ตอนที่ 54 ของวิเศษ

บุตรอสูรบรรพกาล

ตอนที่ 54

ของวิเศษ

 

“ค่าที่พัก 5 เหรียญทองเจ้าค่ะ”หญิงสาวผู้ทำหน้าที่ต้อนรับยิ้มหวานพลางมองไป๋จูเหวินและต้าชิงต้าเฉินที่เข้ามาถามหาที่พักอย่างเป็นมิตร แต่คำพูดที่นางพูดออกมาทำเอาต้าชิงเหงื่อไหล่ทันทีเพราะราคาที่พูดมานั้นเป็นราคาของห้องพักสำหรับคนเดียวเท่านั้น

“มีห้องพักสำหรับ 3 คนหรือเปล่า”ไป๋จูเหวินถามเสียงเรียบโดยไม่สนใจราคาที่นางบอกมาเลย

“มีเจ้าค่ะ ราคา 10 เหรียญทองต่อคืนค่ะ”หญิงสาวว่าพลางยิ้มออกมายิ่งกว่าเดิม

“อืมเอาห้องนั้นก็แล้วกัน”ไป๋จูเหวินตอบเสียงเบาพลางยื่นเหรียญทองให้หญิงสาว ไม่นานนางก็เก็บเหรียญทองลงใต้โต๊ะก่อนจะบอกให้เสี่ยวเอ้อพาไป๋จูเหวินและต้าชิงต้าเฉินไปที่ห้องของพวกเขา

“ท่าทางจะต้องแลกเหรียญทองเอาไว้บ้างแล้วสิ”ไป๋จูเหวินว่าพลางมองทองในกระเป๋าตนเอง ในเมืองผาหยกแห่งนี้ใช้เหรียญทองกันเป็นหลัก ค่าที่พักเพียงคืนเดียวยังต้องจ่ายหลายเหรียญทอง แม้แต่ค่าอาหารก็ยังมีบางร้านที่ราคา 1 เหรียญทองต่อจาน หรืออาจจะหลายสิบหรือหลายร้อยเหรียญต่อจานก็มี ตัวไป๋จูเหวินมีเพียงเหรียญทองที่รองเจ้าสำนักทอนมาให้ตอนลงทะเบียนในหอตำราเท่านั้น มันจึงมีเหรียญทองเหลือไม่ถึงร้อยนเหรียญเสียด้วยซ้ำ  แม้ในเมืองกล้วยไม้หยกจะเหมือนเยอะ แต่ในเมืองผาหยกแห่งนี้กลับใช้พักในห้องขนาดใหญ่ได้เพียง 10 วันเท่านั้น หากหักข้าอาหารไปอีกก็คงอยู่ได้อาทิตย์เดียว

“ในเมืองผาหยกมีร้านค้าร่ำรวยมากมาย นายท่านสามารถหาร้านค้าแลกเปลี่ยนเงินได้ทั่วไปขอรับ”เสี่ยวเอ้อบอกพลางพาไป๋จูเหวินเข้าไปในห้องที่ไป๋จูเหวินเปิดเอาไว้

“เสี่ยวเอ้อ ในเมืองนี้มีร้านที่ขายอาวุธพวกนี้หรือไม่”ไป๋จูเหวินถามพลางหยิบมีดสั้นสีฟ้าออกมา

“อาวุธวิเศษ….”แม้จะเป็นเสี่ยวเอ้อ แต่โรงเตี๊ยมที่มันอยู่ก็เป็นโรงเตี๊ยมชั้นดีในเมืองผาหยก ทำให้เสี่ยวเอ้อมีความรู้ติดตัวไม่น้อย ในชีวิตของมันไม่ใช่ว่าจะไม่เคยเจออาวุธวิเศษเช่นนี้ บางครั้งแขกที่ผ่านมาพักก็พกอาวุธแบบนี้เช่นกัน

“เกรงว่าจะมีร้านไม่กี่ร้านที่มีอาวุธวิเศษขาย”เสี่ยวเอ้อพูดพลางอธิบายเส้นทางไปยังร้านที่มันรู้จัก

“ขอบใจเจ้ามาก”ไป๋จูเหวินว่าพลางนำเหรียญทองเหรียญหนึ่งมอบให้เสี่ยวเอ้อ

“ขอบคุณขอราบบบ”เสี่ยวเอ้อได้ก็เงินยิ้มกว้างก่อนจะขอตัวออกจากห้องไปในทันที

“นายน้อย ท่านจะขายอาวุธวิเศษหรือ”ต้าชิงถามพลางมองมีดสั้นในมือไป๋จูเหวิน มันไม่เคยทราบมาก่อนเลยว่านายน้อยมีอาวุธวิเศษติดตัวด้วย แม้ในความจริงตัวไป๋จูเหวินเองก็พึ่งทราบมาเมื่อครู่ว่าตัวมันมีอาวุธวิเศษในครอบครองก็ตาม

“ไม่หรอก ข้าแค่อยากรู้ว่าอาวุธวิเศษชิ้นนี้มีค่าขนาดไหน”ไป๋จูเหวินว่าพลางมองมีดสั้นในมือของตน ภายในแหวนมิติมีอาวุธอยู่ 5 ชิ้น เกราะอีก 8 ชิ้น ตำรา 5 เล่มที่ไป๋จูเหวินไม่เคยเห็นมาก่อน นอกนั้นยังมีข้าวของเครื่องใช้ม้วนตำราที่ไม่ใช่วิชายุทธหรือวิชาฝึกฝนอีกจำนวนหนึ่ง เครื่องประดับ จานชามแจกันที่ไม่ว่าจะดูอย่างไรก็คงมีค่าไม่น้อย แม้ไป๋จูเหวินจะใช้ดวงตาสีทองวัดค่าของวัตถุดิบได้ แต่ตัวไป๋จูเหวินไม่ทราบว่าอาวุธวิเศษเกราะวิเศษพวกนี้มีค่ามากหรือน้อยกว่ากันเท่าใด

หลังจากพักผ่อนให้หายเหนื่อยจากการเดินทางแล้ว ไป๋จเหวินก็พาต้าชิงและต้าเฉินมายังร้านค้าที่เสี่ยวเอ้อแนะนำ ร้านค้าดังกล่าวมีนามว่าครังสมบัติผาหยก เป็นที่เสี่ยวเอ้อบอกว่าใหญ่โตที่สุดในเมืองผาหยกเลยทีเดียว แต่พอมาถึงหน้าร้านไป๋จูเหวินกลับพบว่ามันมีหน้าตาไม่ค่อยเหมือนร้านค้าเท่าไหร่เพราะไม่ว่าจะดูอย่างไรมันก็เหมือนจวนของพวกขุนนางมากกว่า

“ไม่ทราบท่านมาติดต่อธุระอะไร”ทหารยามที่ทำหน้าที่เฝ้าประตูอยู่ด้านหน้าถามเมื่อเห็นไป๋จูเหวินเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าประตู

“ข้ามาติดต่อซื้อขายอาวุธชิ้นหนึ่ง”ไป๋จูเหวินตอบพลางมองประตูไม้เบื้องหน้าอย่างประหลาดใจ ยิ่งเข้ามาใกล้ก็ยิ่งน่าสงสัยว่าที่นี่ใช่ร้านค้าจริงหรือไม่ เพราะคนที่อยู่ด้านในมีน้อยเหลือเกิน

ตึงๆ! อยู่ๆทหารยามก็กระทุ้งหอกในมืออย่างแรงสองครั้ง ทำให้หญิงสาวคนหนึ่งที่อยู่หลังประตูรีบเปิดประตูต้อนรับในทันที

“เชิญเจ้าค่ะ”หญิงสาวว่าพลางก้มหน้าลงอย่างนอบน้อม

“ที่นี่คือคลังสมบัติผาหยกสินะ”ไป๋จูเหวินไม่ค่อยมั่นใจนักเลยถามออกไป นี่มันไม่ได้กำลังเข้าเฝ้าเจ้าขุนนางอยู่ใช่หรือไม่

“ถูกต้องแล้วเจ้าค่ะ คลังสมบัติผาหยกของเราซื้อขายแต่ของมีค่า แขกแต่ละท่านที่ให้เกียรติมาเยือนย่อมต้องต้อนรับอย่างสมเกียรติ”หญิงสาวตอบพลางพาไป๋จูเหวินเดินผ่านพื้นหินที่ปูเอาไว้อย่างสวยงามเข้าไปในตัวบ้านที่มีเครื่องประดับทำจากหยกมากมายตั้งเอาไว้ ดูแล้วสวยงามแทบจะเหมือนวังหยกที่เห็นอยู่กลางเมืองเลย

“นายหญิง มีแขกมาเจ้าค่ะ”หญิงสาวที่ทำหน้าที่นำทางไป๋จูเหวินส่งเสียงเรียกที่ห้องแห่งหนึ่ง

“เข้ามาได้”เสียงของหญิงสาวอีกคนดังออกมาจากภายในห้องทำให้หญิงสาวผู้ทำหน้าที่นำทางเปิดประตูให้ไป๋จูเหวินเข้าไปโดยตัวนางเพียงก้มหัวอยู่ด้านนอกไม่ได้ตามเข้ามาด้วย

“ยินดีต้อนรับสู่คลังสมบัติผาหยก ข้าคือเจ้าของที่นี่นามว่า เจ้าจื่อลู่ ไม่ทราบท่านต้องการขายหรือซื้อหาสิ่งใด”จื่อลู่ถามพลางยิ้มหวาน นางดูเป็นหญิงสาวท่าทางใจดียิ้มแย้มอ่อนหวาน เรียกได้ว่านางดูงดงามกว่าสมบัติมากมายที่วางเอาไว้ข้างๆตัวนางอยู่หลายขั้น

“ข้าได้ข่าวมาว่าที่ร้านของท่านมีการซื้อขายอาวุธวิเศษ”ไป๋จูเหวินถามพลางมองกองสมบัติที่วางเอาไว้ทั่วห้อง แม้จะมีจองมีค่ามากมายแต่ก็ไม่มีของวิเศษเลย ไม่มีสมุนไพรหายาก ในห้องนี้มีแต่เครื่องประดับจากทองหรือหยกเท่านั้น

“ถ้าเช่นนั้น ดาบเล่มนี้เป็นอย่างไร”หญิงจื่อลู่ถามพลางยื่นดาบเล่มหนึ่งออกมาจากแหวนมิติของนาง ดาบในมือยางงดงามและน่าชมอย่างมากเพียงแต่มันก็เป็นแค่อาวุธธรรมดา

“ข้าคิดว่าข้าบอกท่านชัดเจนแล้ว ว่าข้ามาในครั้งนี้เพื่ออาวุธวิเศษ”ไป๋จูเหวินตอบเสียงเรียบ เพราะเห็นจากดวงตาของนางว่านางกำลังมองท่าทีของไป๋จูเหวินอยู่

“คิกๆ ข้าเพียงถามท่านเท่านั้นว่าดาบเล่มนี้เป็นอย่างไร”จื่อลู่หัวเราะพลางวางดาบลงกับพื้น หากไป๋จูเหวินดูไม่ออกว่าดาบเล่นนี้ไม่ใช่ดาบวิเศษนางคงไม่ยินดีที่จะนำอาวุธวิเศษออกมาให้คนไร้แววได้เชยชม

“เช่นนั้น คุณชายต้องการอาวุธวิเศษระดับใด”จื่อลู่เปลี่ยนท่าทีใจดีเมื่อครุ่เป็นจริงจังขึ้นมาทันที อย่างน้อยไป๋จูเหวินก็ไม่ใช่คนที่ไม่รู้จักของวิเศษ เพียงแต่ ระดับของของวิเศษ คือสิ่งที่ไป๋จูเหวินต้องการจะรู้จากการมายังร้านค้าในวันนี้ มันกลับเป็นฝ่ายถูกถามเสียเองว่าต้องการของวิเศษระดับใด

“ระดับเดียวกับของชิ้นนี้ก็พอ”ไป๋จูเหวินหยิบมีดสีฟ้าขึ้นมาพลางวางลงไปตรงหน้าอย่างรวดเร็ว ในสายตาของไป๋จูเหวินมีดเล่มนี้สร้างจากโลหะฟ้าซึ่งเป็นโลหะที่มีพลังธาตุน้ำผสมอยู่อย่างมาก แม้จะเป็นโลหะมีค่าที่หาได้ยากแต่ก็ไม่เท่ากับอาวุธอีก 4 ชิ้นในแหวนมิติของมัน

“……”จื่อลู่ไม่ตอบ นางเพียงมองมีดตรงหน้านิ่ง

“คุณชาย ท่านล้อข้าเล่นแรงเกินไปแล้ว”จื่อลู่พยายามเค้นคำพูดออกมาทีลพน้อย ท่าทีขึงขังจริงจังก่อนหน้าสลายหายไปจนหมด เหลือไว้แต่ท่าทีอ่อนโยนเมื่อตอนแรกและท่าทีเกร็งๆอย่างประหลาด

“ข้าไม่ได้ล้อเล่น”ไป๋จูเหวินว่าพลางมองท่าทีของจื่อลู่อย่างละเอียด แสดงว่ามีดเล่มนี้เป็นของล้ำค่าเกินไปสำหรับที่นี่ และคาดว่านางคงไม่มีอาวุธระดับเดียวกับมีดเล่มนี้…

พอมานึกดูแล้ว อาวุธที่อยู่ในแหวนมิติล้วนมีค่ายิ่งกว่าอาวุธของกลุ่มนักล่าอสูรเสียอีกหากจะเทียบกันละก็ ของในแหวนมิติของไป๋จูเหวินมีเพียง 1 ชิ้นเท่านั้นที่ดีพอๆกับกระบี่ของอู๋หมิงซึ่งน่าจะเป็นกระบี่ของอาวุโสเทียนหมิง นอกนั้นเป็นอาวุธระดับพอๆกันอีก 3 เล่มและมีดเล่มนี้ถือเป็นมีดที่อ่อนด้อยที่สุดในเหล่าอาวุธในแหวนมิติ แต่ก็ยังดีกว่าของกลุ่มนักล่าอสูรอยู่ขั้นหนึ่ง บางทีเจ้าของแหวนวงนี้อาจจะฝีมือพอๆกับอาวุโสเทียนหมิงก็ได้

“ทางคลังสมบัติผาหยกมีอาวุธวิเศษเพียง 3 ชิ้นเจ้าค่ะ”จื่อลู่พูดพลางวางดาบ 2 เล่มและกระบี่ 1 เล่มลงบนผืนผ้าที่นางวางเตรียมเอาไว้ก่อนหน้า

“นี่คือดาบแสงตะวัน เป็นดาบที่สร้างจากการหลอมโลหะทองเหลืองและหินตะวันฉายลงไปเจ้าค่ะ นับเป็นอาวุธวิเศษชั้นดี”จื่อลู่อธิบายอาวุธแต่ละชิ้นช้าๆ  โดยอาวุธวิเศษของคลังสมบัติผาหยกมีอาวุธวิเศษชั้นดี 1 เล่ม ชั้นยอด 1 เล่ม และชั้นเลิศ 1 เล่ม หลังจากสอบถามอีกสักพักไป๋จูเหวินก็ได้ที่บว่าระดับของอาวุธวิเศษแบ่งออกเป็น ธรรมดา ชั้นดี ชั้นเยี่ยม ชั้นเลิศ ระดับตำนาน ตามลำดับ

“เช่นนั้นกระบี่ของอาวุโสเทียนหมิงคงเป็นระดับตำนานสินะ”ไป๋จูเหวินพึมพำพลางนึกถึงกระบี่ที่อู๋หมิงนำออกมา

“ไม่ใช่เจ้าค่ะ กระบี่ทัณฑ์สวรรค์ ของเซียนกระบี่ถือเป็นกระบี่ที่มีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น กระบี่ของท่านตีจากผลึกแก่นอัสนีและโลหะธาตุอัสนีร้อยแปดชนิด แถมยังใช้แก่นของอสูรในตำนานอย่างมังกรสายฟ้าในการเสริมกำลังของกระบี่เล่มนั้นด้วย หากนำมานับรวมกับของวิเศษชิ้นอื่นๆคงน่าสงสารแย่”จื่อลู่อธิบายพลางหัวเราะออกมา

“กระบี่เล่มนั้น แข็งแกร่งขนาดนั้นเลยเหรอ”ไป๋จูเหวินเบิกตากว้างพลางนึกถึงวันที่ได้สู้กับอู๋หมิง ในวันนั้นอู๋หมิงนำกระบี่ออกมาแต่ยังไม่ได้ใช้ แต่วัสดุที่นำมาทำกระบี่ก็ตรงตามที่จื่อลู่อธิบายมาทั้งหมด คงเป็นกระลี่เล่มเดียวกันอย่างไม่ต้องสงสัย

“เจ้าค่ะ กระบี่เล่มนั้นไม่ว่าผู้ศึกษาเรื่องศาสตราวุธคนไหนก็ต้องไฝ่ฝันถึง คุณชายท่านได้เห็นกระบี่เล่มนั้นหรือเจ้าคะ”จื่อลู่ถามด้วยดวงตากลมโต หลังจากพูดคุยกันไปพักใหญ่จื่อลู่ก็จ้อไม่หยุดจนท่าทีหญิงงามเมื่อครู่ละลายหายไปจนหมด

“ก็เพียงครู่เดียว”ไป๋จูเหวินยิ้มพลางตอบออกมาตามตรง เห็นท่าทีสนใจของจื่อลู่เช่นนี้มันคงเอาอาวุธในแหวนมิติชิ้นอื่นออกมาไม่ได้เสียแล้ว

“น่าอิจฉาจริงๆเจ้าค่ะ”จื่อลู่ว่าพลางหยิบอาวุธวิเศษของนางขึ้นมา

“แล้วก็น่าเสียดายที่ร้านของเราคงไม่มีสินค้าถูกใจคุณชาย ไม่ทราบว่าคุณชายมีอะไรให้เราช่วยเหลือหรือไม่”จื่อลู่ว่าพลางเก็บอาวุธกลับเข้าแหวนมิติ ในมือของคุณชายท่านนี้มีอาวุธระดับ ชั้นเลิศ อยู่แล้วคงไม่ต้องการอาวุธรดับชั้นดีหรอก

“จริงสิ ข้าขอแลกเงินหน่อยได้หรือไม่”ไป๋จูเหวินถามพลางหยิบถุงทองของตนออกมา

“เจ้าค่ะ ทางเรายินดี…..”ทันทีที่ไป๋จูเหวินเปิดถุงออกมา จื่อลู่ก็ต้องชะงักไปทันที ทองก้อนจำนวนมากที่ไป๋จูเหวินนำออกมา ไม่ใช่ว่าร้านของนางจะไม่เคยเห็น เพียงแต่ไป๋จูเหวินต้องการเพียงแลกเงินไม่ได้ทำการซื้อขาย นางคงต้องหาเหรียญทองมาครึ่งร้านเพื่อนจะแลกทองทั้งหมดที่ไป๋จูเหวินมี

“คุณชายกรุรารอสักครู่ ทางร้านเราจะทำการตรวจวัดและนับเหรียญทองมาให้เจ้าค่ะ”จื่อลู่กลืนคำปฏิเสธลงท้องไปทันที ไม่ว่าคุณชายท่านนี้จะเป็นใครแต่มันมีทั้งอาวุธวิเศษและทองจำนวนมาก มันย่อมไม่ใช่คนธรรมดา ต่อให้การค้าครั้งนี้ขาดทุนก็ไม่เป็นไร แต่หากทำให้คุณชายท่านนี้กลับมาซื้อขายกับนางได้อีก นั่นถือเป็นชัยชนะของนางแล้ว