บทที่ 387 ข่าวดี

บทที่ 387 ข่าวดี

อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้าเล็กน้อย

“โอเค แต่แกห้ามโผล่หน้ามาที่เมืองฮ่วยอันเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นฉันจะฆ่าแกเอง!”

ในเมื่อกงซุนซายอมยกทรัพย์สมบัติทุกอย่างให้ เขาจึงตัดสินใจไว้ชีวิตอีกฝ่าย

พอพูดจบ เขามองชายแก่อยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันมองชายฉกรรจ์สองคนที่มีสีหน้าตกตะลึงที่ยังคงจับตัวของเฉิงชิวอวี้ไว้

“พวกแกล่ะ? อยากตายด้วยไหม?”

หลังจากพูดจบ จิตสังหารพลันแผ่ออกมาทันที!

“ตึง!”

ทันใดนั้นชายฉกรรจ์สองคนก็คุกเข่าลงกับพื้นด้วยความตกใจ!

“ล…ลูกพี่…พวกเราผิดไปแล้ว…พวกเราแค่ทำตามคำสั่ง อย่าฆ่าเราเลย…ไว้ชีวิตเราเถอะ”

“พี่ใหญ่…ผมต้องดูแลพ่อแม่และเด็ก ๆ ผมยังตายไม่ได้… ขอร้องล่ะ…”

ทั้งสองคนร้องไห้ขอความเมตตา

พวกเขากลัวจนตัวสั่น แม้แต่ปรมาจารย์มือฉมังอย่างหลิ่วอวี้จิงก็ยังถูกจัดการในพริบตาเดียว…แล้วใครจะกล้าสู้กับปีศาจตัวนั้น!

“กลับบ้านไปดูแลลูกซะ”

อวี้ฮ่าวหรานขี้เกียจเดินกว่าจะสนใจพวกลูกสมุน จากนั้นเขาจึงเดินไปปลดเชือกให้เฉิงชิวอวี้

“ฮือ ๆ ไอ้กุ๊ยข้างถนน พวกแกดียังไงถึงทำร้ายฉัน!”

ทันทีที่หลุดจากพันธนาการ เธอก็ดึงผ้าขนสัตว์ที่อุดปากออกอย่างรวดเร็ว

จากนั้นเดินไปเตะหน้าอกของชายทั้งสองอย่างเต็มแรง

“ถุย! ไอ้สวะ!”

เฉิงชิวอวี้ถ่มน้ำลายใส่อีกฝ่าย ก่อนจะใช้รองเท้าส้นสูงเตะพวกเขาอย่างเต็มรัก ในขณะที่ชายทั้งสองไม่กล้าแม้แต่จะส่งเสียงโอดโอย

อวี้ฮ่าวหรานอดหัวเราะในใจไม่ได้

สมกับเป็นคุณหนูเฉิงผู้คร่ำหวอดในวงการธุรกิจ ดูเหมือนว่าเธอจะคุ้นเคยกับสถานการณ์แบบนี้ดีจึงไม่ตื่นตระหนกสักนิด

“ฮ่า ๆ มันจบแล้วครับ”

“ฮึ่ม… โชคดีที่คุณมาทันเวลา!”

เฉิงชิวอวี้ยืนนิ่งเพื่อระงับอารมณ์โกรธที่พลุ่งพล่าน ก่อนหันหน้ากลับมาแล้วถอนหายใจ

“ฮ่าวหราน ช่วงนี้ฉันดวงตกสุด ๆ! ภายในหนึ่งเดือน ฉันถูกจับตัวไปสองครั้งแล้ว!”

เธอพูดไม่ออก ขณะที่กำลังพักผ่อนอย่างสบายใจอยู่ในบ้าน จู่ ๆ ก็มีคนกลุ่มหนึ่งบุกเข้ามาและมัดเธอไว้โดยไม่พูดอะไรสักคำ!

พวกมันเป็นใคร?

“แค่ก ๆ ฉันไม่ไหวแล้ว”

อวี้ฮ่าวหรานรู้สึกกระดากอายเล็กน้อยเมื่อได้ยิน เพราะเขาเป็นต้นเหตุยังไงล่ะ

“ไม่ได้! ฉันจะยกโทษให้ง่าย ๆ ไม่ได้เด็ดขาด! คุณต้องพาฉันไปดูหนัง!”

เฉิงชิวอวี้พูดอย่างไม่เต็มใจ เมื่อคิดดี ๆ แล้ว เธอจึงรู้ทันทีว่าอีกฝ่ายเป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด

แต่เธอไม่ถือสาหรอก

เธออยากให้ผู้ชายดี ๆ อย่างนี้ติดหนี้บุญคุณตัวเองให้มากที่สุด

“ช่างเถอะ…ฉันจะโทรหาคุณพ่อให้มาเก็บกวาดที่นี่ หวังว่าจะไม่มีเรื่องเลวร้ายอีกแล้วนะ”

ขณะที่กำลังจะเดินออกไป เธอก็พบว่าในห้องนั้นเต็มไปด้วยพวกอันธพาลที่นอนหมดสติอยู่ เธอจึงถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้

“อย่าเลยครับ ให้ผมจัดการเถอะ”

อวี้ฮ่าวหรานต่อสายตรงถึงโจวเฟยหู่ให้มาเก็บกวาดกงซุนซาและลูกน้อง ซึ่งอีกฝ่ายก็ยินดีที่ได้ยินแบบนั้นไม่น้อย

ขณะเดียวกัน

ณ โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง

“หวังเหยียน เราจะขอให้พี่อวี้ช่วยไปถึงเมื่อไหร่? หลิ่วอวี้จิงทำร้ายคนในแก๊งเราไปสองคนแล้ว!”

โจวเฟยหู่นั่งอยู่ข้างเตียงผู้ป่วยด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย

หลังจากพักฟื้นเป็นเวลานาน ร่างกายของหวังเหยียนก็ฟื้นตัวขึ้นจนเกือบหายเป็นปกติ แต่ตอนนี้เขายังไม่สามารถทำเรื่องโลดโผนได้

“ฉันแนะนำว่าถ้าไม่จำเป็น อย่าไปรบกวนเขาจะดีกว่า”

เมื่อนึกถึงชายหนุ่ม เขาก็อดออกปากชมไม่ได้

“ฉันเดาว่าพี่อวี้คงไม่อยากเกี่ยวข้องเรื่องนี้แน่นอน”

โจวเฟยหู่พยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้

“อืม แต่สถานการณ์ตอนนี้เลวร้ายมาก ถ้า…”

เขาลังเลเล็กน้อย

“ลูกพี่ ผมรู้ว่าพี่กลัวว่าแก๊งพยัคฆ์เวหาที่สร้างมากับมือจะถูกทำลาย แต่ก็ไม่ใช่ว่าเราจะไม่มีหวังเลย”

เมื่อเห็นอย่างนั้น หวังเหยียนจึงเสนอความคิด

“พวกเราเป็นพี่น้องกันไม่ใช่เหรอ ถ้ารวมพลังเล็ก ๆ แต่ถ้าทุกคนร่วมมือร่วมใจกัน พวกเราก็สามารถรักษาชื่อเสียงของแก๊งไว้ได้”

“เฮ้อ… ฉันรู้ พอเห็นพี่น้องของเราเจ็บตัวทีไร ฉันก็อดเป็นห่วงไม่ได้น่ะ”

โจวเฟยหู่ถอนหายใจเบา ๆ ทั้งสองคนต่างตกอยู่ในห้วงความคิด สถานการณ์ของแก๊งตอนนี้ชวนปวดหัวไม่น้อย

ขณะที่ทั้งห้องกำลังอบอวลไปด้วยความหดหู่ จู่ ๆ โทรศัพท์ของหวังหยวนก็ดังขึ้น

“เอ่อ พี่อวี้โทรมา”

หลังจากได้ยินเสียงจากอีกฝ่าย หวังเยียนก็ลุกขึ้นนั่งทันที

“พี่ว่าอะไรนะ”

เมื่อได้ยินน้ำเสียงไม่แยแสของปลายสาย เขาก็รีบตอบกลับอย่างรวดเร็ว

วินาทีต่อมา เสียงอุทานของหวังเหยียนก็ดังขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า!

“หา? พี่อวี้จะบอกว่า…กงซุนซา…”

ดวงตาของเขาเบิกกว้าง ใบหน้าอัดแน่นด้วยความไม่เชื่อ แม้จะวางสายไปแล้ว แต่เขาก็ยังคงตกตะลึงอยู่

โจวเฟยหู่รีบร้อนอย่างมาก เขาไม่เคยเห็นลูกน้องตกใจขนาดนี้มาก่อน

“เกิดอะไรขึ้น! กงซุนซาลงมือแล้วเหรอ?”

ท่าทางของอีกฝ่ายทำให้เขากระวนกระวายใจอย่างมาก

“ไม่…ไม่ใช่…”

ดูเหมือนว่าหวังเหยียนยังไม่เชื่อสิ่งที่ตัวเองเพิ่งได้ยิน เขายังคงตกตะลึงอยู่อย่างนั้น

“ถ้าอย่างนั้นแกก็พูดสิ! ต่อให้แย่แค่ไหน โจวเฟยหู่ไม่เคยกลัว!

โจวเฟยหู่มีท่าทีกังวลเล็กน้อย

“พี่อวี้! เขาช่วยเราจัดการกงซุนซาแล้ว อีกฝ่ายบอกว่าพวกเขาจะยุบแก๊งฉลามคลั่ง…ส่วนหลิ่วอวี้จิงและปรมาจารย์คนอื่น ๆ ตายแล้ว”

หลังจากสงบสติอารมณ์ หวังเหยียนก็แจ้งข่าวที่น่ายินดีกับหัวหน้าแก๊ง

เขาไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ได้ยินเลย ถ้าเป็นเรื่องจริง…มือทั้งสองสั่นเทาอย่างช่วยไม่ได้

“หา?”

โจวเฟยหู่อุทานเสียงดังทันทีที่รู้เรื่องราว

“แกจะบอกว่าพี่อวี้ช่วยเราจัดการฉลามคลั่งแล้ว?”

เขายังคงมีสีหน้าไม่เชื่อเหมือนเดิม

ก่อนหน้านี้ทั้งสองยังเคร่งเครียดกับจุดจบอันน่าสังเวชของแก๊ง แต่จู่ ๆ ก็มีคนโทรเข้ามา จากนั้นนรกก็กลับกลายเป็นสวรรค์!

“เป็นไปไม่ได้.. พี่อวี้ฆ่าแก๊งฉลามคลั่งทุกคนเลยเหรอ?”

ร่างกายของโจวเฟยหู่สั่นเทา เขาอดคาดเดาไปต่าง ๆ นานาไม่ได้

“ไม่ใช่อย่างนั้น…เหมือนว่า… เหมือนว่ากงซุนซาจะพาปรมาจารย์พวกนั้นไปรุมฆ่าพี่อวี้ด้วยความมั่นใจ… แต่สุดท้ายพวกเขาก็ถูกพี่อวี้ฆ่าจนหมด”

หวัังเหยียนเล่าตามที่ได้ยินทางโทรศัพท์เมื่อครู่

เมื่อได้ยิน โจวเฟยหู่ก็ยิ่งไม่เชื่อ

“กงซุนซาโง่ขนาดนั้นเลยเหรอ?”

เขารู้ดีว่าพี่อวี้แข็งแกร่งแค่ไหน! พวกนั้นจะรนหาที่ตายจริงเหรอ? ทั้งสองคนต่างพูดไม่ออก บรรยากาศภายในห้องเปลี่ยนไปทันที

ไม่นานโจวเฟยหู่ก็ระเบิดหัวเราะแล้วเดินออกจากห้องผู้ป่วย!

“ฮ่า ๆ! พวกแกรีบตามฉันมา! ไปรวบรวมพี่น้องของเรากันเถอะ!”

ลูกน้องทั้งสองคนรู้สึกงุนงงเล็กน้อย

“ลูกพี่? มี… มีอะไรเหรอครับ?”

“พวกเราไม่ต้องเฝ้ายามแล้วเหรอครับ?”

พวกเขาไม่เข้าใจอย่างมาก ตอนที่ลูกพี่เข้าไปในห้อง เขายังคงมีสีหน้าเศร้าโศก แต่พอตอนออกมา เขากลับมีความสุขซะงั้น

“เฝ้ายาม? เฝ้าบ้านแกน่ะสิ! วันนี้ฉันจะรวบรวมกองกำลังใต้ดิน!

พูดจบ โจวเฟยหู่ก็เดินออกจากโรงพยาบาลด้วยความสุขใจ!