บทที่ 388 ล่อลวง

บทที่ 388 ล่อลวง

“ฉันจะไม่กลับมาที่เมืองฮ่วยอันอีก! ฉันยินดีมอบธุรกิจทุกอย่างให้แก…”

เสียงร้องขอความเมตตาของกงซุนซายังคงดังก้องภายในคฤหาสน์ตระกูลเฉิง

อวี้ฮ่าวหรานตัดสินใจไว้ชีวิตคู่ต่อสู้

แต่…

เขาเงยหน้ามองใบหน้าเหี่ยวย่นอันน่ารังเกียจ ก่อนคิดว่าชายคนนี้คงไม่มีทางกลับคำ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคู่ต่อสู้แข็งแกร่งกว่า

“เอาเป็นว่าฉันจะไว้ชีวิตแกตามที่สัญญา แต่แกต้องสลายพลังที่มี!”

หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดอวี้ฮ่าวหรานก็ตัดสินใจ

“หา?”

กงซุนซาที่คุกเข่าขอความเมตตาอยู่บนพื้นตกตะลึงทันที

“ย…อยากให้ฉันสลายพลังเหรอ?”

เขาพึมพำอย่างหวาดกลัว

ถ้าไม่มีพลัง เขาจะไม่สามารถฝึกตนได้และไม่สามารถเปิดบริษัทใหม่ได้อีกต่อไป

ด้วยอายุปูนนี้ ถ้าพลังทั้งหมดหายไป เขาจะไม่มีทางลืมตาอ้าปากได้อีกเลย

“ไม่… ไม่ได้! ฉันทำไม่ได้!”

ตอนนี้ใบหน้าของกงซุนซาขาวซีดอย่างมาก เขาหวาดกลัวอีกฝ่ายอย่างมากจนต้องถอยหนี

การฝึกตนสำคัญกับเขากว่าที่คิด

พูดได้เลยว่าชายหนุ่มตรงหน้าตัดหนทางการใช้ชีวิตของเขาอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว

“ฮ่าฮ่า น่าเสียดายที่แกทำไม่ได้”

อวี้ฮ่าวหรานหัวเราะเมื่อเห็นท่าทางตื่นตกใจของอีกฝ่าย

“ฉันบอกว่าจะไว้ชีวิตแก แต่ฉันไม่ได้บอกว่าจะไม่สลายพลังแกนี่”

“แต่… แต่ถ้าไม่มีพลังการฝึกตน ฉันจะใช้ชีวิตยังไง…”

กงซุนซาเถียงด้วยความไม่เต็มใจ หลายปีมานี้เขาเก็บซ่อนความแข็งแกร่งของตัวเองไว้เสมอ ถ้าเสียมันไปจริง ๆ เขาต้องทนรับความอัปยศไม่ได้แน่นอน

เมื่อได้ยินคำตอบ อวี้ฮ่าวหรานจึงมองอีกฝ่ายด้วยสายตาหยามเหยียด

“ต่อให้ฉันไม่สลายพลังแก แต่แกมีเล่ห์กลมากกว่าคนทั่วไปมาก แล้วแกคิดว่าฉันจะปล่อยแกไปอย่างสบายใจเหรอ?”

เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะทำแบบนั้น!

ถ้ากงซุนซาฝึกฝนจนบรรลุขอบเขตก่อรากฐานขั้นสูง แล้วคอยซุ่มโจมตีเขาอยู่ในมุมมืด เมื่อนั้นจะต้องเกิดปัญหาใหญ่แน่นอน

พอตัดสินใจแล้ว อวี้ฮ่าวหรานก็รอให้อีกฝ่ายพล่ามจบก่อนจะปล่อยพลังวิญญาณออกจากฝ่ามือ

พลังวิญญาณพุ่งไปทำลายจุดตันเถียนของอีกฝ่ายทันที

“ไม่! ไม่…”

ไม่ว่ากงซุนซาจะขอร้องอ้อนวอนอย่างไร ตันเถียนของเขาก็ถูกพลังวิญญาณบดขยี้อยู่ดี

ไม่นานกงซุนซาก็ล้มพับลงกับพื้น เขาได้สูญเสียพลังการฝึกตนและกลายเป็นชายชราที่ไร้ฝีมือ

โจวเฟยหู่รวบรวมคนของเขามาที่คฤหาสน์ของตระกูลเฉิงทันทีที่ได้ข่าว

“พี่อวี้! พี่…พี่แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!”

เมื่อเดินเข้าไปในห้องโถง พวกเขาก็ต้องเจอกับภาพที่น่าตกใจ

เห็นได้ชัดว่าพวกคนที่นอนเกลื่อนกลาดอยู่ในนั้นคือเหล่าปรมาจารย์ยอดฝีมือของแก๊งฉลามคลั่ง!

เขารู้จักปรมาจารย์พลังภายในหลายคน พวกเขาเป็นเสี้ยนหนามที่คอยทิ่มตำหัวใจของโจวเฟยหู่เสมอ แต่ตอนนี้คนพวกนั้นนอนตายราวกับหมาข้างถนน!

“หลิ่ว…หลิ่วอวี้จิงตายแล้ว?”

เขามองสำรวจศพที่นอนกองอยู่ในห้อง ก่อนจะพบว่าอดีตศัตรูนอนตายอยู่ข้างผนัง เขาจึงตกใจยิ่งกว่าเดิม!

ปัญหาถูกแก้ไขอย่างสมบูรณ์แบบ!

“ไม่มีอะไรหรอก จัดการเก็บกวาดพวกเขาที”

อวี้ฮ่าวหรานไม่สนใจ พวกนั้นก็แค่ริ้นไรที่ตายไปแล้ว ไม่มีอะไรน่าประหลาดใจสักหน่อย

“อ้อ…อีกอย่างหนึ่ง ฉันตกปากรับคำแล้วว่าจะไว้ชีวิตเขา”

ขณะที่กำลังจะเดินออกจากห้องโถง จู่ ๆ เขาก็ชี้ชายชราเสียสติ

“หือ? นี่…”

โจวเฟยหู่หันมองชายชราที่นอนอยู่บนพื้นอย่างรวดเร็ว คนผู้นั้นกำลังเหม่อลอยในขณะที่ผมสีเงินกระเซอะกระเซิง

เขารู้สึกคุ้นเคยกับคนคนนั้นอย่างมาก แต่คิดไม่ออกว่าเขาเป็นใคร

“เขาคือ…”

“เขาคือกงซุนซา ฉันทำลายพลังเขาไปแล้วน่ะ นายช่วยพาไปเซ็นเอกสารแล้วไปส่งเขาที่นอกเมืองฮ่วยอันด้วย”

อวี้ฮ่าวหรานรู้ว่ากงซุนซารับไม่ได้ที่ถูกทำลายพลัง ตอนนี้อีกฝ่ายจึงยังรวบรวมสติไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงอธิบายอย่างรวบรัด

“อะไรนะ?”

เมื่อได้ยินอย่างนั้น ดวงตาของโจวเฟยหู่ก็เบิกกว้างจนเกือบถลนออกมา ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ

“พี่อวี้…พี่เพิ่งบอกว่าเขาคือกงซุนซางั้นเหรอ?”

เขามองชายชราที่นอนนิ่งอยู่บนพื้นด้วยความประหลาดใจ เขาไม่อยากเชื่อว่านี่คือกงซุนซาผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในสามแก๊ง ซึ่งไม่เคยมีใครสามารถโค่นล้มเขาได้!

ผู้ที่ดูแลความสงบของเมืองฮ่วยอัน ผู้คนต่างยำเกรงและยอมก้มหัวให้ ตอนนี้กลายเป็นชายชราสติฟั่นเฟือนไปซะแล้ว

“ผม…ผมเข้าใจแล้ว”

ขณะเดียวกัน โจวเฟยหู่รู้สึกหวาดหวั่นชายหนุ่มตรงหน้ามากกว่าเดิมเล็กน้อย

“อีกอย่าง กงซุนซารับปากว่าจะยุบแก๊งฉลามคลั่ง ตอนนี้พวกลูกน้องจะไม่เชื่อฟังเขาอีกต่อไปแล้ว พวกเขาต้องลุกขึ้นสู้และต่อต้านแน่นอน”

อวี้ฮ่าวหรานแจ้งข่าวเกี่ยวกับแก๊งฉลามคลั่ง

“พี่อวี้หมายความว่ายังไง?”

“จัดการพวกมันแล้วรวมคนเข้ากับแก๊งของเรา! นายจะเป็นหัวหน้าของทั้งวาฬยักษ์และฉลามคลั่ง”

“หือ? ถ้าอย่างนั้น…”

โจวเฟยหู่มีสีหน้าไม่เชื่อ

“อย่าชักช้า ฉันแค่อยากรวมแก๊งใต้ดินในเมืองฮ่วยอันเข้าด้วยกัน” อวี้ฮ่าวหรานพูดอย่างตรงไปตรงมา

ตอนนี้เขาต้องการหลักประกันว่าครอบครัวจะปลอดภัย ดังนั้นจึงปล่อยแก๊งใต้ดินหลงเหลืออยู่ไม่ได้อีกต่อไป

หลังจากโจวเฟยหู่จัดการตามที่สั่งจนแล้วเสร็จ เขาจึงเดินทางกลับด้วยความสุข

วันนี้โชคเข้าข้างเขาจริง ๆ!

ขณะเดียวกันภายในคฤหาสน์ตระกูลเฉิง กว่าจะทำความสะอาดเสร็จก็เป็นเวลาบ่ายสองโมง

เฉิงชิวอวี้มองไปรอบ ๆ ห้องนั่งเล่นที่เพิ่งถูกเก็บกวาดแล้วก็อดถอนหายใจไม่ได้

สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้น่าประหลาดใจมาก ๆ กลุ่มคนที่บุกรุกเข้ามาดูเหมือนจะเป็นคนมีอิทธิพล ในตอนแรกเธอจึงรู้สึกสิ้นหวัง

แต่ไม่คิดว่าอวี้ฮ่าวหรานจะจัดการอีกฝ่ายทันทีที่มาถึง!

ตอนนี้เธอจึงสงสัยในความแข็งแกร่งของเขาไม่น้อย

“ฮ่าวหราน บอกฉันหน่อยสิว่าคุณมีพละกำลังเหนือกว่าคนทั่วไปใช่ไหม…คือฉันสงสัยน่ะ”

ขณะพูดอยู่นั้น เธอก็ขยับร่างกายเข้าไปชิดอีกฝ่าย ทำให้อวี้ฮ่าวหรานทำตัวไม่ถูก

“คุณไม่ต้องเข้าใจเรื่องแบบนี้หรอกครับ ผมจะจัดการทุกอย่างเอง”

ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากพูดถึงมัน แต่บางครั้งการรู้มากไปก็อาจจะนำอันตรายมาให้เธอได้

“โอเค ๆ ตอนเย็นอย่าลืมมารับฉันไปดูหนังนะคะ”

เฉิงชิวอวี้ไม่ได้ซักถามเพิ่มเติม เพราะเธอรู้นิสัยอีกฝ่ายดี

“ครับ ผมขอตัวไปรับถวนถวนที่บริษัทก่อน”

อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้า

“หืม? คุณพาถวนถวนไปด้วยเหรอคะ”

เฉิงชิงอวี้ตกใจเมื่อได้ยินแบบนั้น เธอหวังจะใช้โอกาสนี้อยู่ตามลำพังกับอีกฝ่าย แต่เขากลับพาลูกสาวติดสอยห้อยตามไปด้วย…

“พาถวนถวนไปด้วยก็ได้ค่ะ”

เธอรู้ว่าอีกฝ่ายรักลูกสาวอย่างมาก เธอจึงยอมให้แค่ตอนนี้เท่านั้น

ตอนนี้มือของเธอไม่ยอมทำตามคำสั่ง เธอยื่นมือออกไปจับแขนของเขา ก่อนพิงศีรษะเข้ากับแผ่นอกแกร่ง