บทที่ 67 ผู้บุกเบิก Ink Stone_Fantasy

จังหวะ น้ำเสียง และความหนักเบาก่อตัวเป็นจังหวะที่บีบหัวใจของทุกคน ไม่มีใครหนีพ้นจากบททดสอบชะตาชีวิต แนวทางของซิมโฟนีเพลงนี้ถ่ายทอดอย่างตรงไปตรงมา ไม่อ้อมค้อมหรือมีเลศนัย

เสียงเครื่องเป่าบรรเลงก่อนที่กระบวนที่สองจะเริ่ม ถ่ายทอดอารมณ์การต่อสู้อันดุเดือดระหว่างชะตาชีวิตกับปณิธาน เมื่อกระบวนแรกกับกระบวนที่สองสอดประสานรวมกัน ผู้ฟังสัมผัสได้ถึงความตึงเครียดและแรงกดดันอันมหาศาล ราวกับได้ลงไปอยู่ในสนามรบด้วยตนเอง แม้ว่าจะแค่นั่งอยู่ในที่นั่งเท่านั้น

ปฏิกิริยาจากผู้ฟังแตกต่างกันไป บ้างจับที่วางแขนแน่น กลุ่มขุนนางชนชั้นสูงอย่างแกรนด์ดยุกและวูล์ฟซึ่งไม่เคยสัมผัสประสบการณ์ความโหดร้ายของสงครามด้วยตนเองมาก่อนแทบจะไม่อาจแบกรับความกลัวสุดขั้วหัวใจ ขณะที่อัศวินเว็นน์หวนนึกถึงความทรงจำจากความกลัวและความชิงชังเบื้องลึกที่ประสบในวันที่ต้องสู้กับสัตว์ร้ายจากโลกปีศาจและพวกนอกรีต

ซาร์ดรักษาอาการสงบไว้ แต่ดวงตาเบิกโพลง สายตาของเขาไม่ได้ดูเฉยเมยอีกต่อไป แต่กลับเปล่งประกายและแหลมคม บทเพลงนี้พาเขาย้อนกลับไปคิดถึงวันเก่าๆ ในอดีต

เมื่อถูกความตึงเครียดและความกดดันจากซิมโฟนถาโถมใส่ ขุนนางชนชั้นสูงรุ่นหลังอย่างเวอร์ดี้ และนาตาซา แสดงอากัปกริยาของนักสู้ที่ถูกปลุกขึ้นมา กำหมัดขวาแน่น เวอร์ดี้เกร็งกล้ามเนื้อไปด้วยทั้งตัวพร้อมเผชิญหน้ากับชะตาชีวิต แสดงจิตวิญญาณของราชวงศ์ไวโอเล็ตในฐานะโล่แห่งสัจธรรม นาตาซาเอนตัวไปข้างหน้า สีหน้าดูเคร่งเครียดแต่ก็ตื่นตาตื่นใจไปพร้อมกัน นางปรารถนาจะลงสนามรบเพื่อกำราบความมืดและชะตาชีวิต

วิกเตอร์อุทิศทั้งหัวใจและวิญญาณในการเรียบเรียงเพลงนี้ หากเทียบกับต้นฉบับของลูเซียน ซิมโฟนีเพลงนี้ได้รับยกระดับขึ้นและเข้าถึงอารมณ์มากขึ้น การประสานเสียงระหว่างวิโอล่า เชลโล่ และเครื่องเป่าในกระบวนที่สองทอดเวลาให้ผู้ฟังได้ผ่อนคลายจากความดุดันในช่วงสั้นๆ ก่อนที่กระบวนที่สามจะลากผู้ฟังกลับไปยังเผชิญกับความกลัวความมืดที่ทรงพลังอีกครั้ง

ความเจ็บปวด ความหวัง ความกลัว ความโกรธ และหลากหลายอารมณ์ผสมปนเปกัน แต่ท้ายที่สุด แสงสว่างก็สามารถเอาชนะความมืดได้ เมื่อกระบวนสุดท้ายเล่าถึงชัยชนะอันยิ่งใหญ่บรรเลงจบ ณ ซาล์มฮอล ผู้ฟังจำนวนมากลุกขึ้นยืนและส่งเสริมปรบมือดังสนั่นโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว

แกรนด์ดยุกถอนหายใจยาวด้วยความโล่งใจและยกมือขึ้นโบก ราวกับว่ากำลังให้กำลังใจกับอัศวินและทหารผู้กล้าที่กำลังกลับมาบ้านพร้อมชัยชนะ ด้วยความตื้นตันและความสุขที่ยากจะบรรยาย นาตาซาผุดลุกจากที่นั่งและเดินเข้าไปยังราวกั้นเฉลียง จ้องไปยังคณะออร์เคสตราราวกับยังถูกสะกดอยู่ในโลกดนตรีของตัวเอง

เอนหลังลงบนพนังพิงอย่างผ่อนคลาย ซิลเวียและนักดนตรีคนอื่นๆ มองหน้าไปมา บอกได้ถึงความประหลาดใจและความปลาบปลื้มอันยิ่งใหญ่ในสายตาของแต่ละคน

“เด็กหนุ่มคนนี้… เขาเป็นอัจฉริยะหลังจากยุคของเกซูและทวัล” ซิลเวียรำพึงกับตัวเอง

ครอบครัวโจเอลและเอเลน่ากำลังเริงร่าและปรบมือชื่นชม แม้ไม่มีความรู้เรื่องดนตรีมากนัก แต่พวกเขารู้สึกจากก้นบึ้งของหัวใจว่าเพลงของลูเซียนสร้างความตื่นตะลึงและเข้าถึงห้วงอารมณ์จริงๆ ต่างคนต่างมีน้ำตาคลอเบ้า

โจเอลรู้สึกตัวชาด้วยความตื่นเต้น เหมือนกับลูเซียนทำให้ฝันของเขาเป็นจริง เขาภูมิใจในความสำเร็จและเกียรติยศของลูเซียนครั้งนี้เสมือนเป็นของตัวเอง

เอื้อมมือมากอดไหล่พ่อ จอห์นมีสีหน้าอิ่มเอมใจ “พ่อ ลูเซียนเป็นอัจฉริยะจริงๆ ใช่ไหม?”

“จากนี้ไป เราต้องเรียกเขาว่า ‘ท่านลูเซียน’…” เอเลน่าไม่อยากเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้นในโรงแสดงดนตรี นางเพิ่งเจอลูเซียนครั้งแรกไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้ ตอนนั้นเด็กหนุ่มคนนี้ยังทำหน้าที่เก็บขยะไปทิ้ง

สีหน้าของวูล์ฟซีดเผือด รู้ดีกว่าเขาไม่อาจปฏิเสธความยิ่งใหญ่ของซิมโฟนีเพลงนี้ได้ ตอนนี้ เขาตระหนักได้ว่าทำไมวิกเตอร์เต็มใจรับเด็กยาจกคนนี้เข้ามาเป็นลูกศิษย์สายดนตรี เด็กคนนี้เป็นอัจฉริยะตัวจริง

หันหน้าไปมาอย่างกระสับกระส่ายท่ามกลางเสียงปรบมือดังกึกก้อง วูล์ฟตั้งความหวังสุดท้ายไว้กับเหล่าขุนนางชนชั้นสูงและนักดนตรีสายอนุรักษนิยมเคร่งครัดในรายละเอียด หวังว่าอย่างน้อยจะมีสักคนที่นิยมดนตรีแนวศาสนาจะไม่ชอบแนวทางของซิมโฟนีเพลงนี้

แกรนด์ดยุกเดินมายังด้านหน้าของเฉลียงที่นั่งร่วมกับธิดาและปรบมืออย่างอบอุ่น เมื่อแกรนด์ดยุกและเจ้าหญิงปรบมือนำแล้ว เสียงปรบมือสรรเสริญก็ดึงขึ้นกึกก้องเป็นรอบที่สอง สนั่นหวั่นไหวไปทั่วทั้งซาล์มฮอล

ไม่ต้องสงสัยเลย มหรสพดนตรีครั้งนี้ประสบความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่!

หลังจากถวายความเคารพแต่แกรนด์ดยุกและผู้ฟังที่เหลือ วิกเตอร์วิ่งเหยาะๆ มาหลังเวที ดึงตัวลูเซียนออกมาจากหลังเวที ลูเซียนเตรียมพร้อมไว้แล้ว เขาค่อยๆ ก้าวตามวิกเตอร์มาอย่างใจเย็น ยืนอยู่หน้าผู้ฟังทั้งหมด

“ท่านสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี ข้าขอแนะนำให้รู้จักลูกศิษย์ของข้า ลูเซียน อีวานส์ ลูเซียน อีวานส์ เป็นผู้ประพันธ์ซิมโฟนีเพลงนี้” วิกเตอร์กล่าวเสียงดังก้องไปยังเฉลียงที่นั่งทั้งหมด

“พรสวรรค์จริงๆ!” เสียงปรบมือจากเหล่าขุนนางชนชั้นสูงและนักดนตรีดังขึ้นเรื่อยๆ แสดงออกถึงการยอมรับในตัวนักดนตรีหนุ่มผู้นี้อย่างยิ่งใหญ่

“สุดยอดเพลง สุดยอดนักประพันธ์” เอิร์ลเฮย์นพยักหน้า “แม้แต่คนที่ไม่รู้เรื่องดนตรีก็สัมผัสได้ถึงความยอดเยี่ยมในเพลงของเขา”

แกรนด์ดยุกกล่าวออกมาเสียงดังลั่น “หาที่เปรียบไม่ได้! เด็กหนุ่มคนนี้จะเป็นสุดยอดนักดนตรีในอนาคต!”

นาตาซามีความรู้สึกมากมายเต็มหัวไปหมด “ข้าแทบพูดไม่ออก ข้ารู้สึกถึงบางอย่างที่… วิเศษมากๆ บางอย่างที่ข้าเฝ้าตามหามาตลอด ลูเซียน เจ้าเป็นผู้บุกเบิกประวัติศาสตร์ดนตรี!”

แม้แต่เวอร์ดี้ก็ไม่มีอะไรจะคัดค้านความเห็นของนาตาซา

“เจ้ามีวิญญาณที่บริสุทธิ์แห่งนักสู้ ขอพระเจ้าอวยพรเจ้า หนุ่มน้อย” ซาร์ดลุกขึ้นยืนช้าๆ เขามองลูเซียนด้วยรอยยิ้มเมตตาบนใบหน้า

ท่ามกลางผู้ฟังทุกคน วูล์ฟเป็นคนเดียวที่ยังนั่งหมดสภาพในที่นั่ง เขาหมดแรงแม้แต่จะพูด

“ขอขอบคุณพระเจ้า นี่เป็นของขวัญจากพระเจ้า” ลูเซียนโค้งคำนับเฉลียงที่นั่งด้วยกริยามารยาทสุภาพบุรุษเต็มร้อย แสร้งสวมบทเป็นผู้ศรัทธาในพระเจ้าอย่างแก่กล้า ความสำเร็จอันงดงามของมหรสพดนตรีจะเป็นประโยชน์ต่อเขามหาศาล หนึ่งในนั้นก็คือสถานะทางสังคมที่จะดีขึ้นในทันตา ซึ่งจะช่วยซ่อนตัวตนของเขา ทหารองครักษ์ศาสนจักรและเจ้าหน้าที่ต่างๆ  ของนครคงจะไม่กล้าจับตัวหรือสอบสวนนักดนตรีที่ได้รับการยอมรับจากแกรนด์ดยุก พระคาร์ดินัล และเจ้าหญิงสุ่มสี่สุ่มห้า

พระคาร์ดินัลพยักหน้าและกล่าวกับแกรนด์ดยุก “หม่อมฉันดีใจจริงๆ ที่ได้มาชมการแสดงคืนนี้ ทุกบทเพลงยอดเยี่ยมมาก โดยเฉพาะซิมโฟนีแห่งชะตาชีวิต น่าประทับใจที่สุด แสงสว่างพิชิตความมืดมิด พระเจ้าแห่งสัจธรรมมอบพลังให้เราต่อสู้กับความยากลำบาก ขอพระเจ้าอวยพรให้เราทุกคนพะยะค่ะ”

“ขอพระเจ้าอวยพรให้เราทุกคน” ออร์วาริตทรงค้อมศีรษะเล็กน้อย วางมือทาบอก บนเวที

วิกเตอร์มีน้ำตาคลอเบ้า เขาหวังว่าวินนี่คงกำลังมองลงมาจากสวรรค์

“เจ้ารู้สึกอย่างไรบ้าง ญาติข้า” นาตาซามองไปยังเวอร์ดี้และถามอย่างอารมณ์ดี

“เพลงๆ นี้เป็นของลูเซียน ไม่ใช่ของเจ้า นาตาซา น่าเสียดายที่ความสามารถของเขาไม่ได้ตกเป็นของเจ้า” เวอร์ดี้ไม่ได้ตอบตรงๆ

“แต่ว่า… อันที่จริงแนวเพลงของเขามีเอกลักษณ์ที่ทำให้ข้าคิดอะไรได้มาก บางทีข้าน่าจะให้เขามาเป็นที่ปรึกษาด้านดนตรีเพื่อแต่งเพลงของตัวเองดู” นาตาซาพูดพลางเอียงศีรษะไปด้านข้าง

“ความสำเร็จของเขามาจากทั้งพรสวรรค์และประสบการณ์ชีวิต การสะสมแรงบันดาลใจและความคิดดีๆ ต้องใช้เวลา ข้าไม่คิดว่ามันจะมีประโยชน์ นาตาซา” เวอร์ดี้ยักไหล่อย่างไม่เห็นด้วย

“ลองดูก็ไม่เสียหาย” นาตาซายักคิ้วหัวเราะเบาๆ

เมื่อเหล่าขุนนางชนชั้นสูงทยอยออกจากซาล์มฮอลเรียงตามลำดับศักดินา วิกเตอร์และลูเซียนกลับเข้ามาหลังเวที สมาชิกคณะออร์เคสตรายังคงมีอารมณ์ตื้นตันไม่หาย

“ท่านวิกเตอร์ ท่านอีวานส์ นี่เป็นการแสดงดนตรีที่ยอดเยี่ยมที่สุดที่เราเคยร่วมมาเลย!”

……………………………………………