บทที่ 66 มหรสพดนตรี (2) Ink Stone_Fantasy
“หลานสาวเคยเล่าหม่อมฉันฟังว่าซิมโฟนีเพลงที่สองเนี่ย วิกเตอร์ใช้เวลาแต่งสองถึงสามปีพะยะค่ะ พอรู้ว่าจะได้แสดงดนตรีในซาล์มฮอล เขาใช้เวลาอีกสามเดือนพัฒนาเพลงนี้อยู่ที่คฤหาสน์ของน้องชายหม่อมฉัน มันชวนให้หม่อมฉันนึกถึงทุ่งข้าวสาลีเหลืองอร่ามสุดลูกลูกตาที่บ้านเกิด” เอิร์ลเฮย์นยิ้มพลางเล่าเรื่องราวของซิมโฟนีเพลงนี้ให้กับแกรนด์ดยุกและเจ้าหญิงฟัง เขารู้สึกขอบคุณเฟลิเซีย หลานสาวที่เมื่อก่อนเขาไม่เคยสนใจใยดี
เนื่องจากบุตรคนโตของเอิร์ลตระกูลเฮย์นคนก่อนถูกสังหารในการสู้กับพวกนอกรีต บุตรคนรองและคนสุดท้องของตระกูลเฮย์นจึงแย่งชิงกันครองตำแหน่งขุนนาง ณ เวลานั้น เพราะบุตรคนรองซึ่งก็คือเอิร์ลเฮย์นคนปัจจุบันยังไม่สามารถปลุกพรได้ จนพ่อของเฟลิเซียดูมีภาษีดีกว่าในสายตาของเอิร์ลตระกูลเฮย์นคนก่อน ตอนนั้นทำให้เอิร์ลคนปัจจุบันนี้ต้องวิตกกังวลตลอดเวลา
แต่แล้วโอกาสก็กลับมาอยู่ในมือบุตรคนรองซึ่งสามารถปลุกพรได้ ยิ่งไปกว่านั้น บุตรของเขา แฮร์ริงตันโตขึ้นมาเป็นชายหนุ่มมากความสามารถไม่ยิ่งหย่อนไปจากเจ้าหญิงนาตาซาและเอิร์ลเวอร์ดี้ บุตรคนรองคนนั้นจึงได้รับสืบทอดยศถาบรรดาศักดิ์และที่ดินทั้งหมดของตระกูลเฮย์น ซึ่งก็คือเอิร์ลเฮย์นคนปัจจุบัน
“ข้าก็รู้สึกได้เช่นกัน” ออร์วาริตพยักหน้า “ซิมโฟนีเพลงนี้ทำให้ข้านึกถึงชีวิตในชนบทอันงดงาม ลูกอาจพูดถูก นาตาซา แต่คอนเสิร์ตนี้น่าประทับใจมาก รอฟังอีกสองเพลงที่เหลือเถอะ”
“แต่ว่าซิมโฟนีเพลงสุดท้ายเป็นเพลงของลูกศิษย์เขา หม่อมฉันไม่อยากเชื่อว่าเด็กใหม่ที่เพิ่งเรียนดนตรีมาแค่สามเดือนสามารถประพันธ์ซิมโฟนีได้ หม่อมฉันไม่ได้คาดหวังกับสิ่งที่เรียกว่าพรสวรรค์ของเด็กหนุ่มคนนั้นหรอก” เอิร์ลราฟาติร่วมวงสนทนา บุรุษหน้าตาคมคายผู้นี้ดูเหมือนยังในวัยสามสิบต้นๆ
“ท่านลุงฮาร์ต ข้าเชื่อว่าท่านเป็นคนสุดท้ายที่จะพูดว่าพรสวรรค์ไม่มีความหมาย” นาตาซาหัวเราะราวกับไม่ใช่สตรีสูงศักดิ์ “ท่านปลุกพรแห่งตะวันตั้งแต่อายุสิบปี จนกลายเป็นจอมมหาเวทศักดิ์สิทธิ์อาวุโสระดับแปดในวัยหกสิบ ไม่มีใครมีพรสวรรค์สูงไปกว่าท่านลุงที่สุดท้ายกลายเป็นจอมมหาเวทศักดิ์สิทธิ์ชั้นตำนานไปแล้วเจ้าค่ะ”
อันที่จริง เอิร์ลราฟาติที่ดูหนุ่มฉกรรจ์ผู้นี้อายุมากกว่าที่เห็น เขาเป็น ‘จอมมหาเวทศักดิ์สิทธิ์’ ที่ทรงอานุภาพมาก กลุ่มจอมมหาเวทศักดิ์สิทธิ์คือผู้ที่สามารถปลุกพรด้วยตนเอง จึงได้รับอนุญาตให้เข้าถึงพลังเวทมนตร์ ทั้งนี้ เพื่อแย่งความแตกต่างระหว่าง ‘ผู้ร่ายเวทศักดิ์สิทธิ์’ กับ ‘นักเวทชั่วร้าย’ คนกลุ่มนี้จึงได้ชื่อว่า ‘จอมมหาเวท’
และอีกเหตุผลที่ทำให้ตระกูลราฟาติทรงพลังมาก ขณะที่ตระกูลขุนนางอื่นๆ จะเชื่อมสัมพันธ์ต่างตระกูลด้วยการสมรสเพื่อให้เป็นทองแผ่นเดียวกัน แต่ตระกูลราฟาติรักษาธรรมเนียมการสมรสกันเองในตระกูลเพื่อรักษาพลังของตระกูลให้คงอยู่และคนรุ่นต่อไปได้สืบทอดเลือดบริสุทธิ์ แม้จะมีเด็กเกิดมาผิดปกติหลายคน แต่ตระกูลก็มีสมาชิกระดับอัจฉริยะมากเหมือนกันเช่นเอิร์ลท่านนี้
เวอร์ดี้กล่าวอย่างจริงจัง “พรสวรรค์ของท่านลุงฮาร์ตเป็นของขวัญจากพระเจ้า มันต่างกัน”
“เหมือนกับพรสวรรค์ทางดนตรีที่ข้าได้ยินมาสินะ” นาตาซายิ้ม “เอาจริงๆ ข้ารอฟังเพลงของลูเซียน ไม่ว่าจะดีหรือไม่ดีก็ตาม มันก็น่าสนใจอยู่ดี”
“ซิมโฟนีเพลงที่สี่ควรเป็นเพลงที่น่าประทับใจและโดดเด่นที่สุดของการแสดงดนตรีคืนนี้ หม่อมฉันหวังว่าวิกเตอร์รู้ตัวว่ากำลังทำอะไรนะพะยะค่ะ” ราฟาติส่ายหน้าเบาๆ
“นอกจากเพลงของลูเซียน ข้าก็อดตื่นเต้นกับเปียโน เครื่องดนตรีชนิดใหม่ไม่ได้” นาตาซาเปลี่ยนหัวข้อสนทนาไปยังเปียโนคอนแชร์โต้
“ข้าก็อยากรู้ว่าเปียโนมีดีขนาดไหนถ้าเทียบกับฮาร์ปซิคอร์ด” เวอร์ดี้นั่งหลังตรงบนที่นั่งท่าทางจริงจัง
…
วิกเตอร์มีท่าทีผ่อนคลายมากขึ้น เมื่อรู้ว่าซิมโฟนีสองเพลงแรกเป็นที่พอใจของแกรนด์ดยุก ระหว่างช่วงพัก เขาพูดคุยกับลูกศิษย์อย่างสบายใจ ขณะที่ไรน์ดูเหมือนจะเงียบกว่าปกติ
ไม่นานก็ถึงเวลาที่วิกเตอร์ต้องกลับขึ้นเวที ครั้งนี้ ไรน์ได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่วาทยกรควบคุมคณะออร์เคส
ตรา และวิกเตอร์จะเป็นผู้บรรเลงเปียโน เครื่องดนตรีชิ้นใหม่
เสียงของเปียโนนิ่มนวลก้องกังวาน เพียงโน้ตตัวแรกของเปียโนคอนแชร์โต้ก็สะกดผู้ฟังทั้งหมดในทันที คอนแชร์โต้เพลงนี้เล่าเรื่องศาสนาอย่างลึกล้ำ
“น่าทึ่ง” เวอร์ดี้วิจารณ์ด้วยความพอใจ และปิดตาฟังอย่างตั้งใจ
เสียงของเปียโนมีคุณภาพสูงเหมาะกับความขลังและความศักดิ์สิทธิ์ของดนตรีรับใช้ศาสนา เปียโนรับมือกับระดับเสียงสูงๆ หลายระดับได้เป็นอย่างดี ผู้ฟังทั้งซาล์มฮอลตกอยู่ภวังค์ใต้ท่วงทำนองที่สง่างาม
เมื่อคอนแชร์โต้เพลงนี้บรรเลงจบลง พระคาร์ดินัลซาร์ดทำสัญลักษณ์ไม้กางเขนและกล่าวว่า “เพลงนี้สรรเสริญพระเจ้าโดยแท้ คอนแชร์โต้เพลงนี้สำเร็จงดงามด้วยเครื่องดนตรีใหม่ชิ้นนั้น”
“วิเศษจริงๆ เป็นเครื่องดนตรีคีย์บอร์ดที่ยอดเยี่ยมที่สุด!” นาตาซาอ้าปากค้างด้วยความชื่นชม “เทียบกับเปียโน ฮาร์ปซิคอร์ดกับแคลฟวิคอร์ดกลายเป็นของเล่นเด็กผู้หญิงไปเลย!”
“ลูกก็เป็นผู้หญิงนะ นาตาซา” ออร์วาริตขมวดคิ้วเล็กน้อย แกรนด์ดยุกกำลังจะปรบมือ ตอนได้ยินความเห็นที่ไม่เข้าหูจากธิดา
มองบิดาด้วยความเคารพ นาตาซาพูดพึมพำ “ถึงกระนั้น หม่อมฉันก็เป็นสตรีที่วิเศษกว่าหญิงคนไหนๆ ไม่แพ้บุรุษคนใด”
พอได้ยินนาตาซาบ่นพึมพำ รอยยิ้มมีนัยปรากฏบนหน้าเวอร์ดี้ แต่เขาไม่ได้พูดอะไรออกมา
“ข้าเห็นนะ เวอร์ดี้!” นาตาซายืดหลังตรงทันทีและจ้องเขาอย่างจริงจัง “เจ้าไม่คิดเหมือนข้าอย่างนั้นหรือ? ออกไปวิวาทกันข้างนอกสักยกไหม?”
“ไม่ละ… ข้าไม่อยากมีเรื่อง” เวอร์ดี้ยังยิ้มต่อไป
“เอาละ นาตาซา ซิมโฟนีแห่งชะตาชีวิต กำลังเริ่มแล้ว” แกรนด์ดยุกพยายามเปลี่ยนเรื่องระหว่างทั้งสองคน
เมื่อมองไปยังเวที นาตาซาเหลือบมองเวอร์ดี้ “โถญาติข้า ข้าเชื่อว่าเพลงของลูเซียนต้องดีกว่าเพลงทั้งหมดของเจ้า”
“แต่ อย่างน้อยข้าก็มีงานเพลงให้เปรียบเทียบ แล้วเจ้าละ นาตาซาน้องรัก เจ้าคงไม่ถนัดเรื่องประพันธ์เพลงสินะ พูดถึงพรสวรรค์การประพันธ์เพลง ข้าเชื่อว่าเขามีมากกว่าเจ้าแน่” เวอร์ดี้ตอกกลับทันที
“ขนาดนั้นเชียวหรือ? อืม… อืม… น่าแปลกที่ไม่เห็นงานเพลงของเจ้าเคยบรรเลงในซาล์มฮอลสักเพลง แต่เด็กหนุ่มธรรมดาที่เพิ่งเริ่มเรียนดนตรีสามเดือนกลับทำได้?” นาตาซาแกล้งทำสีหน้าประหลาดใจ
“ข้าแค่ไม่อยาก…” เวอร์ดี้กัดฟัน รู้สึกหมดคำพูด “เจ้าคนที่ชื่อลูเซียน… เพลงของมันไม่ดีไปกว่าข้าแน่นอน”
“อ๋อหรือ! ข้าจะจำคำเจ้าไว้!” นาตาซาหัวเราะ “คอยดูเถอะจะเป็นอย่างไรถ้าเพลงของเขาดีกว่าเจ้าจริงๆ”
แกรนด์ดยุกพยักหน้ารับ รู้สึกตั้งความหวังไว้สูงเหมือนกับขุนขนางชนชั้นสูงอื่นๆ ยกเว้นวูล์ฟ สีหน้าของวูล์ฟแทบจะบิดเบี้ยว แม้ว่าความสำเร็จในการแสดงดนตรีของวิกเตอร์ไม่ได้ส่งผลร้ายต่อเขา แต่ในความคิดของวูล์ฟ วิกเตอร์ชิงเอาความสำเร็จที่ควรเป็นของเขาไป วูล์ฟจะฟังโน้ตทุกตัวของบทเพลงต่อไปอย่างใจจดใจจ่อ เพื่อหาข้อผิดพลาด แม้เล็กที่สุดไปใส่ในหนังสือพิมพ์ดนตรีวิพากษ์
บนเฉลียงที่นั่งขนาดเล็กฝั่งตะวันตก อะลิซ่ากับโจเอลนั่งกุมมือกันแน่น แม้แต่จอห์นก็รู้สึกกระวนกระวาย ทุกคนกำลังเฝ้ารอซิมโฟนีแห่งชะตาชีวิต เพลงปิดท้ายค่ำคืนนี้
…
ขณะยืนหน้าคณะออร์เคสตราพร้อมไม้บาตองในมืออีกครั้ง ห้วงความคิดของวิกเตอร์ปั่นป่วน เขาหวนคิดถึงความล้มเหลวของการแสดงดนตรีครั้งแรกของเขา ความสำเร็จอย่างงดงามของการแสดงดนตรีครั้งที่สอง ช่วงเวลาที่น่าจดจำมากมายระหว่างวินนี่กับเขา สายตาของวินนี่ที่มองจุดจบของชีวิตด้วยความรัก รวมถึงกำลังใจจากลูเซียน ไรน์ และลูกศิษย์ทุกคน…
“วินนี่ เจ้าได้ยินข้าไหม?” วิกเตอร์รู้สึกพร้อมแล้ว เขาค่อยๆ ยกไม้บาตองขึ้น
ช่วงเวลาที่วิกเตอร์ขยับไม้บาตอง ท่อนแรกของซิมโฟนีสะกดทุกคนในโรงแสดงดนตรี ซิมโฟนีสองสามท่อนแรกราวกับเสียงกังวานที่เคาะประตูปลุกทุกคนให้ตื่น ออร์วาริต นาตาซา และเวอร์ดี้เบิกตาโพลงพร้อมกันด้วยความประหลาดใจ
ชะตาชีวิตเข้ามาเคาะประตูอย่างดุเดือด ไม่มีใครต้านทานได้
……………………………………….