ร่างสูงชะลูดเดินมา
เดินเข้ามาใกล้ทีละนิดพร้อมกับแสงที่อยู่เบื้องหลัง
คนในห้องโถงจำได้ว่านั่นคือสวีหว่านเฉิน ตัวเต็งที่มหาวิทยาลัยAเลือกมาในปีนี้และยังถูกผู้รับผิดชอบของห้องปฏิบัติการรับไปเป็นศิษย์เมื่อสามปีก่อน
คณบดีเก๋อลุกขึ้นยืนตรงพลางมองไปที่มือของสวีหว่านเฉิน “สอบเสร็จหรือยัง?”
สวีหว่านเฉินทำหน้าขรึมและไม่ได้พูดอะไร เขายื่นมือขวาออกมา เผยให้เห็นการ์ดบนฝ่ามือของเขา
การ์ดสีดำสนิท ตรงกลางสลักด้วยตัว “A” เหมือนหิมะ
“เยี่ยม” เมื่อคณบดีเก๋อเห็นเข้า บริเวณหว่างคิ้วก็เผยให้เห็นความภาคภูมิใจเป็นธรรมดา เขากระแอมเสียง พยายามเก็บความปลาบปลื้มบนใบหน้า ตบไหล่สวีหว่านเฉินเบาๆ
อาจารย์สองท่านในการประเมินการทดลองของวันนี้วางการ์ดAไว้ทางฝั่งมหาวิทยาลัยA
ให้คะแนนมหาวิทยาลัยA 90 คะแนน
จากนั้นป้อนคะแนนของสวีหว่านเฉินลงไปในคอมพิวเตอร์
“การทดลองระดับA?” ความเคลื่อนไหวของอาจารย์ที่คุมการประเมินทำให้คนอื่นที่อยู่ที่นั่นเห็นการ์ดAของสวีหว่านเฉินได้อย่างชัดเจน เกิดความโกลาหลขึ้นมา
อาจารย์มากกว่าครึ่งในห้องโถงต่างก็กำลังคุยกันเบาๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้
พลางมองไปทางสวีหว่านเฉินเป็นครั้งคราว
การทดลองของการประเมินนั้นยากมาก
คนส่วนใหญ่จะติดกันที่ระดับC การที่สามารถทำการทดลองได้ถึงระดับBก็ถือว่าหาตัวจับได้ยากแล้ว การทดลองระดับAจึงหาได้ยากในรอบสามปี
หากเป็นช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา การที่สวีหว่านเฉินสามารถทำการทดลองระดับAได้คงเป็นเรื่องที่จับตามอง
แต่แค่ว่ารอบเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซ่งลี่ว์ถิงทำการทดลองระดับSได้ บวกกับฉินหร่านยังสอบภาคทฤษฎีเมื่อคืนได้คะแนนเต็ม ปฏิกิริยาของทุกคนจึงไม่ได้ดูตื่นเต้นมากนัก หลังจากพูดคุยกันได้ไม่กี่นาทีก็เริ่มมองไปที่ทางเดิน
ยี่สิบนาทีผ่านไป คนที่สองก็ยังไม่มีใครออกมา
จะเห็นได้ว่าสวีหว่านเฉินทำเวลาได้เร็วมาก
เวลา 11.30 น. เริ่มมีคนทยอยออกมากันแล้ว
การ์ดต่ำสุดที่ทุกคนถือไว้ในมือคือระดับE
พวกเขาล้วนเป็นคนมีความสามารถที่มาจากสถาบันดังๆ ไม่มีทางที่จะไม่ได้แม้กระทั่งการ์ดระดับE
อาจารย์สองท่านที่รับผิดชอบการประเมินการทดลองกำลังยุ่งอยู่กับการบันทึกคะแนน
เมื่อคนเริ่มออกมามากขึ้นเรื่อยๆ คะแนนของทั้งสองมหาวิทยาลัยก็เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
เวลา 11.50 น. นักศึกษาคนสุดท้ายของมหาวิทยาลัยAก็ออกมา
คะแนนทั้งหมดของมหาวิทยาลัยAที่นับเสร็จแล้ว :
การ์ดA 1 ใบ
การ์ดB 2 ใบ
การ์ดC 10 ใบ
การ์ดD 7 ใบ
การ์ดE 3 ใบ
รวมกันได้ 1520 คะแนน
มหาวิทยาลัยเมืองหลวงไม่มีการ์ดA
การ์ดB 1 ใบ
การ์ดC 7 ใบ
การ์ดD 6 ใบ
การ์ด E 4 ใบ
รวมกันได้ 1130 คะแนน
น้อยกว่ามหาวิทยาลัยA 390 คะแนน ผลลัพธ์ไม่เกินความคาดหมายเลยแม้แต่นิดเดียว
ตอนนี้คนของมหาวิทยาลัยเมืองหลวงไม่มีอารมณ์จะสนใจแล้วว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร
คณบดีเจียงบีบถ้วยชา เขายืนขึ้นมองไปที่ทางเดินห้องทดลอง
11.50 น. คนอื่นในห้องทดลองออกมากันหมดแล้ว เหลือแต่ฉินหร่านที่ยังไม่ออกมา คณบดีเจียงขมวดคิ้ว ดวงตาและคิ้วของเขาปกปิดความกังวลไม่มิด…
ฉินหร่านมีปัญหาอะไรกับการทดลองหรือเปล่า?
11.55 น. ฉินหร่านก็ยังไม่ออกมา
ในเวลานี้ โจวอิ่งที่แสร้งทำเป็นนิ่งก็อดไม่ได้ที่จะบีบถ้วยน้ำชา
ตอนที่คะแนนสอบข้อเขียนออกมาเมื่อคืน โจวอิ่งกับคณบดีเจียงยังเต็มไปด้วยความมั่นอกมั่นใจ คิดว่าฉินหร่านจะสามารถผ่านการทดลองระดับCไปได้
ไหนล่ะจะรู้ว่ารอมาจนป่านนี้ ฉินหร่านก็ยังไม่ออกมาเสียที
ในใจโจวอิ่งเริ่มสั่นไหว
ที่มุมห้องโถง เฉิงเวินหรูที่นั่งข้างเฉิงเจวี้ยนไม่ได้ถอดผ้าพันคอออก เธอปิดหน้าเกือบทั้งหมด ปลายนิ้วกำลังถือถ้วยชา เธอยังอยู่ในอาการสำรวมต่อหน้าคนภายนอกได้ เอียงหน้ากระซิบถาม “หร่านหร่านจะทันไหม?”
เธอร้อนใจแต่ไม่แสดงออก ออร่ายังคงเต็มเปี่ยม
เฉิงเจวี้ยนเล่นโทรศัพท์อย่างเอ้อระเหย สายตาจับจ้องไปที่ทางเดิน แม้จะดูเฉื่อยชาแต่ดวงตาแจ่มใสก็ไม่ได้ละสายตาไปไหน เมื่อได้ยินดังนั้นก็ตอบด้วยความมั่นใจหน่อยๆ “แน่นอน”
“งั้นทำไมยังไม่ออกมา?” เฉิงเวินหรูร้อนใจเล็กน้อย
เฉิงเจวี้ยนหรี่ตา ปลายนิ้วขาวราวหิมะเคาะโทรศัพท์ “รอก่อน”
11.58 น.
ที่ประตูใหญ่ยังไม่มีการเคลื่อนไหว คณบดีเก๋อลุกจากเก้าอี้มองไปทางด้านคณบดีเจียง “คณบดีเจียง ดูเหมือนว่าราชาหน้าใหม่ของมหาวิทยาลัยพวกคุณจะยังไม่ออกมาไปอีกสักพักนะ”
เจ้าหน้าที่สองคนที่รับผิดชอบการประเมินการทดลองก็เริ่มทำความสะอาดของบนโต๊ะและยืนขึ้นประกาศ “รายชื่อที่ผ่านการประเมินของปีนี้ได้แจ้งให้ทราบกันหมดแล้ว เดี๋ยวจะนำลงมาประกาศที่มอนิเตอร์ชั้นหนึ่ง นอกจากนี้ ในส่วนของคะแนนรวม ปีนี้มหาวิทยาลัยAยังคงเป็นผู้ชนะ”
คณบดีเก๋อลุกขึ้นยืน เขาจัดแจงเสื้อผ้าตัวเอง จากนั้นประสานมือคำนับคณบดีเจียง ยิ้มยั่วอารมณ์ “ประทานโทษนะครับท่านคณบดีเจียง ยอมรับ…”
ขณะที่เขาพูด ประตูห้องทดลองที่ปิดมาตลอดก็ถูกเปิดด้วยมือเดียว
เห็นได้ชัดว่าเป็นเสียงเปิดประตู
สายตาทุกคนมองไปทางข้างหลัง
11.59 น.
ฉินหร่านออกมาพร้อมกับถือผ้าพันคอสีเบจ เธอเลิกคิ้วเบาๆ และมองไปทางเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบการประเมินห้องทดลองสองคนนั้น
หัวใจคณบดีเจียงและโจวอิ่งที่ดันมาถึงคอหอยก็ผ่อนคลายได้ในที่สุด
“ฉินหร่าน การ์ดเธอล่ะ?” คณบดีเจียงสังเกตเห็นว่าในมือฉินหร่านไม่มีการ์ดสักใบ
สายตาทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ล้วนถูกดึงดูดความสนใจไปตามคำพูดของเขา โดยเฉพาะคณบดีเก๋อ เขาจ้องฉินหร่านตาไม่กะพริบราวกับจะจ้องเธอให้พรุน
เธอออกมาช้ามาก…
ไม่มีใครคิดว่าเธอจะทำการทดลองออกมาไม่ได้แม้แต่อย่างเดียว ตอนนี้ได้แต่อยากรู้ว่าเธอทำการทดลองอะไรมา
ที่มุมห้อง เฉิงเวินหรูจัดเสื้อผ้าหน้าผม นั่งลงด้วยความเรียบร้อยเหมือนก่อนหน้านี้ เธอเอียงศีรษะถามเฉิงเจวี้ยนเป็นรอบที่สาม “น้องสาม นายว่าฉินหร่านทำการทดลองระดับSแล้วหรือยัง? ไม่อย่างนั้นทำไมเพิ่งออกมาเอาจนป่านนี้?”
ก่อนหน้านี้ที่ถามคำถามนี้ เฉิงเจวี้ยนไม่ได้สนใจเธอมากนัก
ขณะนี้เฉิงเจวี้ยนเอามือเท้าคางอย่างเกียจคร้านและยังไม่ละสายตาไปไหน ราวกับนึกอะไรขึ้นได้ “หกใบ”
“หือ?” เฉิงเวินหรูไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับ
ด้านหน้า ฉินหร่านคลำกระเป๋าตัวเองอยู่ท่ามกลางสายตานับร้อยที่กำลังจ้องมองมา เธอคลำหาการ์ดสีดำออกมา การ์ดสีดำดำสนิทจนทำให้มือของเธอที่จับมันไว้ดูผ่องขาวราวกับหยกแท้
หลังจากวางอย่างส่งๆ เธอก็เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย มองไปทางเจ้าหน้าที่สองคนนั้นที่รับผิดชอบการประเมินการทดลอง น้ำเสียงราบเรียบ “คิดคะแนนเถอะค่ะ”
การ์ดสีดำไม่กี่ใบนั้นหล่นลงบนโต๊ะด้วยเสียงอันบางเบา ภายในห้องโถงเงียบเชียบไร้สุ้มเสียง เสียงนี้สั่นสะเทือนหัวใจของผู้คน
การ์ดจะมีการสลักระดับทั้งสองด้าน
หลังจากที่มันตกลงมา ก็ปรากฏชัดท่ามกลางสายตาของทุกคน
เรียงกันหกใบ…
ตั้งแต่การ์ดEจนถึงS ไม่ตกหล่นแม้แต่ใบเดียว!
ตอนที่ฉินหร่านดึงการ์ดกองหนึ่งออกจากกระเป๋าของเธอ คนอื่นต่างก็คิดว่าเธอได้การ์ดมาเยอะ แต่คิดไม่ถึงว่าจะมีถึงหกใบ ครบถ้วนไม่ขาดแม้แต่ใบเดียว!
นั่นก็พูดได้ว่าฉินหร่านทำการทดลองทั้งหกการทดลองไปหนึ่งรอบภายในเวลาสี่ชั่วโมง!
ฉินหร่านยืนอยู่ที่โต๊ะได้สักพักก็ทนรออาจารย์ทั้งสองท่านคิดคะแนนไม่ไหว เธอจึงงอนิ้วเคาะโต๊ะด้วยท่าทางเกียจคร้าน “อาจารย์ทั้งสองท่านคะ?”
อาจารย์สองท่านที่รับผิดชอบการคิดคะแนนกลับมาได้สติหลังจากอยู่ในอาการตกตะลึง
สบตากัน…
ก่อนหน้านี้ทั้งสองคนเคยถกเถียงกันว่าราชาหน้าใหม่ของมหาวิทยาลัยเมืองหลวงปีนี้จะทำออกมาได้ยอดเยี่ยมสักแค่ไหน และไม่ใช่ว่าจะไม่เคยคิดว่าเธออาจจะเหมือนซ่งลี่ว์ถิงที่ทำการทดลองระดับSได้…
แต่อย่างไรก็ตาม ทั้งสองคาดไม่ถึงว่าราชาหน้าใหม่คนนี้ทำการทดลองระดับSยังไม่พอ เธอยังทำการทดลองตั้งแต่ระดับEยันระดับSได้ทั้งหมด
ตั้งแต่ก่อตั้งห้องปฏิบัติการมาจนถึงวันนี้และมีการประเมินทุกระดับมานับร้อยครั้ง นี่เป็นครั้งแรกที่มีการเดินเครื่องที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้
คนอื่นก็เพิ่งมาค้นพบว่า ที่แท้แล้วก็ทำแบบนี้ได้ด้วย?
เก่งกาจขนาดนี้คงไม่ใช่bugที่มหาวิทยาลัยเมืองหลวงส่งมาหรอกมั้ง?
แต่ตอนนี้จะทำยังไงดี...
ถ้าคะแนนฉินหร่านเป็นไปตามระดับSก็ไม่มีปัญหา แต่การ์ดอื่นล่ะ?
ทั้งหมดจะต้องถูกคิดรวมกับคะแนนรวมของมหาวิทยาลัยเมืองหลวงอย่างนั้นหรือ?
อาจารย์สองท่านที่รับผิดชอบการคิดคะแนนสับสนเข้าไปใหญ่ นี่เป็นครั้งแรกที่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น พวกเขาจำใจต้องต่อสายไปสอบถามผู้รับผิดชอบประจำห้องปฏิบัติการระหว่างการคิดคะแนน
ผู้รับผิดชอบที่ได้ยินว่ามีคนทำการทดลองเสร็จทั้งหมดภายในสี่ชั่วโมง “…”
เวลาสี่ชั่วโมงมันเหลือเฟือไปใช่ไหม ปีหน้าย่อลงอีกหนึ่งชั่วโมงดีไหมเนี่ย…
เนื่องจากข้อกำหนดในการทดลองไม่ได้ระบุอย่างชัดเจนว่าคนหนึ่งสามารถทำได้กี่การ์ด การ์ดหกใบนี้จึงถูกคิดรวมกับคะแนนรวมของมหาวิทยาลัยเมืองหลวง
คณบดีเก๋ออ้าปาก “นี่ไม่ยุติธรรม…”
เมื่อได้ยินคณบดีเก๋อพูด อาจารย์ทั้งสองท่านก็ยิ้มเล็กน้อย “คราวหน้าคุณก็ให้นักศึกษาของคุณทำทั้งหกการทดลองสิครับ”
คนเหล่านี้ใช้เวลาตั้งแต่สองชั่วโมงขึ้นไปกว่าจะทำการทดลองเสร็จไปหนึ่งอย่าง ปริมาณการคำนวณและการคำนวณตรวจสอบที่มากมายมหาศาลกินเวลามากเกินไป
อย่าว่าแต่จะทำการทดลองทั้งหกอย่างเลย เพราะแค่สองอย่าง ก็ไม่แน่ว่าสวีหว่านเฉินจะทำได้เสร็จทัน
คณบดีเก๋อ “…”
การ์ดทั้งหกใบของฉินหร่านมีคะแนนทั้งหมด 450 คะแนน
จากที่มหาวิทยาลัยเมืองหลวงมี 1130 คะแนนก็กลายเป็น 1580 คะแนน
มากกว่ามหาวิทยาลัยA 60 คะแนน
ทันทีที่ฉินหร่านออกมา ผลลัพธ์ก็รีเฟรชใหม่
สถิติเดี่ยวที่ทำโดยสวีหว่านเฉิน 90 คะแนนกลายเป็นของฉินหร่าน 100 คะแนน
สถิติรวมของมหาวิทยาลัยA 1520 คะแนนกลายเป็นของมหาวิทยาลัยเมืองหลวง 1580 คะแนน
วันนี้มหาวิทยาลัยเมืองหลวงจำนวน 19 คนเอาชนะมหาวิทยาลัยAที่มีจำนวน 23 คนด้วยคะแนนรวม
ห่างออกไปไม่กี่ก้าว นับตั้งแต่เห็นฉินหร่านถือการ์ดสีดำออกมาในตอนแรก สมองของคณบดีเจียงก็ไร้การตอบสนอง
เขาไม่รู้จะพูดอะไร ได้แต่ยื่นมือต่อสายหาอธิการบดีโจว