บทที่ 389 ออกเดต

บทที่ 389 ออกเดต

“ฉันกลัวมากเลยค่ะ คุณช่วยปลอบฉันหน่อยได้ไหม”

เฉิงชิวอวี้ขยับร่างกายเข้าไปใกล้อีกฝ่ายมากขึ้น

เฉิงชิวอวี้รู้สึกว่าภูเขาแฝดขนาดใหญ่สองลูกของอีกฝ่ายแนบชิดกับแขนของเขาจนไม่มีช่องว่าง จากนั้นถูไถขึ้นลงเบา ๆ สัมผัสที่อ่อนนุ่มทำให้ร่างกายของเขารุ่มร้อนตามสัญชาตญาณ

สวยมาก!

มันคือคำเดียวที่สามารถอธิบายหญิงสาวคนนี้ได้ เพียงแค่สัมผัส สาวสวยคนนี้ก็สามารถทำให้ชายหนุ่มคลุ้มคลั่งได้ทันที

แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าอวี้ฮ่าวหราน แม่สาวคนนี้ก็ไม่รู้ว่าการรักนวลสงวนตัวเป็นยังไง

พอเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ตอบสนอง เฉิงชิวอวี้ก็ยิ่งใช้มารยาหญิง เธอวางนิ้วขาวเรียวยาวลงบนหน้าอกของอีกฝ่าย

เธอลูบไล้นิ้วไปมาอย่างแผ่วเบา แถมยังกระซิบข้างหูของเขาอีกสองสามคำ

“คุณรู้ไหมคะ ฉันถูกช่วยเหลือมานับครั้งไม่ถ้วน แต่ฉันไม่เคยเจอคนแบบคุณเลย ถ้า…ถ้าคุณยินดีจะแต่งงานกับฉัน…”

“แค่ก ๆ”

อวี้ฮ่าวหรานสำลักทันทีที่ได้ยิน

ปลายนิ้วที่สัมผัสกับหน้าอกทำให้ร่างกายของเขาเร่าร้อนยิ่งกว่าเดิม!

แม้ว่าเธอจะอยู่เฉย ๆ แต่ก็มีเสน่ห์ดึงดูดพวกผู้ชายอย่างมหาศาลจนน่าเหลือเชื่อ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความเย้ายวนในเวลานี้

เธอกำลังเล่นอยู่กับไฟ!

ถ้าเธอยังไม่หยุด เขากลัวว่าจะควบคุมตนเองไม่ได้แล้วปล่อยใจไปกับสาวสวยที่อยู่ตรงหน้า!

“แค่ก ๆ…ผมขอตัวกลับก่อนแล้วตอนเย็นจะโทรมานะครับ”

เมื่อรู้สึกว่ากำลังจะถูกตัณหาเข้าครอบงำ เขาก็รีบผละออกจากอีกฝ่ายทันที

จากนั้นสาวเท้าออกจากคฤหาสน์ตระกูลเฉิงให้เร็วที่สุด

ไม่นานเสียงเครื่องยนต์ของรถสปอร์ตสุดหรูก็ดังขึ้น ก่อนที่อวี้ฮ่าวหรานจะขับมันออกไปอย่างรวดเร็ว

เฉิงชิวอวี้ยืนอยู่ข้างหน้าต่าง และมองอีกฝ่ายเดินจากไปอย่างไม่สบอารมณ์ แววตาของเธอเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง

“ผู้หญิงคนนี้เป็นสัตว์ร้ายชัด ๆ”

ทุกครั้งที่เธอเผชิญหน้ากับชายหนุ่มคนนี้ เธอมักจะสูญเสียความมั่นใจในรูปลักษณ์และรูปร่างเสมอ

“จริงสิ… โธ่เอ๊ย… เมื่อไรเขาจะตกหลุมรักฉันสักที?”

ในช่วงบ่าย โจวเฟยหู่พาตัวกงซุนซาไปที่เครือฮ่าวหราน จากนั้นทั้งสองฝ่ายจึงลงนามในข้อตกลงการโอนกิจการบริษัทหลายแห่ง

“แค่นี้แหละ อย่าลืมส่งเขาออกนอกเมืองฮ่วยอันด้วยล่ะ”

อวี้ฮ่าวหรานมองหนังสือสัญญาที่วางตรงหน้าก่อนพยักหน้าเล็กน้อย

แม้ว่าบริษัทเหล่านี้จะมีขนาดเล็ก แต่การรวมบริษัทจะช่วยให้เครือฮ่าวหรานแข็งแกร่ง แถมยังสามารถยกระดับความยิ่งใหญ่ได้ด้วย

“จะปล่อยเขาไปจริง ๆ เหรอครับ?”

โจวเฟยหู่มองชายชราที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ด้วยความกังวลเล็กน้อย การวางแผนของชายคนนี้ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย

“ฉันเป็นคนรักษาสัญญา ปล่อยเขาไปซะ”

อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้าอย่างไม่สนใจ

เขาก็แค่คนธรรมดาที่ถูกสลายพลัง ถ้ากงซุนซายังอยากเล่นตุกติกกับเขา ก็นับว่าโง่เต็มที

ไม่นานโจวเฟยหู่ก็พยักหน้าแล้วขอตัวกลับ จากนั้นเริ่มทำตามคำสั่งของอวี้ฮ่าวหราน

ขั้นตอนต่อไปก็ง่ายดายอย่างมาก แก๊งฉลามคลั่งล่มสลายแล้ว การตายของเหล่าปรมาจารย์ทำให้ภายในแก๊งเกิดความวุ่นวายไม่น้อย

การตายของหลิ่วอวี้จิงทำให้วาฬยักษ์ยกเลิกการเป็นพันธมิตรกับฉลามคลั่ง ทั้งสองฝ่ายจึงตั้งตัวเป็นศัตรูกันอีกครั้ง

ทั้งหมดนี้ไม่ใช่สิ่งที่กงซุนซาสามารถจัดการได้ในประโยคเดียว เพราะทุกคนต่างก็มีความคิดเป็นของตัวเอง

ในตอนนี้พยัคฆ์เวหากำลังซุ่มรอให้สองแก๊งที่เหลือฟาดฟันกันเอง จากนั้นเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมก็จะเข้าทำลายฝ่ายตรงข้ามและรวมแก๊งทั้งสองเข้าเป็นหนึ่งเดียวกับตัวเอง!

ถึงอย่างนั้นอวี้ฮ่าวหรานขี้เกียจเกินกว่าจะสนใจเรื่องนี้

ตอนนี้เขากำลังเดินตรงไปยังห้องซ้อมเปียโนของบริษัท หลังจากที่ถวนถวนเล่นสนุกจนเบื่อแล้ว เธอมักจะกลับมาที่ห้องนี้เพื่อฝึกซ้อมเปียโนอีกครั้ง

เด็กน้อยชื่นชอบการเล่นเปียโนมาก อวี้ฮ่าวหรานแง้มประตูแล้วมองดูลูกสาวเล่นเปียโนอย่างเงียบ ๆ

ตอนนี้เขารู้ดีแก่ใจ

เขาไม่คิดว่าหลี่หรงจะผลักดันให้หลานสาวเรียนเปียโน เธอมองคนขาดจริง ๆ

อวี้ฮ่าวหรานเปิดประตูห้องซ้อมเปียโนเบา ๆ และเดินไปนั่งเก้าอี้ที่อยู่ด้านข้างแล้วมองดูลูกสาวเล่นเปียโน

ท่วงทำนองไพเราะรื่นหู ถ้าไม่ได้เห็นกับตาตัวเอง เขาคงไม่เชื่อว่าเด็กหญิงตัวน้อยเป็นคนบรรเลงเพลงนี้

พอเพลงจบลง เขาก็อดออกปากชมไม่ได้

“ถวนถวนเก่งมาก! พ่อยกนิ้วให้เลย!”

“ฮี่ฮี่ อาจารย์หลิวเป็นคนสอนเพลงนี้ให้หนูค่ะ อาจารย์หลิวใจดีที่สุดเลย!”

พอเด็กน้อยเห็นว่าพ่อมาดูตัวเองซ้อมเปียโน เธอจึงยิ้มแก้มปริ

“หืม งั้นพ่อต้องไปขอบคุณอาจารย์หลิวแล้วล่ะ”

เมื่อได้ยินอย่างนั้น อวี้ฮ่าวหรานก็จำหลิวว่านฉิงที่ดูเหมือนนักศึกษาได้

ความจริงแล้วที่ถวนถวนประสบความสำเร็จในการเล่นเปียโนนั้นต้องยกความดีความชอบให้กับอีกฝ่าย

เขาไม่มีเวลาแม้แต่จะขอบคุณหญิงสาวคนนั้นเลย

“ถวนถวน พรุ่งนี้พ่อพาหนูไปขอบคุณอาจารย์หลิวที่บ้านดีไหม?”

หลังจากคิดดูแล้ว อวี้ฮ่าวหรานจะเมินเฉยเรื่องนี้ไม่ได้

“โอเคค่ะ! ถวนถวนชอบอาจารย์หลิวมาก ๆ เหมือนกัน”

เด็กหญิงตัวน้อยหนักหน้าหงึกหงัก เห็นได้ชัดว่าหลิวว่านฉิงใจดีและดูแลเอาใจใส่เธออย่างดี

“อืม เอาไว้พรุ่งนี้เราไปด้วยกัน”

อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้า ขณะคิดไม่ตกว่าจะขอบคุณอีกฝ่ายอย่างไรดี

เวลาช่วงบ่ายผ่านไปอย่างรวดเร็ว

เมื่อใกล้ถึงเวลาห้าโมงเย็น อวี้ฮ่าวหรานก็พาถวนถวนไปที่คฤหาสน์ของเฉิงชิวอวี้

ก่อนหน้านี้เขาโทรบอกหลี่หรงแล้วว่าพวกเขาจะกลับบ้านดึก ในเวลานี้รอบ ๆ คฤหาสน์ตระกูลเฉิงก็เต็มไปด้วยการ์ดชุดดำมากมาย

เมื่อเฉิงกัวอันรู้เรื่องราวทุกอย่าง เขาก็รีบกลับบ้านทันที

จากนั้นสั่งให้บอดี้การ์ดนับยี่สิบคนคอยเฝ้าระวังรอบ ๆ คฤหาสน์

“ฮ่า ๆ ฮ่าวหราน! ครั้งนี้ฉันต้องขอบคุณนายที่ปกป้องลูกสาวฉันไว้อีกครั้ง! ฉันจะไม่ลืมบุญคุณครั้งนี้เด็ดขาด!”

เมื่อก้าวเท้าเข้าไปในคฤหาสน์ เฉิงกัวอันก็ทักทายเขาทันที

“ครั้งนี้เป็นความผิดของผม ผมต้องเป็นคนขอโทษคุณมากกว่าครับ”

อวี้ฮ่าวหรานโบกมือปฏิเสธทันทีที่ได้ยิน

เฉิงกัวอันไม่เห็นด้วย

“โธ่! ฮ่าวหราน คุณจะพูดแบบนี้ไม่ได้ ตั้งแต่เราสองคนรู้จักกัน คุณก็เป็นคนช่วยเหลือพวกเรามาตลอด ดังนั้นผมไม่สนหรอกว่าคุณจะเป็นต้นเหตุเรื่องนี้หรือไม่”

“ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ พวกเราสองพ่อลูกคงตายไปนานแล้ว”

ตั้งแต่องค์กรอสรพิษรู้ที่ซ่อนของพวกเขา อีกฝ่ายก็ปกป้องเขาและลูกสาวหลายต่อหลายครั้ง เขาจึงเก็บความซาบซึ้งเหล่านั้นไว้ในใจเสมอ

“ฮ่าวหราน…มาถึงแล้วเหรอคะ”

ตอนนั้นเองที่เฉิงชิวอวี้เดินออกมาจากห้องนอน ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายตั้งใจแต่งตัวสวยเป็นพิเศษ พวงแก้มแต้มสีแดงระเรื่อ ริมฝีปากสีแดงสดมีเสน่ห์และเย้ายวนอย่างมาก ชุดกี่เพ้าตัวเล็กขับเน้นส่วนเว้าโค้งของร่างกายให้ชัดเจนกว่าเดิม และทุกครั้งที่เคลื่อนไหว รอบ ๆ ตัวเธอจะปรากฏแรงดึงดูดบางอย่างที่ทำให้ละสายตาไม่ได้

ร่างกายของอวี้ฮ่าวหรานตอบสนองทันที แม้แต่โลกเทวะยังหาสิ่งมีชีวิตที่งดงามขนาดนี้ได้ยาก

“ฮ่าวหราน เป็นอะไรไปเหรอคะ?”

เฉิงชิวอวี้ดีใจจนเนื้อเต้น ในที่สุดอีกฝ่ายก็ตกตะลึงในความงามของตัวเอง เธอจึงอดเลิกคิ้วด้วยความภูมิใจไม่ได้