ไม่ว่าจะยุคสมัยไหน การยัดเงินและแอบให้ของหลังบ้าน ก็เป็นวิธีที่ได้รับความนิยม

พนักงานขายหญิงคนนี้ชะงักไปครู่หนึ่งในตอนแรก หล่อนคิดไม่ถึงว่าจ้าวเหวินเทาจะให้เงิน แต่หลังจากได้สติกลับมา หล่อนก็ปฏิเสธเล็กน้อย ผลักเงินกลับไปให้เขา

นี่เป็นครั้งแรกที่เจอหน้ากัน จะมีเหตุผลในการรับเงินจากคนอื่นแบบนี้ได้อย่างไรกัน อีกอย่างหล่อนก็ไม่รู้ความคิดของจ้าวเหวินเทา หากหันหลังกลับแล้วไปร้องเรียนเรื่องของหล่อนขึ้นมาล่ะ?

จ้าวเหวินเทากลับไม่ได้รู้สึกเหนือความคาดหมายกับเรื่องนี้ เขาเพียงแต่เก็บเงินกลับไปด้วยรอยยิ้ม

พนักงานขายหญิงคนนี้มีอายุไล่เลี่ยกับจ้าวเหวินเทา ตอนแรกหล่อนไม่ได้สังเกตจ้าวเหวินเทาจริง ๆ ถึงอย่างไรแค่มองปราดเดียวก็คิดว่าเป็นพวกบ้านนอกแล้ว จึงไม่คิดจะสนใจอย่างอื่น

แต่ตอนนี้หล่อนเพิ่งพบว่าผู้ชายคนนี้หน้าตาดีไม่เบาเลย ทั้งยังเป็นคนมีเงินด้วย

ถึงอย่างนั้นพนักงานขายหญิงคนนี้นอกจากชมเขาว่าหน้าตาดีแล้วก็ไม่ได้มีอย่างอื่นอีก เพราะหล่อนเองก็แต่งงานแล้ว หลังจากกวาดตาสำรวจเขาอยู่ครู่หนึ่ง จึงกล่าวออกไปก่อนว่า “อันที่จริงพวกเราทางฝั่งนี้ก็ไม่ได้ซื้อขายของท้องถิ่นพวกนี้หรอก ของเหล่านี้ลุงของฉันบอกให้ช่วยรับไว้ ส่วนป้ายชื่อซื้อขายของนั่น ลุงของฉันก็เป็นคนให้ฉันแขวนไว้น่ะ”

“ฉันเองก็สงสัยอยู่พอดี ว่าในห้างสรรพสินค้าใหญ่ ๆ แบบนี้ยังมีไข่ไก่ขายด้วย?” จ้าวเหวินเทากล่าว “ลุงของเธอทำอาชีพอะไรเหรอ?”

“ลุงของฉันมีแผงลอยอยู่ตรงตลาดขายผัก” พนักงานขายหญิงมองเขาพลางกล่าว “ดังนั้นลุงของฉันก็เลยต้องการผลผลิตเกษตรจำนวนมาก ฉันที่อยู่ทางนี้หลัก ๆ คือเก็บของไว้ ส่วนที่ขายมีปริมาณน้อย”

คนบ้านนอกที่อยู่ในชนบทจำนวนไม่น้อยจะมาหาประสบการณ์ทางฝั่งนี้ ดังนั้นลุงของหล่อนจึงบอกให้แขวนป้ายไว้ที่นี่ ระหว่างนั้นก็ย้ายของส่วนหนึ่งเข้ามา เพื่อดูว่าจะมีคนมาซื้อขายหรือไม่

แต่ละเดือนพนักงานขายหญิงที่เป็นหลานสาวคนนี้ก็จะได้เงินค่าเหนื่อยหนึ่งหยวน ไม่เช่นนั้นหล่อนก็คงไม่ทำหรอก

“แบบนี้นี่เอง” จ้าวเหวินเทาพยักหน้า

“จากคำพูดพี่ชายที่ได้ยินเมื่อกี้ก็คือ พี่ชายมีของเหรอ?” พนักงานขายหญิงมองเขา

“ใช่ ฉันมี” จ้าวเหวินเทาพยักหน้า

“เป็นของจากตำบลไหน?” พนักงานขายหญิงกล่าว

“ฉันอยู่แถวๆ หมู่บ้านซานถุนน่ะ ทางฝั่งนั้นของพวกเรามีทุกอย่างเลย มีทั้งของจากภูเขากับแม่น้ำ ไม่ได้ขาดแคลนอะไร ทางฝั่งนี้ขาดแคลนอะไรบ้างล่ะ?” จ้าวเหวินเทากล่าวด้วยรอยยิ้ม

พนักงานขายหญิงคิดอย่างจริงจังอยู่ครู่หนึ่ง “ไก่ เป็ดแล้วก็ปลาขายออกไปได้เร็วมาก ถ้าพี่ชายมีจำนวนเท่าไรลุงของฉันก็รับไว้เท่านั้น นอกจากของพวกนี้ก็ยังมีผลไม้ป่า ผักป่า สัตว์ป่าที่อยู่บนเขาด้วย ของพวกนี้ก็เป็นที่นิยมมากเหมือนกัน”

“กระต่ายล่ะ?” จ้าวเหวินเทาถาม

“กระต่ายก็ได้เหมือนกัน เป็นกระต่ายป่าเหรอ?” พนักงานขายหญิงเอ่ยถาม

“เปล่า เป็นกระต่ายเลี้ยงในบ้านน่ะ” จ้าวเหวินเทาส่ายหน้า

“ก็ได้นะ เนื้อกระต่ายบ้านก็ไม่เลว” พนักงานขายหญิงพยักหน้า

จ้าวเหวินเทาก็ไม่ได้พูดอะไรต่อจากนั้น

กระต่ายในอำเภอมีจำนวนไม่พอต่อความต้องการ แล้วในตลาดจะมีเหลือได้อย่างไรกัน ที่เขาลองถาม ๆ ดู ก็เพราะอยากเข้าใจตลาดกระต่ายสักหน่อย เขากำลังวางแผนขยายพันธุ์กระต่ายอยู่ ก่อนที่จะขยายพันธุ์ให้มากขึ้นก็ต้องเข้าใจตลาดก่อน

“มาครั้งหน้า ฉันจะเอากระต่ายอ้วน ๆ มาให้เธอตัวหนึ่งนะ” ก่อนที่จ้าวเหวินเทาจะกลับไปเขาก็พูดกับหล่อนไว้

พนักงานขายหญิงพูดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม “เดินทางกลับดี ๆ นะพี่ชาย ครั้งหน้าถ้าเอาของมาที่นี่ ฉันจะพาพี่ชายไปเจอลุงของฉัน!”

จะมีครั้งหน้าหรือเปล่าค่อยว่ากัน ถึงอย่างไรจ้าวเหวินเทาก็ได้ข้อมูลที่เขาต้องการแล้ว

หากเขาต้องขนของเข้าจังหวัดในเวลานี้ ก็ต้องนำเนื้อเข้ามา ไม่เช่นนั้นก็ต้องเอาของป่าเข้ามา นอกจากของทั้งสองอย่างนี้แล้ว พวกหัวไชเท้า ผักกาดขาวอะไรพวกนั้นก็ขายได้ราคาไม่ดีเท่าไรนัก

หลังจากเดินเล่นอยู่ในร้านค้าครู่หนึ่ง เขาก็ซื้อผ้าให้ภรรยาสองผืน ผืนหนึ่งเป็นลายดอกไม้ ส่วนอีกผืนเป็นผ้าสีเขียวมินต์ เขาคิดว่าถ้าภรรยานำไปทำเป็นชุดต้องดูดีมากแน่ ๆ

หลังจากออกมาจากห้างสรรพสินค้าได้ก็เป็นเวลาเย็นแล้ว

ฤดูร้อนจะมีกลางวันยาวนาน ตอนนี้จึงยังเหลือเวลาอยู่ แถมอากาศก็ไม่ร้อน เป็นเวลาที่ดีในการเดินเที่ยวเตร็ดเตร่ จ้าวเหวินเทาจึงเดินลัดเลาะไปตามถนน

ถึงอย่างไรก็แตกต่างจากในอำเภอ ผู้คนเดินผ่านไปผ่านมา รถคันเล็กเบียดเสียดมีของกินให้เลือกหลากหลาย คึกคักเป็นอย่างมาก

ปกติเมื่อมาที่จังหวัดก็จะต้องรีบไปรีบกลับ ไม่มีเวลาได้ออกมาเดินดู วันนี้ถือเป็นโอกาสดีที่หาได้ยาก

ตอนที่กำลังเดินดูอย่างจริงจังอยู่นั้น ลานที่อยู่ด้านหน้าก็เกิดเสียงฆ้องและกลองดังขึ้น

จ้าวเหวินเทาเห็นคนกลุ่มหนึ่งหยุดยืนดู เขาจึงชะโงกหน้าไปดูด้วย ถึงอย่างไรก็เป็นการดูความครึกครื้น นี่เป็นลักษณะทั่วไปของวัยรุ่นในชนบทอย่างเขา

คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นละครลิง

ชายปากแหลมร่างผอมราวกับเสาไม้ไผ่คนหนึ่งกำลังจูงลิงตัวน้อยผอมกะหร่องหนึ่งตัว เขากำลังเคาะฆ้องเพื่อให้ลิงน้อยตีลังกา

“หากไม่มีเงินก็เชิญชมยืนปรบมือในฐานะผู้ชม หากมีเงินก็ช่วยสนับสนุนการแสดงสักหน่อย ออกจากบ้านมาข้างนอกไม่ง่ายเลย ได้โปรดลุงป้าน้าอาพ่อแม่พี่น้องช่วยดูแลเยอะ ๆ นะครับ!” ชายร่างบางให้ลิงแสดงครู่หนึ่ง ก็เริ่มบอกให้ลิงน้อยถือถาดน้ำชาเพื่อขอเงิน

เพียงแต่ในยุคนี้เป็นยุคที่ทุกคนเพิ่งจะได้กินอิ่มท้องกันไม่นาน จะไปมีเงินสำรองไว้ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายได้อย่างไร?

ดังนั้นจึงมีคนจำนวนมากที่เดินหันหลังให้เมื่อเห็นว่าจะมาขอเงิน

ลิงน้อยถูกลากให้เดินหนึ่งรอบแต่ก็ได้เงินมาแค่ไม่กี่เฟินเท่านั้น น้อยนิดจนน่าเวทนา

จ้าวเหวินเทายืนอยู่รอบนอก บนคอของลิงน้อยถูกมัดด้วยเชือก ยังมาไม่ถึงจุดที่เขาที่ยืนทางนี้ก็ถูกลากกลับไปแล้ว

ชายร่างผอมเหมือนไม้ไผ่เห็นว่าลิงได้เงินมาแค่นี้ สีหน้าย่อมดูไม่สู้ดี

เขาไม่กล้าจู่โจมคนอื่น จึงระบายโทสะลงกับลิงน้อยแทน มือหนึ่งยกแส้เส้นบางขึ้นและเริ่มฟาดเข้าที่หน้าของมัน ทำเอาลิงน้อยที่ถูกฟาดส่งเสียงร้องออกมา

ระหว่างที่ฟาดก็ด่าไปพลาง “ไอ้ของไร้ประโยชน์ ได้เงินมาแค่นี้จะเลี้ยงแกไว้ทำซากอะไร เลี้ยงให้เปลืองข้าวเปลืองน้ำ ไอ้สวะ ตีให้ตายก็สิ้นเรื่อง!”

จ้าวเหวินเทามองดูลิงน้อยที่นอนร้องครวญครางตัวนั้นก็ไม่อาจทนดูพฤติกรรมของชายร่างบางได้ จึงรีบเข้ามาห้าม “นายทำอะไรเนี่ย ไม่ได้เงินก็เป็นเพราะตัวเองไม่มีความสามารถเอง ไปตีลิงทำไม?”

“แกเป็นใครวะ เกี่ยวอะไรกับแกไม่ทราบ!” ชายร่างบางเหลือบมองเขาปราดหนึ่ง ก่อนทำท่าจะตีต่อ

จ้าวเหวินเทายื่นมือออกไปจับมือของเขาไว้ “นายไม่ต้องสนใจหรอกว่าฉันเป็นใคร แต่นายตีมันไม่ได้!”

ชายร่างบางเพิ่งจะทำท่าอ้าปากด่า แต่เมื่อเห็นสายตาดุร้ายของจ้าวเหวินเทา เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่คนที่จะไปยุ่งได้ จึงเกิดความขลาดกลัวในทันใด แต่น้ำเสียงยังคงห้วนอยู่ “…ฉันตีลิงของฉัน ไม่ได้ไปตีลิงของนายสักหน่อย!”

จ้าวเหวินเทามองลิงน้อยที่อยู่ในสภาพผอมบางตัวนั้น บนร่างกายของมันเต็มไปด้วยบาดแผล จึงพูดอย่างเวทนาว่า “นายไม่ได้ตีลิงของฉัน แต่นายกำลังทำบาป ฉันก็แค่ทนดูไม่ได้แล้วจะทำไม? นายตีมันแบบนี้ ทำให้เด็ก ๆ ตกใจจะทำยังไง? นายดูสิ บนถนนเส้นนี้มีเด็กตั้งกี่คน?”

คนอื่น ๆ ที่อยู่รอบ ๆ ก็เอ่ยปากพูด บอกว่าไม่ควรใช้วิธีที่โหดร้ายกับลิงน้อยแบบนี้

ชายร่างผอมนึกขุ่นเคืองอยู่ในใจ แต่เป็นเพราะกลัวจ้าวเหวินเทา ปากจึงพูดว่า ‘ฉันรู้แล้ว ๆ’ แบบคลุมเครือ ก่อนจะไปเก็บข้าวของ

จ้าวเหวินเทาก็ไม่ได้พูดอะไรอีก จากนั้นจึงหมุนตัวเดินออกมา

ใครจะไปคิดว่าลิงน้อยตัวนั้นกลับพุ่งเข้ามาเรียกจ้าวเหวินเทา จ้าวเหวินเทาหันไปมองมัน ก่อนจะโยนลูกกวาดจากในกระเป๋าให้ลิงน้อยตัวนั้นไปสองเม็ด

เหตุการณ์ที่เกิดกับลิงน้อยทำให้จ้าวเหวินเทาไม่ได้เดินเที่ยวต่อ เขากลับไปที่รถเพื่อขับไปยังที่พักขนาดเล็กบริเวณใกล้ ๆ จากนั้นก็จ่ายเงินเพื่อพักหนึ่งคืน

วันรุ่งขึ้นเขาก็ขับรถกลับบ้านตั้งแต่เช้าตรู่ ตอนที่มาถึงบ้านก็เป็นเวลาเกือบบ่ายแล้ว จ้าวเหวินเทาขับรถเข้ามาในลานบ้าน จากนั้นก็ส่งเสียงเรียก “ภรรยา ผมกลับมาแล้ว!”

“เจี๊ยก ๆ!”

ทว่าเสียงตอบรับกลับไม่ใช่เสียงของมนุษย์

จ้าวเหวินเทาหันกลับไปมอง ก็พบว่ามีหัวลิงโผล่ออกมาจากด้านในสินค้าที่อยู่หลังรถของเขา!

………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

ลิงน่าสงสาร โดนบังคับทำงานหนักมาก พอไม่ได้ดั่งใจก็โดนฟาด คงเป็นบุญของน้องที่จะได้เจ้าของใหม่ กับเป็นบุญของเหวินเทาที่จะได้ผู้ช่วยแล้วล่ะค่ะ

ไหหม่า(海馬)