ตอนที่ 18 - 4 การหลอกล่อกับความคิดสังหาร

เขาสั่งให้ข้าเป็นราชินี [ส่วนที่ 2]

ทุกผู้คนจำแนกได้ว่าไม่ใช่การเสแสร้งทำเป็นเยือกเย็น ทว่าเป็นความไม่หวั่นไหวอย่างแท้จริง ตั้งแต่ลักษณะท่าทางสู่ลมหายใจจวบจนใจเต้น นางไม่มีความหวั่นไหวใดๆ ทั้งสิ้น

 

 

ท่วงท่าของปรมาจารย์สูงศักดิ์ที่แท้จริงพาให้ผู้คนกริ่งเกรง

 

 

ขณะนี้จิ่งเหิงปัวหลับตาอยู่

 

 

คราวนี้เป็นการต่อสู้คนเดียวครั้งแรกของนาง นับเป็นการฆ่าคนครั้งแรกของนางด้วยซ้ำ แต่นางไม่มีความตึงเครียดหรือหวาดกลัวแม้เพียงเศษเสี้ยว กระทั่งโลหิตทั่วร่างยังเดือดพล่านแล้ว

 

 

โลหิตเดือดพล่านทว่าจิตใจกลับสงบยิ่งนัก ราวดั่งภูเขาไฟที่ซุกซ่อนอยู่ภายใต้หิมะน้ำแข็ง ครู่ต่อมาจะระเบิดออกทะยานสู่ท้องฟ้า

 

 

นางรู้สึกขึ้นมาได้ว่าตนเองอาจจะเหมาะกับการสังหารเช่นกัน ความดุร้ายภายในร่างกายถูกปลุกให้ตื่นฟื้น นางชอบเตร็ดเตร่ท่ามกลางทะเลโลหิต

 

 

ผู้คนมากมายรอบด้านกำลังจ้องมองนางอย่างระมัดระวัง ค่อยๆ ลดขนาดวงล้อมลง

 

 

“ศัตรูไม่ขยับข้าหยุดนิ่ง ศัตรูขยับข้าชิงลงมือ”

 

 

เรือนร่างนางกะพริบวูบทันที!

 

 

การกะพริบวูบครั้งนี้ไม่มีลางบอกเหตุ ผู้โอบล้อมที่อกสั่นขวัญแขวนทุกคนรีบถอยหลังโดยพลัน ด้วยเพราะไม่รู้ว่าต่อมาจะถึงคราวของผู้ใด

 

 

คนที่อยู่ใกล้มากที่สุดตึงเครียด ส่วนคนที่อยู่รอบนอกสุดดูผ่อนคลายเล็กน้อย

 

 

จิ่งเหิงปัวกะพริบวูบออกจากวงล้อม!

 

 

คนอยู่รอบนอกสุดสองคนรู้สึกเพียงว่าเสียงลมดังก้อง ข้างหลังคล้ายมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ปฏิกิริยาของสองคนนี้นับว่ารวดเร็ว พวกเขาหันกายโดยพลัน

 

 

เงาคนที่เจือกลิ่นหอมนั้นพลันกะพริบวูบเปลี่ยนทิศทาง สองคนรีบหันกายตามเงา คราวนี้กลายเป็นว่าทั้งสองคนหันหน้าเข้าหากันแล้ว

 

 

เงาคนเจือกลิ่นหอมกะพริบวูบอีกครั้ง คราวนี้คล้ายเกิดความผิดพลาด กะพริบมาอยู่ตรงกลางระหว่างสองคน!

 

 

ระหว่างคนทั้งสองห่างกันเพียงความกว้างของระเบียงยาว พอมีอีกคนหนึ่งยืนอยู่ด้วย ระยะทางก็พลันชิดใกล้จนหายใจรดต้นคอ เพียงยื่นอาวุธออกไปจะแทงทะลุท้องของเงาคนสายนั้นได้โดยพลัน!

 

 

โอกาสพลาดไม่ได้!

 

 

สองคนที่กำลังดีใจพลันแทงอาวุธในมือออกไปอย่างรุนแรง!

 

 

พริบตาหนึ่งนั้นที่อาวุธใกล้จะแทงมาถึงจิ่งเหิงปัวที่อยู่ตรงกลาง

 

 

นางกะพริบวูบ

 

 

รวดเร็วเหลือเกิน เร็วจนเกิดภาพมายา เร็วจนเงาร่างของนางยังอยู่ตำแหน่งเดิมกลางนัยน์ตาของสองคนนั้น พวกเขารู้สึกว่าคนถูกแทงคือนาง

 

 

ฉึก! ฉึก!

 

 

ทั้งสองเสียงเกิดขึ้นในขณะเดียวกัน โลหิตแดงฉานพวยพุ่งสู่กันเชื่อมเป็นสะพาน

 

 

ความเจ็บปวดรุนแรงจู่โจมเข้ามา สองคนเบิกตากว้าง มองท้องตนเองอย่างไม่เชื่อสายตา

 

 

อาวุธที่ต่างคนต่างแทงอีกฝ่าย…

 

 

เงยหน้ามองตรงกลางอีกครั้ง เงาคนเมื่อครู่ยังอยู่ที่ใด?

 

 

เป็นไปได้อย่างไร?

 

 

เพียงชั่วขณะที่รวดเร็วเสียยิ่งกว่ากะพริบตา นางก็เฉียดกายออกไปทันได้อย่างไร?

 

 

บนโลกนี้มีท่าร่างแปลกประหลาดขนาดนี้ด้วยหรือ…

 

 

“มันไม่ใช่คน!” สองคนพลันร้องเสียงหลงว่า “มันไม่ใช่คน! มันไม่ใช่คน!”

 

 

เสียงร้องโหยหวนยังไม่ทันสิ้นลง ก็เงียบสงบโดยพลัน

 

 

จิ่งเหิงปัวมอบคมมีดให้แต่ละคน ใช้คอหอยของพวกเขาเช็ดเลือดบนมีดจนสะอาด

 

 

กลิ่นคาวโลหิตเข้มข้นมากยิ่งขึ้น

 

 

บรรยากาศกดดันตึงเครียดมากยิ่งขึ้น

 

 

ผู้คนเริ่มตื่นตระหนกแล้ว ไม่มีผู้ใดมองเห็นเลยว่าเมื่อครู่นี้เกิดเรื่องใดขึ้น รู้เพียงว่าพริบตาเดียวคนภายในวงล้อมพุ่งออกไป จากนั้นสองคนข้างนอกสุดพลันสิ้นชีพ เห็นสภาพศพนั้นแล้ว นึกไม่ถึงว่าจะเป็นการแทงกันเองจนสิ้นชีพ

 

 

เสียงร้องโหยหวนหวาดผวาก่อนที่จะสิ้นใจของพวกเขาคล้ายยังคงดังก้องอยู่ข้างหู ทุกคนขนลุกทั่วร่าง ในใจเกิดความหวาดกลัว แม้คนมากก็ยิ่งแข็งแกร่ง แต่เกิดอาการอยากหันหลังวิ่งหนีเสียได้

 

 

การต่อสู้เผชิญหน้าไม่น่ากลัว ทว่าการลอบสังหารที่คาดเดาไม่ได้ประหนึ่งภูตพรายนับว่าอันตรายที่สุด

 

 

แต่เดิมคนเหล่านี้คิดจะใช้การล้อมสังหารกลางความมืดมิดมารับมือผู้บุกรุก นึกไม่ถึงว่ายามนี้ตนเองกลับกลายเป็นฝ่ายหนึ่งนั้นที่ถูกล้อมสังหาร

 

 

คนผู้เดียวล้อมสังหารคนทั้งกลุ่มหรือ?

 

 

ฟังแล้วน่าขันอยู่บ้าง ทว่าไม่ใช่เรื่องตลก ผู้ที่ตกอยู่ในสถานการณ์จะรับรู้ได้ถึงความหวาดกลัวในความไม่รู้เช่นนั้น

 

 

เดิมทีคนที่อยู่รอบนอกสุดนึกว่าจะสบายใจได้ชั่วคราว นึกไม่ถึงว่าสตรีนางนี้จะเชือดคนที่อยู่รอบนอกสุดเป็นตัวอย่างก่อน ด้วยความตื่นตะลึงฝีเท้าจึงก้าวเข้าไปอย่างเงียบเชียบ

 

 

เรือนร่างของจิ่งเหิงปัวกะพริบวูบ กระโดดเข้าไปในวงล้อมกะทันหัน!

 

 

ทุกคนมองไม่เห็นเรือนร่างของนาง ทว่ารู้สึกได้ว่ากลิ่นหอมอ่อนๆ หอบนั้นลอยผ่านปลายจมูกตนเองไป จึงอดไม่ได้ที่จะตื่นตระหนกคว้าอาวุธไว้แน่น

 

 

โคมไฟดวงหนึ่งซึ่งอยู่ไกลออกไปถูกลมพัดจนหมุนเวียนวน แสงอ่อนสายหนึ่งหันมาสาดส่องจิ่งเหิงปัวพริบตา

 

 

สตรีภายในแสงริบหรี่มีรูปร่างหน้าตาที่งดงามเพริศแพร้ว คาบกริชอยู่มุมปาก สายตาสุกสกาววูบไหว คล้ายยิ้มทว่าไม่ได้ยิ้ม แยกไม่ออกว่านัยน์ตานั้นหรือว่ากริชที่สว่างกว่ากัน

 

 

ทุกคนรู้สึกเพียงว่านัยน์ตาถูกส่องสว่างไปด้วย นึกไม่ถึงว่าเทพปีศาจจอมสังหารกลางความมืดมิดตนนี้จะเป็นโฉมสะคราญเช่นนี้ เพียงแต่ไม่เข้าใจเลยว่ายามสู้รบอันตรายเช่นนี้ เหตุใดนางจึงพลันคาบกริชไว้ในปาก

 

 

ตะลึงพรึงเพริดเพียงพริบตาเดียว ความมืดมิดกลับมาอีกครั้ง

 

 

ก่อนแสงเงาจะหายไป ทุกคนมองเห็นมัวสลัวเลือนรางเพียงว่าสตรีนั้นกางแขนสองข้างต่อท้องฟ้า

 

 

ท่วงท่าดุจดั่งอธิษฐานท่วงท่าหนึ่ง

 

 

ทุกคนกำลังระแวงสงสัย ไตร่ตรองว่าจะพุ่งเข้าไปล้อมโจมตีหรือไม่ ทว่าไม่อยากพุ่งเข้าไปล้อมโจมตีเป็นคนแรก คนสายตาดีพลันตะโกนเสียงลั่นว่า “กระถางดอกไม้!”

 

 

เดิมทีใต้ชายคาระเบียงมีกระถางดอกไม้แถวใหญ่ ปลูกเหมยแคระซึ่งเป็นไม้กระถางพื้นเมืองทนหนาวชนิดหนึ่ง

 

 

ยามนี้ท่ามกลางความมืดมิด กระถางดอกไม้เหล่านั้นกำลังลอยทะยานขึ้นไปอย่างเชื่องช้า!

 

 

พริบตาหนึ่งก็เงียบสงัดปานหยุดหายใจ จากนั้นเสียงร้องโหยหวนว่า “ผีหลอก!” ดังขึ้น

 

 

น่าแปลกว่าผู้คนไม่ได้ถอยหนี ทว่ายามนี้เองพวกเขาก็หวาดกลัวขวัญกระเจิงจนพุ่งมาทางจิ่งเหิงปัวโดยพร้อมเพรียง

 

 

เพล้ง! เพล้งๆๆ เพล้งๆ!

 

 

กระถางดอกไม้ที่เหินขึ้นอย่างเชื่องช้าพลันลอยสู่กลางอากาศอย่างรวดเร็ว เล็งเหนือศีรษะของทุกคนที่พุ่งเข้ามาแล้วพลันร่วงหล่น!

 

 

แต่ละกระถางกระแทกลงบนศีรษะของทุกคน!

 

 

ชั่วครู่ที่กระถางดอกไม้กระแทกหมู่นั้น จิ่งเหิงปัวก็กะพริบอย่างต่อเนื่อง! หายตัวออกไปจากฝูงชน

 

 

ยามนี้ฝูงชนกำลังรวมกลุ่มกลายเป็นกำแพงหนาแน่น!

 

 

กริชในมือนางจ่อแทงกำแพงมนุษย์นั้น เข้าออกต่อเนื่องดั่งสายฟ้า!

 

 

ไม่ว่าเป็นกลางหลังของใคร ไม่ว่าสิ้นเปลืองเรี่ยวแรงหรือไม่ เจอมากฟันครั้งหนึ่งเจอน้อยฟันครั้งหนึ่ง พอมองเห็นกลางหลังแทงทันที!

 

 

จัดการแทงให้ได้มากที่สุด!

 

 

จะปล่อยให้คนของตระกูลเหยียลี่ว์คนไหนไปส่งข่าวขอความช่วยเหลือไม่ได้ บริเวณใกล้เคียงคือค่ายทหาร!

 

 

โลหิตแดงฉานสาดกระเซ็นพรวดๆๆ ทั่วพื้น บนพื้นนั้นลื่นไถลจนแทบจะยืนไม่อยู่ สุดท้ายแล้วชั่วขณะนี้ก็มีคนที่ถูกกระแทกจนสลบไสลไปหลายคน มีคนล้มลงหลายคน มีคนถูกแทงบาดเจ็บสิ้นชีพหลายคน ไม่มีทางคำนวณได้

 

 

สุดท้ายจิ่งเหิงปัวก็ยืนฆ่าคนอยู่บนซากศพ บนพื้นนั้นยืนไม่ได้แล้ว

 

 

คนที่ยังมีชีวิตอยู่ไม่มีผู้ใดหวนมาต่อสู้ พวกเขาเริ่มหนีจนได้ หลบหนีพลางเปล่งเสียงเป่าปากแหลมคม เสียงแหลมสะท้อนทั่วคฤหาสน์หลังใหญ่ทั้งหลัง!

 

 

จิ่งเหิงปัวรู้ว่านี่คือการส่งสัญญาณว่าจัดการศัตรูไม่ไหว! ครู่ต่อมาที่นี่จะกลายเป็นเป้าหมายสำคัญ จะมีคนมากกว่านี้พุ่งเข้ามา

 

 

ส่วนนางแสดงความสามารถพิเศษติดต่อกันจนถึงขีดสุด บังคับกระถางดอกไม้หลายกระถางพร้อมกันเพื่อข่มขวัญศัตรู เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าแล้ว

 

 

อย่างไรเสียยาพิษยังคงอยู่ นางไม่กล้าใช้เรี่ยวแรงมากเกินไปพิษจะได้ไม่กำเริบ แบบนั้นจะกลับไปไม่ได้ของจริง

 

 

ก้นบึ้งหัวใจของนางเริ่มร้อนรนอยู่บ้าง จนถึงตอนนี้ยังไม่มีโอกาสตามหาคน คราวนี้ถ้ายังมีคนมาเพิ่ม นางจะรับมืออย่างไร?

 

 

เสียงเป่าปากขอความช่วยเหลือดังขึ้น

 

 

เงาคนในจวนเหินกะพริบมุ่งมาทางนี้ทั้งสิ้น เห็นได้ชัดว่ากลุ่มสุดท้ายกลุ่มนี้มีวิชาตัวเบาเลิศล้ำนัก วรยุทธ์ย่อมเลิศล้ำยิ่งกว่า

 

 

จิ่งเหิงปัวสูดหายใจเฮือกหนึ่ง เตรียมพร้อมบาดเจ็บทั้งสองฝ่าย

 

 

ไกลออกไปพลันมีแสงสว่างกะพริบวูบ

 

 

จากนั้นแสงไฟในที่ซึ่งสว่างไสวมอดดับ ได้ยินเสียงร้องโหยหวนเสียงหนึ่งรำไร เสียงแว่วไปไกลโพ้น

 

 

เงาคนที่ห้อตะบึงอยู่กลางอากาศพลันหยุดชะงัก เหลียวหลังด้วยความตกตะลึง

 

 

จากนั้นก็มีเสียงตะโกนระเบิดออกไปไกลโพ้น

 

 

“คุณชายสามถูกสังหารแล้ว!”

 

 

เสียงตื่นตระหนกน่าเวทนา คล้ายว่าการที่คุณชายสามอะไรผู้นี้ถูกสังหารเป็นเรื่องที่น่ากลัวยิ่งนัก

 

 

คนกลางอากาศที่พุ่งมาทางจิ่งเหิงปัวหันหน้ากลับมาโดยพลัน บางคนตกตะลึงจนแทบจะร่วงลงไป

 

 

แทบจะในทันทีนั้น เงาคนเหล่านั้นก็พลันพุ่งไปทางสถานที่ซึ่งมีเสียงกรีดร้องระเบิดออกมา ไม่มีใครมาทางจิ่งเหิงปัวอีกเลย

 

 

จิ่งเหิงปัวมองเห็นเงาคนพุ่งไปทางนั้นแล้วก็พ่นลมหายใจออกมาอย่างยืดยาว ทางนางปลอดภัยแล้ว

 

 

แต่ในขณะเดียวกันในใจก็กระตุกวูบขึ้นมา…เหยียลี่ว์ฉีเป็นคนทำเรื่องทางนั้นแน่นอน เขาพบว่านางถูกล้อมโจมตีอยู่ทางนี้ ไม่ทันได้ตามมาช่วย จึงก่อเรื่องใหญ่เรื่องโตเพื่อดึงดูดทุกผู้คนไปทางนั้นเสียเลย

 

 

คุณชายสามอะไรนั่นต้องเป็นบุคคลสำคัญอะไรสักคนอย่างแน่นอน คราวนี้ความแค้นฝังลึกแน่แล้ว

 

 

ไม่รู้ด้วยว่าระหว่างเหยียลี่ว์ฉีกับตระกูลของเขาเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่มองออกว่าความอาฆาตแค้นลึกล้ำ พอมาคิดตอนนี้แล้ว เมื่อก่อนที่เหยียลี่ว์ฉีสู้ศึกการเมืองที่ตี้เกอ ความรู้สึกที่ไม่เชิงใกล้ชิดไม่เชิงห่างเหินไม่ได้ทุ่มเทเต็มเรี่ยวแรงแบบนั้นก็ได้รับการอธิบายในที่สุด

 

 

จิ่งเหิงปัวคิดว่าวิชาตัวเบาของพวกที่ปรากฏตัวช่วงท้ายกลุ่มนั้นท่าทางไม่ได้ด้อยกว่ากว่าเหยียลี่ว์ฉีมากเท่าไร อดจะรู้สึกไม่สบายใจไม่ได้

 

 

แต่นางไม่คิดจะตามไปหาเหยียลี่ว์ฉีทางนั้น

 

 

เรื่องราวมีหนักเบามีเร่งด่วน นางเชื่อว่าเหยียลี่ว์ฉีหวังให้นางช่วยสวินหรูออกมามากกว่า มิฉะนั้นการพลีชีพครั้งนี้จะเสียแรงเปล่า

 

 

ระเบียงยาวว่างเปล่า นางกำลังเตรียมถีบประตูข้างหลังตามหาทีละห้อง ประตูนั้นเปิดออกอย่างกะทันหัน มีมือเย็นเยียบคู่หนึ่งยื่นออกมาคว้าข้อมือของนางไว้