โอสถตราสวรรค์หนึ่งดาว!

 

เย่หยวนมิได้ทราบเลยว่า ตนได้กลายมาเป็นลูกแกะอ้วนที่กำลังจะถูกลอบสังหาร

ยามนี้ สิ่งที่ทำให้เขาปวดเศียรที่สุดคือ การหาวิธีซ่อมแซมทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์และกู้คืนพลังปราณทั้งหมดกลับมา

ทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ของเขาได้รับความเสียหายแสนสาหัส เย่หยวนจึงไม่สามารถหลอมกลั่นโอสถใดๆได้เลย

เรื่องหลอมกลั่นโอสถจะไม่มีทางเกิดขึ้นได้ หากเขายังไม่สามารถซ่อมแซมในส่วนนี้จนกลับมาเป็นดังเดิมได้

ช่างเป็นวัฏจักรปัญหาที่ไร้รู้จบโดยแท้สำหรับเขา

นี่อาจกล่าวได้ว่า เย่หยวนในปัจจุบันไม่ต่างอะไรกับคนธรรมดาที่มิได้รู้เรื่องโอสถเลยสักนิด

เขาผู้ทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรพระเจ้าได้ด้วยยอดเต๋าแห่งโอสถ ทว่ายามนี้กลับกลายมาเป็นผู้ไร้ความสามารถในเส้นทางแห่งโอสถไปโดยปริยาย

เย่หยวนในปัจจุบันกำลังมืดแปดด้าน!

 

“ท่านอาวุโสหวูเฉิน ผู้เยาว์มีข้อสงสัย ท่านมีหนทางช่วยรักษาอาการบาดเจ็บของข้าในตอนนี้บ้างหรือไม่?”

เย่หยวนไร้ซึ่งที่พึ่งอื่นใด ทำได้แต่หันหาหวูเฉินเพื่อขอคำแนะนำ

ท้ายที่สุดนี้ หวูเฉินถือเป็นผู้ติดตามจอมเทพนิรันดร์มาอย่างยาวนาน ทั้งบุกตะลุยท่องทะยานสำรวจทั่วมหาพิภพถงเทียนไร้จำกัดตามใจนึก ขอบเขตความรู้ของเขาย่อมกว้างไพศาลกว่าเย่หยวนมากมายนัก

 

หวูเฉินเหลียวสายตากวาดมองเย่หยวนเล็กน้อย และกล่าวขึ้นว่า

“เดี๋ยวนี้รู้จักขอคำแนะนำจากเราชายชราแล้ว? หากเจ้าเชื่อฟังข้าตั้งแต่ต้น คงไม่เกิดเรื่องวุ่นวายขนาดนี้เป็นแน่แท้ แล้วตอนนี้เป็นอย่างไร? รู้ซึ้งถึงผลลัพธ์ที่ตนหัวรั้นแล้วกระมัง?”

 

เย่หยวนคลี่หัวเราะแห้งเบาๆ แต่มิได้เอ่ยปากกล่าวอันใดตอบ

 

 

หวูเฉินกล่าวขึ้นพลางแสยะยิ้มเย็นเอ่ยว่า

“เจ้าหนู ข้ามิได้พูดให้เจ้ากลัว แต่สภาพของเข้าในตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับคนพิการเลย ถึงแบบนั้นก็ใช่ว่าจะไม่มีวิธี กระนั้นเอง หากเจ้าต้องการซ่อมแซมทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ อย่างน้อยต้องรอเวลาไปอีกร้อยปี!”

 

แต่คู่ดวงเนตรของเย่หยวนพลันทอประกายสว่างไสว เขากล่าวขึ้นอย่างมีความหวัง

“เพียงวิถีทางนับเป็นเรื่องดียิ่งแล้ว แค่ร้อยปีกลับนับเป็นอันใด?”

 

หวูเฉินสวนตอบทันทีพร้อมรอยยิ้มสีเย็นว่า

“เหอะ หนึ่งร้อยปีไม่นับเป็นอันใดสำหรับเจ้าก็จริง ทว่าสหายของเจ้ากลับรอไม่ไหว!”

 

สีหน้าการแสดงออกพลันผันแปรในบัดดล เย่หยวนหน้าถอดสีน่าเกลียด เขากล่าวขึ้นอย่างไม่แน่ใจว่า

“ท่านอาวุโสหมายความอย่างไร? หรือเป็นไปได้ไหมที่ ไข่มุกสยบวิญญาณไม่สามารถคงสภาพจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของหลินเสวียได้เกินร้อยปี?”

 

หวูเฉินกล่าวตอบอย่างไร้ประโยชน์ขึ้นว่า

“หากข้ามีพลังสภาวะอยู่ในจุดสุดยอดดั่งกาลอดีต ลืมไปเลยกับแค่ร้อยปี ต่อให้เป็นล้านปีก็หาใช่ปัญหาเช่นกัน! แต่ตัวข้าในตอนนี้ อย่างนานที่สุดก็อยู่ได้อีกประมาณสิบปี และข้าจะเข้าสู่สภาวะจำศีลอีกครั้ง”

 

หัวใจพลันเต้นกระหน่ำไม่หยุดหย่อน เย่หยวนไม่คิดเลยว่า สภาพของหวูเฉินในปัจจุบันจะเลวร้ายถึงขั้นนี้

เขาสูดหายใจเข้าลึกๆและกล่าวว่า

“ท่านอาวุโส แล้วผู้เยาว์จะช่วยท่านฟื้นพลังได้อย่างไร?”

 

คุนหวูถอนหายใจเฮือกใหญ่และกล่าวว่า

“สามสมบัติเวทย์สวรรค์ถูกเชื่อมผสานกันโดยโลหิตของจอมเทพนิรันดร์ เมื่อจอมเทพนิรันดร์ล่วงลับจากไป สามสมบัติเวทย์สวรรค์ย่อมได้รับผลกระทบรุนแรงตามไปด้วยเช่นกัน ถึงขั้นที่ว่าสูญเสียพลังกันไปเกินครึ่งต่อครึ่ง นั้นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาต้องตกสู่สภาวะจำศีลตลอดมา หลังจากที่ข้าตื่นขึ้นอีกครั้ง หากเจ้าไม่สามารถเสาะหาแหล่งพลังงานที่มากเพียงพอสำหรับหล่อเลี้ยงเราชายชรา อีกไม่นานเกินรอ คงต้องตกสู่การจำศีลอีกครั้ง แต่เดิม พลังวิญญาณของพฤกษาวิญญาณมรณะที่ดูดกลืนเข้าไป มันก็ต่อชีวิตให้ข้าห่างไกลจากสภาวะจำศีลแล้ว แต่เพราะจำต้องใช้จ่ายพลังเพื่อรักษาสหายของเจ้า ข้าถึงกลับสู่สภาวะอ่อนเพลียจัด คงอยู่ได้ไม่ถึงสิบปีด้วยซ้ำ!”

 

ได้ฟังดังนั้น เย่หยวนตระหนักทราบทันทีว่า สถานการณ์ในปัจจุบันมันร้ายแรงเพียงใด

ทันทีที่หวูเฉินหลับไปอีกครั้ง เขาจะไม่สามารถคงสภาพจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของมู่หลินเสวียได้อีกต่อไป และนางจะต้องตายในท้ายที่สุด

หนทางรอดเดียวคือ เขาจะต้องเสาะหาพลังวิญญาณปริมาณมหาศาล เพื่อมาบำรุงไข่มุกสยบวิญญาณ!

แต่ภายใต้สภาพปัจจุบันของเย่หยวน เขาจะมีปัญญาหาพลังงานมาบำรุงจากแห่งหนใด?

ก่อนอื่นก่อนใด เขาจำต้องฟื้นคืนพลังให้ได้เสียก่อนเป็นอันดับแรก

ระยะเวลาแค่สิบปี กลับสั้นเพียงดีดนิ้วสำหรับในมหาพิภพถงเทียน ด้วยเวลาเพียงเท่านี้ ผู้ฝึกปรือยังไม่ทันทำอะไรเลย

เหล่านักสู้ของที่นี่อย่างน้อยล้วนต้องบ่มเพาะพลังกันเป็นหลักแสนปีขึ้นไป

กล่าวได้ว่า เซียนอาณาจักรพระเจ้าเป็นแค่มดปลวกที่หาได้ทั่วไปในมหาพิภพถงเทียน

เฉพาะสามารถฝึกปรือจนเลื่อนกลายเป็นเซียนอาณาจักรราชันย์พระเจ้าได้ ยามนั้นจึงค่อยเชิดหน้าชูตาขึ้นมาได้บ้าง

 

เย่หยวนถอนหายใจไม่รู้จบ พลางเอ่ยปากขึ้นว่า

“เช่นนั้น ผู้เยาว์ควรทำอย่างไรดีในตอนนี้?”

ณ ปัจจุบัน เย่หยวนกำลังยืนอยู่บนปลายเชือกแล้ว ความหวังสุดท้ายที่เขาพอจะพึ่งพาได้ก็มีแต่หวูเฉิน หาใช่ผู้ใดอื่น

หวูเฉินที่ได้ยินแบบนั้น ถึงคราวปวดเศียรหนัก

เขามีวิธีแก้ไขสถานการณ์ก็จริง แต่ด้วยสภาพของเย่หยวนในตอนนี้ วิธรการเหล่านั้นกลับแทบไม่มีวันทำได้สำเร็จ!

 

เขาถอนหายใจเสียงยาวกล่าวว่า

“บนมหาพิภพถงเทียน มีวรยุทธหลอมกลั่นชนิดหนึ่งเรียกว่า วรยุทธค่ายกลเต๋ากลั่นโอสถ ในยามนี้ เจ้าไม่มีพลังปราณเทวะ หนทางนี้จึงเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้เจ้าสามารถหลอมกลั่นโอสถได้อีกครั้ง ด้วยระดับความเสียหายในทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ของเจ้า แค่โอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่งชั้นต่ำ,โอสถตราสวรรค์หนึ่งดาว ก็คงยากเกินพอแล้ว แต่ความซวยก็คือ อาณาจักรพลังและศาสตร์แห่งโอสถของเจ้าบรรลุถึงอาณาจักรพระเจ้าก็จริง แต่นั้นมิใช่กับศาสตร์แห่งค่ายกลของเจ้า! ยิ่งไปกว่านั้น เจ้ายังไม่รู้เรื่องโอสถศักดิ์สิทธิ์เลยแม้แต่น้อย ความยากในการหลอมกลั่นโอสถศักดิ์สิทธิ์มิได้ง่ายเหมือนกับโอสถชั้นสามัญทั่วไปอย่างที่เจ้าเคยหลอมในอดีต! ลืมไปเลยสำหรับสิบปี ต่อให้ข้ามีเวลาให้เจ้าร้อยปี เจ้าก็ไม่มีทางหลอมกลั่นโอสถตราสวรรค์หนึ่งดาวขึ้นได้เลย!”

โอสถระดับเก้าชั้นสูงสุดที่เย่หยวนเคยหลอมกลั่นมา จนสร้างปรากฏการณ์เรียกฟ้าฝนนับครั้งไม่ถ้วนในดินแดนพฤกษานิรันดร์ ทั้งหมดนั้นกลับกลายเป็นแค่โอสถชั้นสามัญทั่วไปจากปากของหวูเฉิน

มิใช่ว่าหวูเฉินต้องการจะดูถูกเย่หยวน แต่นี่กลับความจริงที่มิอาจปฏิเสธได้เลย

บรรทัดฐานระหว่างสองดินแดนนี้ช่างต่างชั้นกันเกินไป

และโอสถตราสวรรค์หนึ่งดาวที่ว่า ก็ยังเป็นสูตรโอสถที่จอมเทพนิรันดร์คิดค้นขึ้นมาเอง แล้วมันจะหลอมกลั่นได้โดยง่ายอย่างไร?

หากมันเป็นโอสถที่นักหลอมโอสถทั่วไปสามารถหลอมกลั่นขึ้นเองได้ คุนหวูคงไม่มีทีท่าหมดหวังขนาดนี้

ณ เมืองกุยฉางแห่งนี้ มีนักหลอมโอสถที่พอมีฝีมืออยู่บ้าง กระทั่งหลอมกลั่นโอสถปราณลึกล้ำก็หาใช่เรื่องยากเกินมือ อย่างแย่ที่สุดคือ สั่งจองโอสถไปก็ได้โอสถขั้นต่ำกลับมา

 

แต่ปัญหาคือ โอสถตราสวรรค์หนึ่งดาวหาใช่โอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่งทั่วไป นักหลอมโอสถระดับชั้นพวกนี้ไม่มีทางหลอมกลั่นได้สำเร็จ

มาตรได้ว่า โอสถปราณลึกล้ำกลับเทียบเทียมโอสถตราสวรรค์หนึ่งดาวไม่ได้แม้แต่ปลายเล็บ!

สำหรับโอสถปราณลึกล้ำ ตราบใดที่ฝึกปรือจนแกร่งกล้าตามระดับพลังที่กำหนด พวกเขาก็สามารถหลอมกลั่นได้ไม่ยาก

แม้โอสถตราสวรรค์หนึ่งดาวเป็นโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่งชั้นต่ำ แต่จำเป็นต้องใช้ความเข้าใจต่อศาสตร์แห่งโอสถในระดับที่ลึกซึ้งยิ่ง เพื่อหลอมกลั่นให้ประสบความสำเร็จ

 

เย่หยวนรำพึงอยู่ชั่วครู่ ก่อนเอ่ยกล่าวเสียงขรึมว่า

“ท่านอาวุโส โดยทั่วไป การจะเลื่อนชั้นกลายมาเป็นจอมเทพโอสถหนึ่งดาว จำต้องใช้เวลาฝึกปรือนานเท่าใด?”

ตำแหน่งจอมเทพโอสถยังสามารถแบ่งได้เป็นเก้าดาว ตามระดับชั้นความแกร่งกล้า ซึ่งโอสถปราณลึกล้ำและโอสถตราสวรรค์หนึ่งดาว ล้วนเป็นโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่งที่จอมเทพโอสถหนึ่งดาวสามารถหลอมกลั่นได้

 

 

หวูเฉินกล่าวว่า

“ศาสตร์แห่งโอสถที่เจ้ารู้จักเป็นเพียงส่วนหนึ่งของเต๋าทั้งหมดที่จอมเทพนิรันดร์เข้าใจ! ภายในดินแดนพฤกษานิรันดร์ เจ้าอาจจะเปรียบเสมือนเทพที่ควบคุมฟ้าดินได้ดั่งใจ แต่ต่อหน้ามหาพิภพถงเทียนแห่งนี้ สิ่งที่เจ้าเคยรู้เคยเข้าใจมาทั้งหมดกลับเป็นแค่กะลาใบหนึ่ง! ศาสตร์แห่งสวรรค์ที่แท้จริงในมหาพิภพถงเทียนทั้งลึกซึ้งและกว้างใหญ่ไร้ขอบเขต! นักหลอมโอสถบางคนใช้เวลากว่าพันปีเต็มกว่าจะเข้าใจทฤษฎีโอสถระดับเบื้องต้น และเลื่อนชั้นกลายมาเป็นจอมเทพโอสถหนึ่งดาว! ดังนั้นแล้ว สถานะของนักหลอมโอสถภายในมหาพิภพถงเทียนจึงสูงส่งกว่าในดินแดนพฤกษานิรันดร์มาก!”

เย่หยวนถึงกับสูดไอเย็นแช่มลึกสุดขั้วหัวใจ ยามนี้เขาเพิ่งจะตระหนักได้ว่าโอสถปราณลึกล้ำเม็ดนั้นมันมีค่ามหาศาลเพียงใด!

เย่หยวนใช้เวลาแค่สามร้อยปี ก็สามารถก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดแห่งจักรพรรดิโอสถได้แล้ว

แต่ในที่แห่งนี้ กว่าจะเลื่อนชั้นขึ้นเป็นจอมเทพโอสถหนึ่งดาว กลับต้องใช้เวลานานถึงหนึ่งพันปี!

แถมนั้นยังเป็นแค่จอมเทพโอสถหนึ่งดาวชั้นต้นเท่านั้น!

และการจะหลอมกลั่นโอสถตราสวรรค์หนึ่งดาว จอมเทพโอสถหนึ่งดาวชั้นต้นทั่วไปย่อมไม่มีทางทำสำเร็จได้เลย

ในจุดนี้ ถึงหวูเฉินจะมิได้กล่าวออกมา แต่เย่หยวนก็ตระหนักทราบโดยชัดเจน การจะไต่ไปถึงระดับชั้นที่สามารถหลอมกลั่นโอสถตราสวรรค์หนึ่งดาวได้ ตามที่คำนวณไว้ เขาจำเป็นต้องใช้เวลานานถึงสองพันปี!

 

เย่หยวนกลับคืนฟื้นสติขึ้นอีกครา ก่อนเอ่ยปากถามอย่างสงสัยขึ้นว่า

“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น แล้วเหตุใดท่านอาวุโสจึงกล่าวว่า ผู้เยาว์จำต้องใช้เวลาอย่างน้อยแค่ร้อยปี?”

 

หวูเฉินกล่าวตอบแถลงไขทันที

“แน่นอน นั้นเป็นเพราะเจ้ามีศิลาจารึกบัลลังก์พิภพอยู่กับตัว! เจ้าในตอนนี้ทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรพระเจ้าได้แล้ว ย่อมสามารถเปิดใช้ศิลาจารึกบัลลังก์พิภพได้บ้างส่วน ภายในนั้น ไม่เพียงกักเก็บเต๋าของจอมเทพนิรันดร์เท่านั้น แต่มันยังสามารถปรับเปลี่ยนอัตราการไหลของห้วงเวลาอีกด้วย!”

 

เย่หยวนที่ได้ฟังแบบนั้นถึงกับเบิกตาโตแหกค้างเท่าไข่ห่าน สำหรับเรื่องนี้ เขาปรารถนาที่จะใช้มันมาเนินนานแล้ว

เขาไม่คิดไม่ฝันเลยว่า ยามนี้จะพร้อมใช้งานได้แล้วจริงๆ!