เมื่อเห็นว่ากู้ชูหน่วนเริ่มโกรธ เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ก็ร้องโวยวายแล้วปีนออกนอกหน้าต่างไปอย่างรวดเร็ว ไม่เหลือให้เห็นแม้แต่เงา

เจ้าหมอนี่ปีนเร็วยิ่งกว่าบินเสียอีก

กู้ชูหน่วนลุกขึ้นและจับชีพจรของเขาอีกครั้ง จากนั้นจึงตรวจดูต้นขาที่แข็งทื่อทั้งสองข้างแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “ท่านอยากรักษาขาให้หายดีหรือไม่”

“เจ้ามีวิธีงั้นหรือ” ดวงตาของเยี่ยจิ่งหานเป็นประกาย ลมหายใจของเขากระชั้นถี่ขึ้นเล็กน้อย

“ไม่แน่ใจ แต่ยังพอมีโอกาส ทว่าก็มีความเสี่ยงเหมือนกัน”

“ความเสี่ยงอะไร”

“มีทางเลือกอยู่สองทาง ตอนนี้มีพิษสองชนิดในร่างกายของท่าน และมันยับยั้งซึ่งกันและกัน ข้าแก้พิษของท่านได้หนึ่งชนิด ส่วนอีกชนิดหนึ่งจะต้องรอไปก่อน แต่เกรงว่านั่นจะทำให้ขาของท่านลุกขึ้นมาอีกได้ยาก ยังมีอีกทางเลือกหนึ่งคือทำให้ขาทั้งสองข้างของท่านใช้การได้ ส่วนพิษทั้งสองชนิดในร่างกายของท่าน ข้าจะลองหาโอกาสแก้ดูอีกที ต้องดูว่าท่านจะเลือกอย่างไหน แต่ไม่ว่าจะเป็นทางเลือกไหนก็มีโอกาสล้มเหลวทั้งนั้น และผลของการล้มเหลวอาจคร่าชีวิตของท่านได้”

“แล้วพิษที่เจ้าช่วยข้าขับออกมาก่อนหน้านี้ล่ะ” ขับออกไปทั้งหมดแล้วหรือ

“พิษที่ช่วยขับไปก่อนหน้านี้คือพิษที่เริ่มเป็นพิษกับร่างกายของท่าน แต่มีพิษตกค้างมากเกินไป ยากที่จะขับออกให้หมดด้วยวิธีเดิม แน่นอนว่าถ้าท่านไม่ยืนกรานว่าจะขับพิษออกจากร่างกาย เราจะขับพิษทั้งหมดออกในคราวเดียวไม่ได้ ทั้งสองอย่างนี้สำคัญมาก”

เดิมทีการจะแก้พิษให้เขาต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งปี

แต่เมื่อไปที่ภูเขาสวินหลงคราวนี้ นางค้นพบสมุนไพรล้ำค่ามากมาย เมื่อมีสมุนไพรเหล่านี้นางอาจมีโอกาสได้ลองใช้ดู

เยี่ยจิ่งหานเป็นคนแข็งนอกอ่อนใน และเขาก็ดูแลนางเป็นอย่างดี ทั้งยังไปช่วยนางฆ่าผู้นำกองธงกล้วยไม้ ดังนั้นนางควรจะช่วยเขา

เยี่ยจิ่งหานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ข้าเลือกทางเลือกที่สอง”

เขาเชื่อว่าด้วยทักษะทางการแพทย์ของกู้ชูหน่วน พิษในร่างกายของเขาจะต้องรักษาหายอย่างแน่นอน เพียงแต่ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้นว่าจะช้าหรือเร็ว

ทุกวันนี้อาการของเขาดีขึ้นมากหลังจากใช้วิธีการรักษาของนาง และเขาก็ไม่เจ็บปวดเหมือนเดิมอีกแล้วเวลาที่พิษกำเริบ

“ลืมบอกไปว่าระหว่างการรักษา ท่านจะสูญเสียกำลังภายในทั้งหมดชั่วคราว จะอ่อนแอไร้เรี่ยวแรงยิ่งกว่าคนที่เจ็บป่วยหนักไประยะหนึ่ง”

สีหน้าของเยี่ยจิ่งหานมืดมนลงทันที

ผู้หญิงคนนี้จงใจทำให้เขาลำบากหรือเปล่า?

“ไม่ได้ ไม่ว่าอย่างไรวรยุทธ์ของข้าจะต้องไม่สูญหาย ต่อให้จะเป็นเพียงชั่วคราวก็ตาม”

“กำลังภายในของท่านจะปฏิเสธการทำงานของยา นอกจากนี้ยังขัดขวางการขับสารพิษ ท่านเลือกเองเถอะ ถ้าอยากยืนได้ ท่านจำเป็นต้องสูญเสียวรยุทธ์ไปชั่วคราว”

คิ้วคมเข้มของเยี่ยจิ่งหานขมวดมุ่นเหมือนเทือกเขาที่อยู่แสนไกล “ชั่วคราวคือนานแค่ไหน”

“ประมาณสามถึงเจ็ดวัน”

“สามถึงเจ็ดวัน นี่น่ะหรือที่เรียกว่าชั่วคราว” เยี่ยจิ่งหานเอ่ยลอดไรฟันและอยากจะบีบคอนางเสียเดี๋ยวนี้

เผ่าเพลิงฟ้าเฝ้าดูการเคลื่อนไหวทุกอย่างของเขา คอยจับจ้องราวกับเสือที่รอตะครุบเหยื่อ

ถ้าคนของเผ่าเพลิงฟ้ารู้ว่าเขาจะสูญเสียกำลังภายในไปสามวันเจ็ดวัน พวกนั้นจะไม่ฉวยโอกาสนี้ทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่เขามีหรอกหรือ

นอกจากนี้ยังมีรัฐเยี่ยที่ต้องดูแล ผู้มีอิทธิพลจำนวนมากคอยจับจ้องมาที่รัฐเยี่ย ถ้าไม่มีเขา เขาเกรงว่ารัฐเยี่ยอาจจะพบกับวิกฤตของการสูญเสียเอกราชก็ได้

“มีวิธีรักษากำลังภายในของข้าและรักษาขาทั้งสองข้างไปพร้อมๆ กันหรือไม่”

“ไม่มี”

แค่รักษาชีวิตเขาได้ก็นับว่าดีมากแล้ว ไหนจะยังต้องรักษาขาของเขาอีก

แล้วก็ไม่ดูบ้างเลยว่าพิษที่เขาได้รับมาเป็นพิษชนิดใด ได้รับมานานแค่ไหนแล้ว

ใบหน้าที่หล่อเหลาของเยี่ยจิ่งหานเต็มไปด้วยความตึงเครียด

กู้ชูหน่วนไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไร ดังนั้นจึงได้แต่รอฟังคำตอบของเขาอยู่เงียบๆ

สิ่งที่นางทำได้คือการพยายามทุกวิถีทางเพื่อรักษาขาของเขา รักษาชีวิตของเขา จากนั้นจึงค่อยหาทางขับพิษในร่างกาย

“มีโอกาสทำสำเร็จมากแค่ไหน”

“สองในสิบ”

ชิงเฟิงกับเจี้ยงเสวี่ยที่อยู่ด้านนอกโกรธจนหน้าดำหน้าแดง

สองในสิบ?

โอกาสที่จะทำสำเร็จต่ำเกินไป

มีโอกาสทำสำเร็จเพียงสองในสิบเท่านั้น

หากล้มเหลวก็เท่ากับว่านายท่านต้องปลิดชีพตัวเอง

นายท่านไม่ได้โง่ขนาดจะเชื่อนาง ก่อนหน้านี้นายท่านต้องเดือดร้อนเพราะนางมามากแล้ว

“ตกลง แค่สองในสิบก็เพียงพอแล้ว แล้วจะเริ่มเมื่อใด” อย่างน้อยก็มีโอกาสมากกว่าเดิมหนึ่งในสิบ

วะ…

ว่าไงนะ…