แต่จ้าวเหวินเทาเป็นใคร มีหรือต้องเป็นกังวลว่าจะไม่มีงานทำ?

ไม่ต้องกังวลอะไรทั้งนั้น และไม่มีอะไรต้องกังวลด้วย เพราะตอนนี้ธุรกิจมีความมั่นคงเป็นอย่างมาก

จนถึงตอนนี้เย่ฉูฉู่ก็ไม่ได้ทำไร่ไถนาสักครั้ง หากจ้าวเหวินเทามีเวลาก็จะไปดูแลทานตะวันและข้าวโพดในไร่เอง แต่ถ้าไม่มีเวลาเขาก็จะจ้างให้ชุยต้าไปทำ

ตอนนี้ชุยต้าชื่นชอบการทำงานให้พี่หกของเขามาก พี่หกไม่ได้ให้เขาทำงานเปล่าๆ เป็นเพราะได้กินไม่เลว ชุยต้าก็เริ่มโตขึ้นแล้วจริง ๆ นับจากปีที่แล้วจนถึงตอนนี้ แม้เขาจะยังผอมกะหร่องอยู่ แต่สีหน้ากลับไม่ได้ดูเหมือนผู้ลี้ภัยแบบตอนนั้นแล้ว

นี่ก็เป็นเพราะได้รับอาหารจากพี่หกของเขาอย่างไรล่ะ

มันทำให้เขาสามารถนำอาหารกลับไปกรอกท้องพร้อมกับน้องชายได้ ไม่เหลือแม้แต่นิดเดียว

การอยู่ในบ้านนาน ๆ ก็เป็นเรื่องน่าเบื่อ เย่ฉูฉู่จึงออกไปเดินเล่นเมื่อไม่มีอะไรทำ บางครั้งก็เดินไปนั่งคุยกับเฮ่อซงจือ

เฮ่อซงจือใกล้คลอดแล้ว นี่ก็เลยวันกำหนดคลอดแล้วด้วย แตยังไร้วี่แวว ถึงตอนนี้หล่อนจึงเกิดความเครียดจนทนไม่ไหวแล้ว

การคลอดลูกภายในชนบทต้องเดินทางเข้าตัวอำเภอซึ่งมีระยะทางที่ไกลเกินไป ดังนั้นจึงไปคลินิกในหมู่บ้านทั้งหมด แต่นั่นก็ต้องเดินทางเป็นระยะหนึ่งด้วย

ตอนนี้เฮ่อซงจือกำลังเป็นกังวลว่าจะไปไม่ถึงแล้วคลอดระหว่างทาง

เย่ฉูฉู่ย่อมปลอบใจหล่อน ถึงอย่างไรท้องแรกก็คงไม่ได้คลอดเร็วขนาดนั้น

แต่ท้องของเธอก็โตแล้วเช่นกัน จึงทำให้เธอมักจะรบกวนคนอื่น ๆ ช่วงหลายวันมานี้ก็เดินอยู่บริเวณใกล้ ๆ ระหว่างนั้นก็หาอะไรทำนิดหน่อยด้วย

ในหมู่บ้านต่อให้ขาดแคลนสิ่งใดก็ไม่ขาดดอกไม้ป่า เย่ฉูฉู่นึกถึงเยียนจือ[1] ที่เธอเคยทำก่อนหน้านี้ เธอจึงหิ้วตะกร้าใบเล็กหนึ่งใบ เด็ดกลีบดอกไม้ขนาดเล็กหลากสีออกมา คิดไว้ว่าจะกลับไปทำเป็นเยียนจืออะไรพวกนั้นสักหน่อย

เหล่าสาว ๆ ภายในหมู่บ้านกำลังยุ่งอยู่กับการดูแลพืชผล เมื่อได้เห็นเธอก็รู้สึกอิจฉากันเป็นแถว ๆ

ดูภรรยาคนเล็กของจ้าวเสี่ยวลิ่วคนนี้สิ ใช้ชีวิตสุขสบายจะตายไป พี่สะใภ้สี่คนนั้นของหล่อนก็ท้องเหมือนกัน แต่ก็ยังไม่เห็นว่าจะได้เดินถือตะกร้าใบเล็กเด็ดดอกไม้เล่นทั้งวันเลย

อย่าว่าแต่เธอ คนอื่น ๆ ที่ตั้งท้องก็เป็นเหมือนกัน ตอนนี้เป็นช่วงที่กำลังยุ่งพอดี จะมีเวลาว่างขนาดนี้ได้อย่างไรกัน?

ก่อนหน้านี้มีคนจำนวนไม่น้อยพูดว่าลูกสาวของตระกูลเย่มีชะตาชีวิตที่ลำบากจริง ๆ แต่งงานกับจ้าวเหวินเทาคนไม่เอาถ่านแบบนี้ ทั้งยังบอกว่าคุณแม่เย่สายตาไม่ดีทำให้มองพลาดทั้งชีวิต

ใครจะไปคิดว่าสิ่งที่อีกฝ่ายมองเป็นสายตาแหลมคมอย่างแท้จริงต่างหากล่ะ ดูชีวิตของลูกสาวนางในตอนนี้สิ ใครจะสู้เธอได้?

“ฉูฉู่ ออกมาเด็ดดอกไม้อีกแล้วเหรอ?” สะใภ้สาวคนหนึ่งเอ่ยถาม

เย่ฉูฉู่เงยหน้าขึ้นก็พบสะใภ้จ้วงที่อยู่ถนนด้านหลัง เธอจึงกล่าวทักทายเช่นกัน “อื้อ ออกมาเดินเล่นน่ะ”

“ฉันว่านะฉูฉู่ ชีวิตของเธอไม่เลวเลย ตั้งท้องแล้วก็ไม่ต้องลงไปทำนา นึกถึงตอนนั้นของพวกเรา จะคลอดอยู่แล้ว แต่ก็ยังต้องทำงานอยู่เลย!” สะใภ้จ้วงกล่าว น้ำเสียงของหล่อนแฝงด้วยความอิจฉา

เกิดเป็นคนเหมือนกันแต่ชะตาชีวิตช่างไม่เหมือนกันจริง ๆ ก่อนหน้านี้ทุกคนต่างก็อดไม่ได้ที่จะเห็นใจเย่ฉูฉู่ แต่ตอนนี้มีแค่คนอิจฉาตาร้อนแล้ว

ตอนนี้ลมที่อยู่ด้านนอกได้เปลี่ยนทิศแล้ว ต่างก็พูดว่าถ้าถามว่าชีวิตใครดี ก็ต้องเป็นชีวิตของภรรยาเหวินเทานี่แหละ

เย่ฉูฉู่จะฟังไม่ออกได้อย่างไร ชีวิตช่วงนี้เป็นแบบนี้ ก็ยังมีสายตาที่ว่า ‘เป็นผู้หญิงเหมือนกันแต่ทำไมชีวิตของฉันถึงได้แย่กว่าเธอมากขนาดนี้?’ ได้ยินมากและก็เห็นมามากเช่นกัน

ดังนั้นเย่ฉูฉู่จึงพูดด้วยท่าทางนิ่งสงบเป็นอย่างมาก “สะใภ้จ้วง คำพูดนี้ของเธอไม่ควรพูดกับฉันนะ ควรไปพูดกับพี่ใหญ่จ้วงสิ ถามเขาดูว่าทำไมถึงให้เธอใช้ชีวิตลำบากแบบนั้น มีลูกแล้วก็ยังเรียกให้เธอมาทำงานอีก ถ้าเขาไม่อธิบายอะไรกับเธอ เธอก็อย่าไปทำกับข้าวให้เขา เธอดูอย่างเหวินเทาของฉันสิ เขาไม่ให้ฉันทำอะไรสักอย่างเลย นี่ต่างหากล่ะที่สิ่งที่สามีรักภรรยาควรมี”

สะใภ้จ้วงบุ้ยปาก “จะไปมีชีวิตแบบเธออย่างนั้นได้ยังไงกัน?”

เย่ฉูฉู่กล่าว “คำพูดนี้จะว่าไปก็ใช่นะ ชีวิตของฉันก็ไม่ใช่ชีวิตที่คนทั่วไปจะมี ไม่งั้นฉันคงไม่แต่งกับเหวินเทาหรอก”

สำหรับการกระทำของสะใภ้จ้วงคนนี้ ทำให้เย่ฉูฉู่ไม่มีความเกรงใจจริง ๆ

ก่อนหน้านี้หล่อนพูดจาให้ร้ายเหวินเทาของเธออย่างกระตือรือร้นมากที่สุด ทั้งยังแสร้งทำเป็นเข้ามาเห็นอกเห็นใจเย่ฉูฉู่ไปไม่น้อย เพราะอยากให้เธอเล่าเรื่องให้ฟังจะได้นำไปบอกคนอื่น ๆ ในช่วงเวลาพักผ่อน

แต่เย่ฉูฉู่ไม่ได้ต้องการความเห็นอกเห็นใจจากคนอื่นมาตั้งแต่แรก ชีวิตของเธอดีมากแล้ว ยังต้องการความเห็นอกเห็นใจจากใครอีก?

อีกอย่างถึงจะดูเหมือนเห็นใจ แต่แท้จริงแล้วเห็นเป็นเรื่องตลกต่างหากล่ะ

“เอาล่ะ เธอไปเก็บดอกไม้เถอะ ฉันไปทำงานแล้ว” สะใภ้จ้วงถูกทำให้รู้สึกเกลียดจนชะงักไป แต่เมื่อมองมาที่เย่ฉูฉู่ ก็พบว่าเย่ฉูฉู่มองมาด้วยท่าทางนิ่งสงบ หล่อนจึงไม่ได้พูดอะไรอีก ตอบรับแค่หนึ่งประโยคก็เดินไปแล้ว

เย่ฉูฉู่จึงเก็บดอกไม้ต่อ

สำหรับสะใภ้จ้วงคนนี้เธอไม่ได้เก็บมาใส่ใจ ภายใต้สถานการณ์โดยทั่วไป เย่ฉูฉู่ไม่ใช่คนที่จะสร้างความเกลียดชังให้คนอื่น แต่เมื่อเจอกันแล้วเธอก็เอ่ยวาจาอย่างไม่ปรานีก่อนเช่นกัน

คนที่เป็นแบบสะใภ้จ้วงมีอยู่ภายในหมู่บ้านเยอะมาก แต่ส่วนมากต่างก็นินทาลับหลังกันทั้งนั้น เธอจึงไม่ได้ใส่ใจ และไม่ได้ส่งผลกระทบต่ออารมณ์ของเธอด้วย แต่ถ้ามาอิจฉากันต่อหน้า เช่นนั้นเธอก็จะไม่เกรงใจเหมือนกัน

สะใภ้จ้วงเดินมาที่ในไร่ก็เจอภรรยาของเหล่าหวังสาม

พวกหล่อนทั้งสองคนเป็นเพื่อนรักกัน สะใภ้จ้วงจึงบุ้ยปากพูดถึงเรื่องของเย่ฉูฉู่

ภรรยาเหล่าหวังสามได้ยินว่าอีกฝ่ายพูดให้เกิดความเกลียดชัง จึงหัวเราะออกมาทันใด “เธอคิดว่ายัยนั่นมีท่าทางอ่อนแอแบบนั้นแล้วจะรังแกได้ง่าย ๆ เหรอ? เธอคงไม่รู้ว่ายัยนั่นปากคอเราะรายขนาดไหน สะใภ้สี่จ้าวเองก็เป็นพี่สะใภ้ของตัวเองแท้ ๆ ตอนที่ฉลองเทศกาลไหว้บ๊ะจ่างฉันอยู่ด้านนอกห้องก็แอบได้ยินมาเหมือนกัน คิดจะยั่วโมโหเลยแหละ เธอคงไม่รู้ ถูกยัยนั่นทำให้เกลียดจนเกือบกินข้าวไม่ลงเลย”

วันนั้นภรรยาเหล่าหวังสามแอบฟังอยู่ข้างนอกประตู แต่หลังจากพี่สาวใหญ่จ้าวมา เธอก็ยิ้มแล้วเดินออกมา ไม่ได้ฟังต่อจากนั้น

แต่หล่อนก็พอจะเข้าใจเย่ฉูฉู่ ท่าทางของเธอดูเหมือนว่าจะพูดจาดีมาก แต่ก็ไม่ใช่คนที่จะรับมือได้ง่าย ๆ อย่างแน่นอน

ไม่เห็นเจ้าหกจ้าวที่ประคบประหงมภรรยาของเขาเหรอ ไม่มีใครต้านความเจริญรุ่งเรืองที่เพิ่มขึ้นทุกวันของเจ้าหกจ้าวได้เลยแม้แต่น้อย

“ฉันก็พูดไปสองประโยคว่าชีวิตของเธอดี แต่เธอกลับพูดว่า ‘คำพูดนี้จะว่าไปก็ใช่นะ ชีวิตของฉันก็ไม่ใช่ชีวิตที่คนทั่วไปจะมี’” สะใภ้จ้วงกล่าวหล่อนบีบเสียง ทำเลียนแบบน้ำเสียงอ่อนโยนของเย่ฉูฉู่

ภรรยาเหล่าหวังสามถึงกับมีความสุข

สะใภ้รองจ้าวเองก็กำลังมาพักพอดี ที่ดินของหล่อนอยู่ค่อนข้างใกล้กับสองบ้านนี้ จึงกล่าวว่า “พวกเธอคุยอะไรกันอยู่เหรอ?”

“ยังจะพูดอะไรอีกล่ะ ก็พูดถึงน้องสะใภ้คนนั้นของเธอไง อาสะใภ้หกของเถี่ยต้านน่ะ” ภรรยาเหล่าหวังสามพูดด้วยรอยยิ้ม

พี่สะใภ้รองจ้าวกล่าว “น้องสะใภ้หกทำไมเหรอ?”

“ก็ไม่ทำไมหรอก สะใภ้จ้วงไปแสดงความอิจฉาต่อหน้ายัยนั่นน่ะสิ เลยถูกสวนกลับมาจนโกรธไปเลย” ภรรยาเหล่าหวังสามพูดติดตลก

พี่สะใภ้รองจ้าวหันมองสะใภ้จ้วง “เธอไปอิจฉาอะไรน้องสะใภ้หกเหรอ?”

“ฉันก็แค่พูดว่าเธอแต่งงานกับเจ้าหกจ้าวแล้วมีชีวิตที่ดี” สะใภ้จ้วงบุ้ยปาก

พี่สะใภ้รองจ้าวแอบมึนงง

ใช่สิ เริ่มตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ เริ่มตั้งแต่ที่ทุกคนต่างก็เห็นอกเห็นใจสะใภ้หกผู้น่าเวทนา จนถึงตอนนี้คนในหมู่บ้านมีใครบ้างที่ไม่ชมคุณแม่เย่ว่าสายตาเฉียบแหลมในการเลือกลูกเขย? ทั้งยังชมว่าชีวิตของน้องสะใภ้หกดีเพราะเลือกแต่งงานถูกคน

“เธอเป็นอะไร? ไม่ใช่ว่าเป็นลมแดดหรอกนะ?” ภรรยาของเหล่าหวังสามกล่าว

พี่สะใภ้รองจ้าวจึงได้สติกลับมา “เปล่า พักผ่อนเสร็จแล้ว ไปทำงานเถอะ” เรื่องเหล่านี้ไม่ต้องไปคิดแล้ว ยิ่งคิดก็ยิ่งหมดหนทางหลุดพ้น

เพียงแต่ไม่อาจทนต่อความอิจฉาได้

ตอนแรกที่หล่อนตั้งครรภ์ก็นับว่ามีชีวิตที่ไม่เลว เทียบกับภรรยาของคนอื่นที่อยู่โดยรอบแล้ว หล่อนถูกจัดว่ามีชีวิตที่ดีทีเดียว

อันที่จริงตอนนั้นที่พี่สะใภ้รองจ้าวตั้งครรภ์ หล่อนก็ไม่เป็นสองรองใครเมื่อเทียบกับภรรยาสาวคนอื่น ๆ ภายในหมู่บ้านเดียวกัน

……………………………………………………………………………………………………………………

[1] เยียนจือ (胭脂) ผงอัดแข็งหรือครีมสีแดงที่ทำขึ้นจากเม็ดสีของดอกคำฝอย นำมาแต้มแก้มและริมฝีปากเพื่อเพิ่มสีสันบนใบหน้า

สารจากผู้แปล

ชีวิตดีก็อย่างนี้แหละ มีเวลาว่างไปทำอย่างอื่นที่อยากทำได้ตามใจชอบ อิจฉากันไปก็ร้อนใจเปล่าๆ เนอะสะใภ้รองเนอะ

ไหหม่า(海馬)