โจวอิ่งเอามือไพล่หลัง เขาเห็นฉินหร่านหายไปในห้องทดลองแรกแล้วพยักหน้า “อาจารย์ด้านวิศวกรรมนิวเคลียร์หลายท่านบอกแล้ว นั่นก็น่าจะไม่ผิด”
การสอบภาคปฏิบัติวันนี้สำคัญมาก
คนที่อยู่ในเหตุการณ์และอาจารย์หลายๆ ท่านไม่มีใครเดินไปไหนแม้แต่คนเดียว
พวกเขาทั้งหมดยืนอยู่นอกประตูห้องโถงชั้นหนึ่งเพื่อรอผลการประเมินของวันนี้
ทุกคนต่างก็รู้ดีว่าการประเมินการทดลองในวันนี้เป็นส่วนที่สำคัญที่สุด
เนื่องจากเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการจัดสรรทรัพยากรประจำปี
ในแต่ละปีจะมีทรัพยากรการทดลอง เงินสนับสนุน อาจารย์ และโควตาอีกมากมาย จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะจัดสรรให้เท่ากันครบทุกสถาบัน
ถ้าต้องการทรัพยากรเพิ่ม คุณก็ต้องทำผลงานให้มากขึ้น นั่นก็คือทำคะแนนออกมา ดึงคนมีความสามารถทั้งหลายออกมา ถ้าทำไม่ได้ การจัดสรรทรัพยากรปีหน้าก็จะน้อยลง
การประเมินห้องปฏิบัติการเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดที่สำคัญมาก
ภาควิชาฟิสิกส์ของมหาวิทยาลัยเมืองหลวงและมหาวิทยาลัยAไม่ได้ต่อสู้กันแค่ปีสองปีเท่านั้น ในช่วงไม่กี่ปีมานี้มีคนของมหาวิทยาลัยAปีนขึ้นสู่ตำแหน่งผู้บริหารของสถาบันวิจัยและได้แบ่งทรัพยากรไปจำนวนมาก มหาวิทยาลัยเมืองหลวงถึงขนาดโดนมหาวิทยาลัยAกดหัวไว้ในช่วงตลอดสองปีที่ผ่านมา
ทรัพยากรที่น้อยลงทุกปีหมายความว่าคนมีความสามารถที่ฝึกฝนในแต่ละปียังสู้มหาวิทยาลัยAไม่ได้
นี่คือวงจรอุบาทว์ที่นานวันก็ยิ่งแย่ลงเรื่อยๆ
โจวซานเจอแชมป์มาแล้วสองคน เขาหวังว่าจะช่วยพลิกสถานการณ์กลับมาได้
การประเมินห้องปฏิบัติการแบ่งการทดลองออกเป็นหกระดับได้แก่ S, A, B, C, D, E โดยเรียงจากบนลงล่างซึ่งมีคะแนนแบ่งออกเป็น 100, 90, 80, 70, 60, 50
คะแนนตั้งแต่ 70 ขึ้นไปถึงจะผ่านเกณฑ์
ผู้เข้าประเมินทั้งหมดของทั้งสองสถาบันดังที่เข้าร่วมการทดลองจะมีการบวกคะแนนเพิ่ม สถาบันที่มีคะแนนรวมสูงสุดจะได้เงินทุนรวมไปถึงวัสดุอุปกรณ์การทดลองมากกว่าสองเท่า
แต่แค่ว่าแต่ละปีมหาวิทยาลัยAมีทรัพยากรที่ดี จำนวนคนที่ประเมินเข้าได้ย่อมมีมากกว่าจนคะแนนตามไม่ทัน
ครั้งนี้ก็เช่นกัน
มีผู้เข้าร่วมการทดลองทั้งหมด 50 คน19 คนมาจากมหาวิทยาลัยเมืองหลวง ส่วนมหาวิทยาลัยA มี 23 คน
ต่างกันถึง 4 คน แม้ว่าอีก 19 คนจะทำคะแนนได้ใกล้เคียงกัน แต่ 4 คนนี้ คนหนึ่งก็ห่างกันถึง 50 คะแนน นั่นก็เท่ากับว่าคะแนนต่างกันทั้งหมด 200 คะแนน ยากเกินไปที่จะอุดช่องโหว่นี้
เนื่องจากเข้าใจถึงความยากนี้ อย่าว่าแต่คณบดีเจียงเลย เพราะแม้แต่โจวอิ่งก็ไม่เคยคิดที่จะอุดช่องโหว่นี้
พวกเขาแค่อยากให้ฉินหร่านเข้าห้องปฏิบัติการ ตราบใดที่เข้าห้องปฏิบัติการได้ ด้วยความสามารถของฉินหร่าน การปีนขึ้นไปเป็นผู้รับชอบกับซ่งลี่ว์ถิงจึงไม่ใช่เรื่องยาก ตราบใดที่ทั้งสองปีนขึ้นไปได้ ก็จะสามารถจัดการกับต้นเหตุปัญหาทรัพยากรของภาควิชาฟิสิกส์มหาวิทยาลัยเมืองหลวงได้
**
ทางด้านนี้
ฉินหร่านสำรวจมองทางเดินต่างๆ ทั้งหมดหกทางที่สอดคล้องกับการทดลองหกระดับ เธอมองไปที่ชื่อการทดลอง มีการทดลองหลายประเภทตั้งแต่วิศวกรรมอัตโนมัติไปจนถึงวิศวกรรมนิวเคลียร์
เมื่อคืนเฉิงเจวี้ยนได้เล่าเรื่องระบบรวมคะแนนการประเมินของมหาวิทยาลัยเมืองหลวงให้เธอฟังแล้ว
นักศึกษาแต่ละคนจะทำการทดลองตามขีดความสามารถของตัวเอง ถึงอย่างไรทุกคนก็อยากผ่านด่านและอยากได้คะแนนดีๆ
เวลาสอบรวมทั้งหมดสี่ชั่วโมง เริ่มตั้งแต่ 8.00 น.จนถึง 12.00 น.
ฉินหร่านคิดอยู่ครู่หนึ่งก็เดินตรงไปยังการทดลองระดับE
เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบการทดลองระดับEนั่งบนเก้าอี้ด้วยอาการง่วงเหงาหาวนอน เขาเคยชินจากที่ผ่านๆ มา มีเพียงไม่กี่คนที่เริ่มต้นที่ห้องทดลองระดับE กลุ่มคนที่ภาคภูมิใจกับพรสวรรค์ของตัวเองต่างก็ไปเริ่มลองกันตั้งแต่ระดับCขึ้นไป ถ้ามั่นใจในตัวเองจริงๆ ก็จะไม่ลดตัวลงมาถึงระดับแรก
มีไม่กี่คนที่ทดลองต่ำกว่าระดับCลงมา เพราะถึงอย่างไรเสียระดับที่ต่ำกว่าระดับCก็จะต้องถูกคัดออก คนกลุ่มนี้ไม่ปล่อยระดับCไปง่ายๆ และไม่ลองระดับที่ต่ำลงมา
“เธอ…” อาจารย์ห้องทดลองมองฉินหร่านอย่างอึ้งๆ “เธอคือราชาหน้าใหม่ของมหาวิทยาลัยเมืองหลวงคนนั้น?”
ไม่ใช่เพราะชื่อเสียงของฉินหร่านแพร่กระจายไปในห้องปฏิบัติการ
เพราะถึงอย่างไรพวกด็อกเตอร์ศาสตราจารย์ส่วนใหญ่ในห้องปฏิบัติการทางฟิสิกส์ต่างก็จดจ่ออยู่กับการทดลอง ยุ่งอยู่กับการซึมซับความรู้ที่เปลี่ยนไปของโลก น้อยคนนักที่จะมาสนใจนักศึกษาใหม่ เว้นแต่ว่านักศึกษาใหม่จะมีความสามารถที่น่าทึ่งเกินไป ทันทีที่เข้าห้องปฏิบัติการก็ทำโปรเจกต์วิจัยใหญ่ๆ แล้ว
เนื่องจากอาจารย์ประจำห้องทดลองระดับEเป็นอาจารย์คนนั้นที่คุมสอบฉินหร่านเมื่อวานพอดี เขาจึงจำฉินหร่านได้ดี
ฉินหร่านดึงผ้าพันคอลง แขวนไว้ที่กรอบประตูอย่างลวกๆ เผยให้เห็นคางที่บอบบาง เธอทักทายอาจารย์อย่างมีมารยาทแล้วพูดว่า “เริ่มได้หรือยังคะ?”
“แน่นอน” อาจารย์ตอบทันที เขาหลีกทางให้เธอเพื่อให้เธอทำการทดลอง “การทดลองระดับEง่ายที่สุด เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง เธอน่าจะไประดับC”
ในสายตาอาจารย์ ฉินหร่านต้องผ่านได้แน่ ดังนั้นเขาจึงสงสัยว่าเธอมาห้องทดลองระดับEทำไม
“เดี๋ยวค่อยไปค่ะ” ฉินหร่านมองไปที่โต๊ะทดลอง น้ำเสียงไม่รีบร้อน
แน่นอนว่าห้องทดลองระดับEง่ายที่สุด แค่เป็นการทดลองการซึมผ่านแม่เหล็กของน้ำและหลักการคำนวณ ปลายนิ้วเรียวที่เย็นเฉียบหยิบอุปกรณ์ทดลองขึ้นมาอย่างเป็นระเบียบแบบแผน เหมือนทำแบบนี้อยู่บ่อยครั้ง
เขาดูเธอทดลองจนเพลิน
อาจารย์ไม่มีเวลามาคิดว่า “เดี๋ยวค่อยไป” ที่ฉินหร่านพูดนั้นหมายความว่าอย่างไร คอยดูเธอทำการทดลองโดยไม่กะพริบตา
ยี่สิบนาทีต่อมา
ฉินหร่านส่งรายงานการทดลองที่เขียนเสร็จแล้วให้อาจารย์
อาจารย์ตรวจดูก็พบว่าได้ผลลัพธ์ที่ถูกต้อง เขาจึงยื่นการ์ดEให้เธอหนึ่งใบแล้วกำชับว่า “เธอต้องไประดับC”
ฉินหร่านหยิบผ้าพันคอที่แขวนไว้บนประตูห้อง เธอไม่ได้สวมไว้บนคอแต่เกี่ยวไว้ที่มือ หลังจากขอบคุณอาจารย์เสร็จก็ออกจากห้องไป
เธอทำการทดลองแรกเสร็จโดยใช้เวลาเพียงยี่สิบนาทีกว่าๆ
ขณะนี้ยังไม่มีใครมาที่ห้องทดลองระดับE
อาจารย์เดินไปที่หน้าประตูเพื่อดูว่าฉินหร่านไปห้องทดลองระดับCหรือไม่ เมื่อเห็นฉินหร่านเข้าไปในห้องทดลองห้องหนึ่ง เขาก็เงยหน้ามองขึ้นไปที่เหนือประตูห้องทดลอง——
D?
นี่เธอจะทำอะไรเนี่ย?
เมื่ออาจารย์เห็นแผ่นหลังที่มั่นคงของฉินหร่าน เขาก็คิดถึงความเป็นไปได้อย่างหนึ่งขึ้นมา การทำแบบนี้นี่มัน…
การทดลองของห้องทดลองระดับDก็ไม่ได้ยากเกินไป แต่ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่เกณฑ์ขั้นต่ำสำหรับการผ่านห้องปฏิบัติการ
ฉินหร่านใช้เวลายี่สิบนาทีก็ทำเสร็จ เธอได้การ์ดระดับDมาแล้วก็ยัดใส่กระเป๋าอย่างลวกๆ
จากนั้นก็ยืนอยู่ที่ทางเดิน มองๆ ไปได้สักพักก็หาห้องทดลองระดับCเจอ
เนื่องจากระดับCเป็นเกณฑ์ขั้นต่ำในการเข้าห้องปฏิบัติการ จึงมีคนเยอะที่สุด ทั้งหมดมีอยู่สามห้องทดลอง ฉินหร่านเดินไปที่ห้องทดลองที่มีคนน้อยที่สุด
นักศึกษาสองคนในห้องทดลองอื่นต่างก็กำลังทำการทดลองอย่างตั้งอกตั้งใจ จิตใจไม่ว่อกแว่ก ไม่ยอมเสียสมาธิไปกับสิ่งรอบตัว แน่นอนว่าพวกเขาย่อมไม่รู้ว่าภายในห้องทดลองมีคนเพิ่มเข้ามาอีกคน
การทดลองระดับCคือการแบ่งสันปันน้ำ ซึ่งยากกว่าการทดลองระดับEและDมาก
ข้อมูลทางตัวเลขก็ซับซ้อนมากกว่า
แต่การคำนวณไม่ใช่ปัญหาสำหรับฉินหร่าน เธอแทบจะคิดในใจทั้งหมด ดังนั้นจึงประหยัดเวลาไปไม่น้อย
อาจารย์ที่ประจำห้องทดลองระดับCยืนอยู่ตรงข้ามเธอและเฝ้าดูอยู่นาน เห็นเธอจดข้อมูลไม่กี่อย่างลงไปก็ได้คำตอบมาโดยตรง แม้แต่เครื่องคิดเลขที่อยู่ข้างๆ ก็ยังไม่ได้ใช้เลยด้วยซ้ำ
นอกจากนี้ฉินหร่านใช้เวลาไปประมาณสี่สิบนาทีในการทำการทดลองระดับCจนเสร็จ
อาจารย์ที่อยู่ข้างๆ มองเธออยู่หลายครั้งก่อนจะมอบการ์ดระดับCให้เธอด้วยสีหน้าที่ว่างเปล่า
เมื่อเห็นเธอออกจากห้องทดลองระดับCแล้ว เขาก็นึกสงสัยความเป็นไปของชีวิต
ฉินหร่านเดินหาห้องทดลองระดับBหลังจากทดลองระดับCเสร็จ
ห้องทดลองระดับBมีสองห้อง หนึ่งห้องมีแค่คนเดียว ฉินหร่านสุ่มเข้ามาในห้องหนึ่ง
ตั้งแต่ระดับCขึ้นไปล้วนเป็นการแบ่งสันปันน้ำ
การทดลองระดับBนั้นยากกว่าการทดลองระดับCมาก ฉินหร่านใช้เวลาไปหนึ่งชั่วโมงกว่าจะทำเสร็จเนื่องจากเวลาในการคำนวณสัดส่วนค่อนข้างน้อย
แต่ถึงอย่างไรก็ตาม นักศึกษาคนอื่นก็ยังเอาแต่จดข้อมูลลงบนกระดาษซ้ำแล้วซ้ำเล่า กดเครื่องคิดเลขซ้ำๆ อยู่อย่างนั้น แต่เธอกลับได้ผลลัพธ์เพียงมองแค่แวบเดียว
จากระดับEถึงระดับB อาจารย์หลายคนเงียบไปหลังจากดูการทดลองที่เธอทำ
……
เวลาค่อยๆ ผ่านไปอย่างช้าๆ
ฉินหร่านถือการ์ดทั้งสี่ใบไปที่ห้องทดลองระดับA
เมื่อเทียบกับระดับBและC ห้องทดลองระดับAก็มีแค่สองห้อง แต่มีห้องหนึ่งที่มีคนอยู่ ฉินหร่านไปห้องที่ไม่มีคน
เมื่อหยุดอยู่ที่โต๊ะทดลองและสำรวจดูอยู่ครู่หนึ่งก็พบว่าการทดลองระดับAเป็นเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ฟิวส์ชันขนาดเล็กพอดี
บนโต๊ะทดลองไม่ได้เตรียมอะไรไว้ให้เลย ต้องหาวัสดุอุปกรณ์และวัตถุดิบในการทำปฏิกิริยาภายในห้องทดลองเอง ติดตั้งเครื่องนับพลังงานด้วยตัวเอง
……
**
ตั้งแต่ 8.00 น.จนถึง 12.00 น. ช่วงเวลานี้ถือว่าผ่านไปเร็วมากสำหรับกลุ่มนักศึกษาที่เข้าร่วมทำการทดสอบ
แต่บรรดาเจ้าหน้าที่ห้องปฏิบัติการที่กำลังรออยู่ที่ห้องโถงชั้นหนึ่งกลับรู้สึกว่าเป็นช่วงเวลาที่ยาวนาน
เจ้าหน้าที่ห้องปฏิบัติการย้ายมากินชากาแฟที่ม้านั่งยาวและให้บรรดาด็อกเตอร์และคณบดีได้นั่งกัน
11.00 น.
พวกด็อกเตอร์ที่กำลังจับกลุ่มดื่มชาพูดคุยกันอยู่นั้นก็เริ่มดื่มไม่ลง แต่ละคนมองไปที่ทางเดินโดยไม่กะพริบตา
จากสถานการณ์ปีก่อนๆ จะมีนักศึกษาเดินออกมาหลังเวลาสิบเอ็ดโมง
บรรดาอาจารย์ผู้รับผิดชอบการประเมินห้องปฏิบัติการที่นั่งอยู่กลางห้องโถงอดไม่ได้ที่จะมองไปทางห้องทดลอง มีสองคนที่เริ่มเดากันว่า “คนที่ออกมาคนแรกจะเป็นใคร ฉินหร่านหรือสวีหว่านเฉิน?”
“สวีหว่านเฉินมั้ง เขาน่าจะมีประสบการณ์ ดูจากท่าทีของคณบดีเก๋อก็รู้แล้ว” พอพูดเสร็จก็ชะงัก เขาเองก็ไม่กล้ามั่นใจเกินไป “แต่ว่า…ก็เป็นไปได้ว่าจะเป็นฉินหร่าน..”
ถึงอย่างไรเสีย ฉินหร่านก็มักจะทำให้ทุกคนคาดไม่ถึงอยู่เสมอ
300คะแนนเมื่อคืนก็ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน...
ทั้งสองมองหน้ากันไม่พูดอะไรต่อ
ไม่กล้าเดาสุ่มสี่สุ่มห้า
สิบนาทีผ่านไป
เวลา 11.10 น.
ประตูทางเดินถูกเปิดออก มีร่างหนึ่งเดินออกมาก่อน เหล่าศาสตราจารย์และอาจารย์ที่กำลังดื่มชากันอยู่ในห้องโถงต่างก็มองไปที่ทางเดิน