเหลียงตกสู่สภาวะวิกฤติและเกือบล่มสลายไป

ต้องขอบคุณหวังเพียนหลานนางนี้ที่ยอมออกเรือนกับตระกูลเหลียง ทั้งสองได้แต่งงานกันและรอดออกจากวิฤกติในครานั้น

หวังเพียนหลานคิดว่าตนเองคือผู้กอบกู้ตระกูล จจึงมีศักดิ์สถานะเหนือทุกคนในตระกูลเหลียง

 

“ท่านแม่ ไอ้พิการนั้นมีวิชานอกรีตและหล่อลวงลูกสาวคนนี้ให้ทำเรื่องไร้ยางอาย! ข้าสงสัยตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว มันแอบใช้วิชานอกรีตแสร้งทำเป็นควบคุมอสูรเหล่านั้นได้ เพื่อเอาความดีความชอบเข้าตัว มันทำทุกอย่างเพราะชมชอบในตัวเหลียงหวางหรู แต่จงใจสร้างปัญหาให้ลูกสาวคนนี้ลำบากใจอยู่เรื่อยมา! ท่านแม่ต้องช่วยหรงเอ๋อ มิฉะนั้น…มิฉะนั้น… ฮึก..ฮึก…”

เหลียงหวางหรงระเบิดน้ำตาไหลรินออกมาพร้อมโพล่งเข้ากอดแม่ทันที

นางแต่งเรื่องและบิดเบือนเหตุการณ์ในระหว่างการเดินทางทั้งหมด หวังเพื่อใส่ร้ายและให้หวังเพียนหลานเห็นใจ

หวังเพียนหลานเอะอะโวยวายเสียงดังลั่นด้วยความฉุดเฉียว ถึงอย่างไรนางก็รู้สึกรังเกียจเหลียงหวางหรูและเย่หยวนเป็นทุนเดิมอยู่แล้วตั้งแต่ย่างเท้ากลับถึงตระกูลเหลียง

เมื่อต้องมาเห็นลูกสาวของนางร้องห่มร้องไห้อย่างโศกเศร้าช้ำใจแบบนี้ หวังเพียนหลานยิ่งเดือดเป็นฝืนเป็นไฟ ทั่วทั้งใบหน้าของนางยามนี้แต่งแต้มไปด้วยความพิโรธโกรธจัด

 

“หรงเอ๋อเชื่อใจแม่! แม่คนนี้จะทวงคืนความยุติธรรมให้แก่เจ้า! เจ้าเด็กพิการนั่นก็แค่เศษใบกิ่งไม้เปาะ แถมยังโง่เดินมาเข้าในตระกูลเหลียงเองแบบนี้ เส้นทางเดียวที่รออยู่เบื้องหน้าคือนรก! ส่วนนังใบ้ ดูท่าแม่คนนี้ยังใจดีเกินไปถึงกล้ากำแหงขนาดนี้ คงต้องใช้ไม้แข็งให้หลาบจำ!”

 

แววประกายแสนเย็นชาสาดสะท้อนจากแววตาของหวังเพียนหลาน นางตะโกนขึ้นว่า

“เจ้า มานี่!”

 

สาวใช้นางหนึ่งปรี่ตรงเข้ามาหาโดยไว พร้อมสองมือทับบรรจบกลัดกุมบริเวณท้องน้อยอย่างสุภาพ

“นายหญิง!”

 

“ไปเรียกหมิงอี้มาหาข้าเดี๋ยวนี้!”

หวังเพียนหลานตะวาดสั่งการ

 

“รับทราบนายหญิง!”

สาวใช้นางนั้นรู้สึกกลัวจนเนื้อตัวสั่นเทา เมื่อรับสั่งหญิงอ้วนเสร็จสิ้นก็รีบจากไป

 

 

…………………….

 

 

“เหลียงหมิงอี้ ชายพิการสกุลเย่นั้นต้องตาย! มิเช่นนั้น ข้ากับหรงเอ๋ฮจะกลับตระกูลหวังทันทีในวันพรุ่งนี้!”

เหลียงหมิงอี้รู้สึกปวดเศียรหนักกับหญิงคนนี้มาก

หากย้อนกลับไป เขาไม่มีทางเลือกอื่นใดหลงเหลือ นอกจากจำใจแต่งงานกับหญิงอ้วนน่าเกลียดนางนี้

แม้นั้นจะทำให้เขารอดพ้นจากวิฤกติตระกูลในปีนั้นมาได้ ทว่านี้กลับไม่ต่างอะไรกับเชื้อเชิญอสรพิษเข้าบ้านเลย

หญิงอ้วนนางนี้วันๆไม่ทำอะไร แถมยังเอาแต่ใจตัวเอง เอะอะโวยวายประดุจหมาบ้า จิกหัวใช้คนไม่เว้นวัน

เพราะเป็นแบบนี้เหลียงหมิงอี้จึงคิดถึงภรรยาคนเก่าของเขาไม่เว้นวัน แม่ของเหลียงหวางหรูนับเป็นแม่ศรีเรือนอย่างแท้จริง

ทั้งๆที่เป็นผู้หญิงเหมือนกัน แต่ไฉนถึงแตกต่างกันคนละขั้วขนาดนี้?

 

 

ถึงอย่างนั้น เขาก็ได้แต่กล้ำกลืนฝืนทนต่อไป พร้อมกล่าวด้วยความลำบากใจขึ้นว่า

“แต่นี่…มันดูไม่ดีเกินไปหน่อยรึ? เย่หยวนช่วยชีวิตลูกสาวทั้งสองออกมา หากเขาต้องมาตายในตระกูลเหลียงโดยมิทราบสาเหตุ ยังจะมีใครกล้าทำธุรกิจกับตระกูลเหลียงอยู่อีก?”

 

หวังเพียนหลานแสยะสีหน้าสุดน่ารังเกียจ ตอบกลับเสียงเย็นว่า

“เหลียงหมิงอี้ เจ้านี่มันโง่จริงๆ! ต่อให้มันตายลงโดยไม่รู้ผีสางเทวดา แต่ใครจะไปสนใจ? ก็แค่คนพิการไร้ค่าคนหนึ่ง หรือผู้คนทั่วทั้งพิภพจำต้องใส่ใจให้เสียเวลาเล่น? เหอะ ช่วยชีวิตลูกทั้งสอง? กลับเป็นมันมากกว่าที่จัดฉากเรียกอสูรพวกนั้นมาตั้งแต่แรก?”

เหลียงหมิงอี้เบิกตาโตในทันใดที่ได้ยิน ความเป็นไปได้นี้เขากลับไม่เคยนึกถึงมาก่อน

 

เห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปของเขา หวังเพียนหลานเร่งกล่าวต่อ พร้อมน้ำเสียงที่อ่อนลงหนึ่งส่วน

“เหลียงหมิงอี้ เจ้าพิการนั่นมีวิชานอกรีตควบคุมอสูรได้! ตราบใดที่เจ้าทำให้มันยอมเปิดปากถ่ายทอดวิชานั้น…”

หวังเพียนหลานดูน่ากลัวอย่างมากในตอนนี้  ลักษณะท่าทางอันสุดแสนจะภูมิใจเปี่ยมล้นออกมา

แม้นางจะตัวอ้วนหูยาน แต่ก็มิได้โง่

อันที่จริงแล้ว ความคิดความอ่านของหวังเพียนหลานทั้งเฉียบคมและแนบเนียนเสียยิ่งกว่าเหลียงหวางหรงมาก

มิเช่นนั้นนางจะสามารถกำราบประมุขตระกูลอย่างเหลียงหมิงอี้ได้อยู่หมัดรึ?

 

เมื่อเหลียงหวานหรงกล่าวถึงความสามารถในการควบคุมอสูรของเย่หยวน หวังเพียนหลานก็นึกแผนการบางอย่างขึ้นมาได้ฉับไว

ทั้งๆที่เย่หยวนเป็นเพียงคนพิการ แต่กลับสามารถควบคุมอสูรศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่งขั้นปลายอย่างพญาช้างมารสวรรค์ได้ นี่แสดงให้เห็นแล้วว่า เขาต้องมีวิชาลับติดตัวอยู่แน่นอน

ตราบใดที่พวกเขาได้วิชานี้มา ตระกูลเหลียงจะขึ้นกลายเป็นตระกูลใหญ่อันดับหนึ่งแห่งเมืองกุยฉางได้ในเสี้ยวพริบตา!

มีอสูรมากมายภายในป่าอสูรลึกลับ หากได้พวกมันมาเป็นกำลังเสริม ขุมพลังของตระกูลเหลียงจะถือได้ว่ายิ่งใหญ่ไร้เทียมทาน

 

ทั่วทั้งร่างกายของเหลียงหมิงอี้สั่นสะท้าน แววโลภส่องสะท้อนออกจากนัยน์ตาโดยมิอาจปกปิดได้อีกต่อไป

 

“หุหุ ศรีภรรยาผู้นี้เหนือล้ำกว่าข้าครึ่งก้าวเสมอ! นับตั้งแต่แต่งงานกันมา ชีวิตของเหลียงหมิงอี้ก็มีแต่เจริญขึ้นและเจริญขึ้น! จนตอนนี้ตระกูลเหลียงของเราก็ใกล้จะขึ้นกลายเป็นตระกูลอันดับหนึ่งแห่งเมืองกุยฉางแล้ว!”

เหลียงหมิงอี้กล่าวขึ้นพร้อมท่าทีที่สุดแสนจะตื่นเต้น

เขาไม่สนว่าเย่หยวนจะเป็นหรือตายหรือเหลียงหวางหรูจะคิดอย่างไร ยามนี้ขอเพียงได้วิชาลับพิสดารนั้นมา เท่านั้นก็เพียงพอ!

แผนการของหวังเพียนหลานไปกระตุ้นความโลภของเขาให้ตื่นแล้ว!

วิชาลับพิสดารที่สามารถควบคุมได้แม้แต่อสูรศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่งขั้นปลาย มีใครบ้างจะไม่อิจฉา?

เมื่อเปรียบกับอนาคตของพวกเขา ที่จะได้กลายมาเป็นตระกูลอันดับหนึ่งแห่งเมืองกุยฉาง เศษเสี้ยวชีวิตของเย่หยวนยังนับว่าสำคัญอันใด?

 

หวังเพียนหลานเอ่ยตอยอย่างภาคภูมิว่า

“แน่นอน! ข้ารู้ว่าเจ้ายังคิดถึงเจ้าผีเน่านางนั้นมาตลอด แต่ถ้าหากเจ้าไม่มีหวังเพียนหลานผู้นี้ มีหรือที่เจ้าจะกินดีอยู่ดีอย่างในปัจจุบัน?”