บทที่ 139 พวกเขารู้สึกว่าแกแข็งแกร่งเกินไปไม่อยากเล่นกับแกแล้ว

เมื่อผมโดนระบบครองร่าง

บทที่ 139 พวกเขารู้สึกว่าแกแข็งแกร่งเกินไปไม่อยากเล่นกับแกแล้ว
หลายวันต่อมา ภายในห้องใต้ดินแห่งหนึ่ง ห้องธรรมดาเรียบง่ายไม่มีการตกแต่งหรูหราอลังการ มีเพียงโต๊ะและเก้าอี้อย่างละตัวและชั้นหนังสือที่วางเรียงเป็นแถวติดกับผนัง ด้านบนมีกองหนังสือประเภทต่างๆ วางซ้อนทับกัน

ที่นี่ก็คือห้องหนังสือของไป๋ซื่อซิน ตอนนี้นอกจากผู้เฒ่าไป๋ที่เอามือไพล่หลังแล้ว ด้านหลังของเขายังมีคนหนุ่มอีกคนยืนอยู่

บรรยากาศภายในห้องอึมครึมมาก ทั้งสามต่างเงียบกริบ

สีหน้าผู้เฒ่าไป๋เคร่งขรึม ขณะที่ไป๋ซื่อซินมีสีหน้าซับซ้อนก็มีเพียงชายหนุ่มคนนั้นที่ลูกตากลิ้งไปกลิ้งมา แววตานั้นฉายความมีไหวพริบ

ผ่านไปเนิ่นนาน ผู้เฒ่าไป๋จึงค่อยเอ่ยขึ้น “เมื่อครู่มีคนเพิ่งส่งข่าวมา อัศวิน A เพิ่งเข้าร่วมการแข่งขันอันดับมืด ในสนามแรกหนานคุนมารเต่าที่มีการป้องกันแข็งแกร่งถูกบดขยี้ วิญญาณของเขาหายไป แอนเดอร์สันยังทำไม่ได้ขนาดนี้… ซื่อซิน เจ้าคิดเห็นยังไง”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ไป๋ซื่อซินก็ปิดปากของเขาแล้วกระแอมไอออกมาเล็กน้อย แต่ผู้เฒ่าไป๋ไม่ได้ปลอบเขาเหมือนเคย

ในที่สุดเขาก็สงบลงแล้สพูดออกมาอย่างลำบาก “ผมเพิ่งดูคลิปการแข่งขันที่พวกเขาส่งมา หลังจากพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหนานคุนระเบิดตัวเอง แต่เขาถูกปราณกระบี่แข็งแกร่งของอัศวิน A บีบให้ระเบิดตัวเอง หรือเขาตั้งใจระเบิดตัวเองเพื่อฉวยโอกาสฆ่าอัศวิน A เรื่องนี้ยากจะฟันธง”

ผู้เฒ่าไป๋ฟังแล้วก็ไม่พอใจ “เจ้ามองเรื่องพวกนี้ออกแค่นี้เหรอ”

ไป๋ซื่อซินก้มศีรษะเล็กน้อย “การต่อสู้พลังจิตระหว่างอัศวิน A แอนเดอร์สัน นอกจากเขาจะไม่เจ็บสาหัสแล้ว ทักษะก็ก้าวหน้าขึ้นมาก การตัดสินของศิษย์ก่อนหน้านี้ผิดพลาดอย่างสิ้นเชิง”

ผู้เฒ่าไป๋ “ความผิดพลาดของเจ้าไม่ได้มีแค่นี้ พูดต่อไป…”

เสียงเขาเฉียบขาดขึ้น

น้ำเสียงไป๋ซื่อซินแผ่วเบากว่าเดิม “ศิษย์คาดว่าอัศวิน A น่าจะมีวิชาที่เพิ่มพละกำลังบางประเภทหลังต่อสู้ครั้งใหญ่ เหมือนพวกผู้แข็งแกร่งที่ฝึกฝนกลิ่นอายสังหารและกลิ่นอายมรณะ ยิ่งสู้ยิ่งแข็งแกร่ง ทุกครั้งหลังต่อสู้ครั้งใหญ่ พลังจึงกระโดดพรวดพราดไปสู้อีกขั้น”

น้ำเสียงของผู้เฒ่าไป๋จึงค่อยอ่อนลง “เจ้ามองจุดนี้ออก เพราะฉะนั้นวันนี้จะยังไม่ถูกปลดตำแหน่งที่ปรึกษาทางทหารอันดับหนึ่งของตระกูล การตัดสินใจผิดพลาดของเจ้าส่งผลหนักมาก แทบจะทำให้อาจารย์เสียความมั่นใจในตัวเจ้าแล้ว ตอนนี้เจ้าลองบอกหน่อยสิว่า ต่อไปควรจะรับมือกับอัศวิน A อย่างไร”

ตอนที่ไป๋ซื่อซินดูคลิปอัศวิน A บดขยี้หนานคุนก็ครุ่นคิดปัญหานี้แล้ว จึงมีคำตอบแล้วในใจ

พอได้ยินท่านอาจารย์ตั้งคำถามนี้เขาก็รีบตอบทันที “ศิษย์แม้ว่าจะเคยตัดสินใจผิดพลาด แต่ความเห็นเรื่องการจัดการเขาไม่ต่างจากครั้งก่อนมากนัก ตรวจสอบความเคลื่อนไหวของเขา ส่วนเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับเราก็ไม่ต้องสนใจ”

ใบหน้าผู้เฒ่าไป๋ฉายแววประหลาดใจ “เอ๊ะ ถ้าเจ้าพูดว่า ‘ยืมมีดฆ่าคน’ ‘ใช้ไม้อ่อนสยบไม้แข็ง’ หรือกระทั่ง ‘เปลี่ยนศัตรูเป็นมิตร’ ฉันจะไม่แปลกใจ นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะยอมรับความพ่ายแพ้ได้โดยไม่หวั่นไหว ไม่ยึดติดกับความเกลียดชังและยังสามารถมองเห็นจุดแข็งจุดอ่อนของทั้งสองฝ่ายได้ ดูเหมือนว่าแม้จะสูญเสียพลังทั้งหมดไป แต่จิตใจก้าวหน้าขึ้นมากทีเดียว”

ไป๋ซื่อซินถึงค่อยโล่งใจ ดูท่าท่านอาจารย์จะพอใจคำตอบของเขา

เขารีบพูดขึ้น “ท่านอาจารย์ชมเกินไปแล้ว อัศวิน A ไปไหนมาไหนคนเดียว พลังแข็งแกร่งสูง เรามีตระกูลเป็นรากฐาน ตอนนี้เอาแต่ยุ่งวุ่นวายกับมันอย่างเดียวจะได้ไม่คุ้มเสีย ทำให้ศัตรูที่แท้จริงได้เปรียบ ดังที่ท่านอาจารย์เน้นย้ำมาหลายครั้ง เราจำเป็นต้องมุ่งเน้นที่การสร้างฐานที่มั่นคง ขอแค่เรามุ่งมั่นพัฒนา รอวันตระกูลรุ่งเรืองขึ้น ต่อไปใช่ว่าเขาจะทำอะไรเราได้ง่ายๆ

“ยิ่งไปกว่านั้นช่วงนี้เราเพิ่งค้นพบว่าโลกนี้มีลักษณะพิเศษ เมื่อความเข้มข้นของปราณกำเนิดถึงขั้นใหม่ พลังต่อสู้ส่วนบุคคลถึงจะทะลุขีดจำกัดได้ ต่อให้เขาจะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ หรือต้องเจอปัญหาคอขวดก็อาจเลื่อนขั้นไม่ได้”

ผู้เฒ่าไป๋ตอบรับ “อืม ต่อไปเรื่องอะไรที่เกี่ยวข้องกับอัศวิน A ไม่เกี่ยวข้องกับเรา เราไม่สนใจมัน เราจะสนใจแต่ตนเอง ตัวเองแข็งแกร่งถึงจะชนะศึกใหญ่ได้ ชนะศึกใหญ่ได้ก็จะใช้อำนาจข่มคนอื่นได้”

ไป๋ซื่อซินรีบพยักหน้าตอบรับ

ผู้เฒ่าไป๋ชี้ไปทางชายหนุ่ม เอ่ย “เขาชื่อเนี่ยยวน เป็นคนฉลาดที่สุดในบรรดาคนรุ่นใหม่ของตระกูลปีศาจหนูยักษ์ที่อาจารย์คัดเลือกมา ตอนนี้ยกให้เจ้า อาจารย์หวังว่าเจ้าจะยึดมั่นจิตใจเพื่อส่วนรวมต่อไป สอนทักษะความเฉลียวฉลาดทั้งหมดให้เขา คนเดียวหัวหาย สองคนเพื่อนตาย ตระกูลของเราต้องมีคนเก่งเกิดขึ้นมากมาย ถึงจะเจริญก้าวหน้าได้อย่างแท้จริง”

ไป๋ซื่อซินได้ฟังก็มองปีศาจหนูยักษ์วัยรุ่น พออีกฝ่ายเห็นเขามองมาก็รีบพยักหน้าเอาใจทันที

เมื่อเห็นอย่างนี้ ไป๋ซื่อซินก็รู้สึกหงุดหงิดโดยไม่มีเหตุผล เขาชื่นชอบคนฉลาด แต่ไม่ชอบคนที่คิดว่าตนเองฉลาด

เขายังคงประสานมือคำนับ “ไม่ต้องห่วงท่านอาจารย์ ซื่อซินจะตั้งใจสอนเขาให้ดี”

ผู้เฒ่าไป๋พยักให้เล็กน้อยแสดงความพอใจ ก่อนจะเดินไพล่หลังออกไป

“ลาท่านอาจารย์ไป๋” ทันทีที่อาจารย์ไป๋ออกไป ปีศาจหนูยักษ์หนุ่มที่ชื่อเนี่ยยวนก็รีบโค้งคำนับ

ไป๋ซื่อซินไม่พูดอะไร เขาเดินไปที่ชั้นหนังสือ หยิบหนังสือออกมาแล้วโยนให้อีกฝ่าย

เนี่ยยวนรีบรับไปก็เห็นชื่อหน้าปกหนังสือ “ตำราพิชัยสงครามซุนวู”

“ท่องจนจำขึ้นใจแล้วค่อยกลับมาหาฉัน” ไป๋ซื่อซินพูดเรียบๆ แล้วโบกมือ อีกฝ่ายก็เข้าใจทันที

เมื่อเหลือเขาเพียงคนเดียวก็ถอนหายใจยาว ก่อนจะเดินไปที่ชั้นหนังสือแล้วหยิบหนังสือ “ตำราพิชัยสงครามซุนวู” ที่เหมือนกันออกมา พลิกไปยังหน้าหน้าหนึ่ง

“รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง ไม่รู้เขาแต่รู้เรา ผลัดกันแพ้ชนะ ไม่รู้ทั้งเขาทั้งเรา ต้องพ่ายแพ้ทุกครั้ง”

เขาไตร่ตรองมันซ้ำไปซ้ำมา แววตาเคร่งขรึมแวบหนึ่งปรากฏขึ้น

มันจะเป็นเรื่องยากตรงไหนถ้าอยากจะติดตามความเคลื่อนไหวของอัศวิน A ผู้แข็งแกร่งที่มีความเคลื่อนไหวตลอดเวลาคนนั้น

ถ้าผิดพลาดล่ะก็ ยากที่จะรับประกันว่าจะเกิดแบบเรื่องเก่าแบบปีศาจแมลงอีก พวกเขาถูกอีกฝ่ายมาปิดกั้นถึงบ้าน คราวที่แล้วถ้าไม่ใช่เพราะมีช่องทางการข่าวพิเศษก็ไม่แน่ว่าจะรอดมาได้ เขาเคยโดนอีกฝ่ายอัดจนพ่ายแพ้ยับเยินมาแล้ว…

…………

ฟางหนิงไม่รู้ว่าตอนนี้ใครบางคนกำลังคิดถึงเขาอยู่ เขากำลังดูการแจ้งเตือนของระบบอย่างมีความสุข ตอนนี้ระบบแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมแล้ว

ระบบแจ้งเตือน ‘ระบบใช้ค่าประสบการณ์จำนวนมากเพื่อเก็บตัวฝึกฝน “การเปลี่ยนร่างมังกร” ถึงระดับสูงจนถึงระดับคอขวดปัจจุบันแล้ว เพิ่มขึ้นไปไม่ได้อีกจนกว่าจะอัปเกรด เอฟเฟกต์ปัจจุบันมีดังนี้

หนึ่ง: ความอิ่มขั้นสูง กินอาหารหนึ่งครั้งเท่ากับพลังงานอาหารรวมที่จำเป็นในการทำกิจกรรมสามเดือน ไม่ต้องกินอาหารอีกสามเดือน

สอง: อานุภาพของศิลปะการต่อสู้ประเภทมังกรทั้งหมดเพิ่มขึ้น ระดับทักษะปัจจุบันเพิ่มขึ้น 300%

สาม: ศิลปะการต่อสู้ประเภทมังกรหลอมรวมอย่างรวดเร็ว ขณะนี้หลอมรวมศิลปะการต่อสู้ประเภทมังกร 20 ชนิดแล้ว เหลืออีก 12 ชนิด การหลอมรวมยังดำเนินต่อไป…

…………

ฟางหนิงกำลังดูการแจ้งเตือนของระบบ จู่ๆ ระบบก็พูดขึ้น

ระบบ “ระบบจะบอกโฮสต์ให้ โฮสต์เฝ้าดูพลังของระบบเพิ่มขึ้นทุกวัน ระบบให้หนังสือเกมไปตั้งนานแล้ว ทำไมถึงไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงพลังของตัวเองบ้างล่ะ”

ฟางหนิงได้ยินแบบนั้นก็ตอบเสียงอ้อมแอ้มกลับไป “ไม่ต้องดูคุณสมบัติของฉันหรอก ฉันเพิ่งจะฝึกฝนแค่ครึ่งปี ต้องเป็นระดับถ้วยแน่นอน…”

ระบบ “เดี๋ยวสิ โฮสต์อาจประเมินตัวเองสูงเกินไปก็ได้ ลองอ่านดูก่อนแล้วค่อยพูด…”

ตอนนี้หนังสือเกมอันล้ำค่าของฟางหนิงลอยอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว เสียงหน้ากระดาษพลิกฟึ่บๆ ไปที่หน้าคุณสมบัติของตัวละคร

ฟางหนิงได้แต่ฝืนดู

“ฟางหนิง เพศชาย งานอดิเรก: เล่นเกม อ่านนิยาย อายุ 29 ปี สถานะ: เจ้าของร้านอาหาร ท่านเทพมังกรขาว ท่านพัศดี โฮสต์ของระบบ”

“แนวโน้มความดีและความชั่ว: เป็นกลางและโน้มเอียงไปทางยุติธรรม”

“การประเมินความแข็งแกร่ง…”

ฟางหนิงอ่านแล้วก็ถอนหายใจโล่งอก “ดูสิ เห็นชัดๆ ว่าในหนังสือใช้เครื่องหมาย “…” นี่มันหมายความว่ายังไงกัน”

ระบบตอบกลับ “บ้าชิบ ไอ้หนังสือนี่ ชัดๆ ระบบให้การประเมินโฮสต์ระดับเม็ดข้าว แต่มันไม่แสดงออกมา…”

ฟางหนิงกอดหนังสือเกมแล้วหัวเราะ “หนังสือเกมสุดที่รักไม่มีทางใส่ร้ายเจ้านายที่มันรักหรอก เอาล่ะ ตอนนี้ขอดูหน่อยเถอะ ระบบจะเจ๋งขนาดไหนกัน…”

ทันทีที่เขาพูดจบ หนังสือเกมในมือก็พลิกฟึ่บไปที่โมดูลสะสมสิ่งมีชีวิต

“ไม่ทราบชื่อและเพศ งานอดิเรกฝึกฝนและจับสัตว์ประหลาด อายุครึ่งขวบ สถานะ: ระบบ”

“แนวโน้มความดีความชั่ว: ทูตแห่งความยุติธรรม”

“การประเมินพลัง: ผู้แข็งแกร่งระดับบ่อน้ำ ขนาดโดยละเอียด: สระว่ายน้ำ ความอดทนสูงมาก การหลบหลีกสูงมาก ความเร็วปานกลางถึงสูง พลังโจมตีแข็งแกร่งมาก การป้องกันปานกลางถึงสูง เทคนิคมากมาย ความสามารถการหลบหนีแข็งแกร่งมากและความสามารถการอยู่รอดสูงมาก…”

ฟางหนิงมองกองคำคุณศัพท์ที่เกือบจะเต็มหน้ากระดาษก็พูดไม่ออก “ฉันรู้สึกว่าแกกำลังโม้อยู่ ไม่ใช่สิ แกไม่ใช่สิ่งมีชีวิตซะหน่อย ทำไมยังแสดงใน ‘โมดูลสิ่งมีชีวิต’ ล่ะ ขี้โกงชัดๆ…”

ระบบ “ถ้าอยากแสดงก็แสดง ถ้าไม่อยากก็ไม่แสดง…”

ระบบเพิ่งจะพูดจบ การประเมินพลังของระบบในหนังสือเกมก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง

“การประเมินพลัง: คนเดียวในทั่วหล้าหมัดเดียวดับดวงดาว เตะทีเดียวแผ่นดินทลาย พ่นลมหายใจเป็นเมฆา…”

ฟางหนิงตกตะลึง จากนั้นก็ตอบกลับ “ฉันเข้าใจแล้ว นี่เป็นเพราะว่าตอนนี้หนังสือเกมที่รักอยู่ในพื้นที่ของระบบ ถ้าประเมินแกที่นี่ แกอยากจะแข็งแกร่งเท่าไหร่ก็ได้”

ระบบกำลังจะพูดอีกครั้ง แต่ฟางหนิงก็เห็นแจ้งเตือนอีเมลใหม่บนคอมพิวเตอร์ เขารีบเปิดดู

ฟางหนิงอ่านจบก็เอ่ยขึ้น “หยุดเรื่องนี้กันก่อนเถอะ เจิ้งต้าวส่งต่ออีเมลเกี่ยวกับการจัดอันดับมืดมาให้”

ระบบ “รีบพูดมาสิ”

ฟางหนิง “ข่าวไม่ค่อยดีนัก คาดว่าเพราะเมื่อกี้แกโม้เกินไป ทำให้เกิดผลต่อเนื่อง แกต้องเตรียมใจให้ดีล่ะ”

ระบบ “โฮสต์คิดว่าระบบจะจิตใจอ่อนแอเหมือนโฮสต์เหรอ”

ฟางหนิงพูดไม่ออก เริ่มเล่าเนื้อหายาวเหยียดในอีเมล “คณะผู้จัดบอกว่าท่านแข็งแกร่งเกินไป แม้แต่หนานคุนที่การป้องกันแข็งแกร่งที่สุดได้รับเลือกเป็นพิเศษ ก็ยังถูกโจมตีเป็นผุยผงในกระบวนท่าเดียว การแข่งขันรอบจัดอันดับ พวกเขาไม่อาจจับคู่ท่านกับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งเทียบเคียงได้อีก

เพื่อความเป็นธรรมและความปลอดภัย ปีนี้พวกเขาจะแต่งตั้งท่านเป็นราชาอันดับมืดชั่วคราว พวกเขาได้ประกาศผลการต่อสู้ของท่านแก่ผู้ท้าชิงระดับอาวุโสคนอื่นแล้ว ให้สิทธิ์ผู้ท้าชิงแต่ละคนที่จะท้าทายราชาคนละครั้ง จะใช้สิทธิ์หรือสมัครใจเลือกก็ได้ โดยต้องรับผิดชอบความเป็นความตายของตัวเอง มีผลบังคับภายในปีนี้

ขณะนี้ยังไม่มีใครใช้สิทธิ์ท้าทายราชา ฉะนั้นข่าวร้ายก็คือก่อนสิ้นปีนี้ คุณไม่อาจไปที่นั่นเพื่อแข่งขันโกยเงินทองได้อีก หากไม่มีใครท้าทาย ท่านจะได้รับมอบรางวัลราชาอันดับมืดปลายปีนี้”

ระบบ “มันเป็นข่าวดีไม่ใช่เหรอ ก็แค่รอให้ถึงสิ้นปีแล้วจะได้เงินก้อนใหญ่”

ฟางหนิงเหนื่อยใจกับระดับไอคิวอันต่ำเตี้ยของระบบมาก “มันเป็นข่าวดีจริงๆ ลองคิดดูสิ เขาบอกว่าพวกเขาไม่สามารถหาคู่ต่อสู้ที่เทียบความแข็งแกร่งกับแกได้ พวกเขาใช้กฎการจัดอันดับ หากไม่มีคู่ต่อสู้ จะจัดการแข่งขันให้แกได้ยังไง จัดการแข่งขันไม่ได้ ปีหน้าจะยังคงส่งจดหมายเชิญหรือเปล่าล่ะ”

ระบบ “โฮสต์พูดให้เข้าใจยากทำไม ของ่ายกว่านี้ได้ไหม”

ฟางหนิง “พูดง่ายๆ ก็คือพวกเขาคิดว่าแกแข็งแกร่งเกินไป ไม่อยากจะให้แกลงสนามอีกแล้ว…”

ระบบ “ไม่ ไม่ ระบบไม่ได้แข็งแกร่งขนาดนั้น ระบบไม่ได้ฆ่าหนานคุน โฮสต์รีบบอกพวกเขาเร็วเข้า…”

ทันทีที่สิ้นเสียงของระบบ ระดับพลังในหนังสือเกมก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง

“การประเมินพลัง: ผู้เล่นระดับอ่างน้ำ ขนาดโดยละเอียด: อ่างอาบน้ำ ความอดทนธรรมดา การหลบหลีกธรรมดา ความเร็วธรรมดา พลังโจมตีทั่วไป พลังป้องกันต่ำ กระบวนท่าใช้ไม่ได้จริง…”

ฟางหนิง “…”

……………………………………………………………….