บทที่ 32 ปลาดุกอุยบนฝ่ามือ

บุหลันเคียงรัก

ดูแล้วนางน่าจะยังหาพวกเขาไม่พบ แต่แค่ส่งเสียงมาทำให้พวกเขากลัวมากกว่า 

 

 

ฝูชางค่อยๆ ขยับ แล้วเงยหน้ามองขึ้นไปบนฟ้าที่มืดมิด เวลาของโลกมนุษย์ผ่านไปเร็วกว่าที่แดนเทพมาก ตอนนี้ใกล้จะดึกสงัด คิดว่ากู่ถิงน่าจะถึงบินไปถึงประตูสวรรค์ทิศใต้ เกรงว่าคงต้องอดทนไปอีกหนึ่งวันหนึ่งคืนถึงจะมีคนมาช่วย 

 

 

ฝูชางวางฝ่ามือไปที่พื้นดินชื้นนุ่มนิ่ม ร่างทั้งร่างค่อยๆ มุดดำลงไปลึกถึงร้อยจั้งจึงหยุด 

 

 

เสวียนอี่ที่ถูกเขาจับเอาไว้กลับดิ้นขยุกขยิกอย่างแรง เขายกนางขึ้น ฉับพลันก็ได้กลิ่นหอมจางๆ ของเลือดเทพลอยมา ฝูชางใจสั่นไปแล้วรีบจับน่องของนาง เขารู้สึกได้ถึงความเปียกชื้น บาดแผลของนางปริอีกแล้ว 

 

 

เขาฉีกแขนเสื้อออกมาแล้วรัดที่บาดแผลของนาง ในความมืด ได้ยินเพียงเสียงของเสวียนอี่หอบหายใจดังอยู่ใกล้ๆ ร่างของนางสั่นสะท้านน้อยๆ  

 

 

คิดไม่ถึงเลยว่าการมาครั้งนี้จะทำให้นางต้องลำบากขนาดนี้ ฝูชางใช้ปลายนิ้วลูบคลำใบหน้าของนางช้าๆ บนผิวหน้านุ่มและเย็นของนางเต็มไปด้วยเหงื่อ เดิมคิดว่าองค์หญิงตระกูลจู๋อินจะต้องเก่งกาจห้าวหาญเชี่ยวชาญต่อสู้ หรืออย่างน้อยๆ ก็ต้องพอมีฝีมือบ้าง แต่ใครจะรู้ว่านางกลับไม่มีฝีมือเลย  

 

 

เขานึกเสียใจขึ้นมา 

 

 

“อดทนหน่อย” 

 

 

เขาเกี่ยวหัวเข่าของนางไว้ ให้นางขดตัวได้สบายยิ่งขึ้น นางกลับอ้าปากแล้วกัดนิ้วมือของเขาอย่างแรงอย่างไม่ปรานี หากว่าออกแรงอีกนิดนิ้วมือเขาคงได้ขาดแน่ 

 

 

นางบาดเจ็บ เขาเองก็อย่าคิดว่าจะผ่านไปด้วยดีได้เลย! เสวียนอี่กัดนิ้วมือของเขาราวกับอยากจะเคี้ยวให้ละเอียดมิปาน 

 

 

เขาเองก็ใจเด็ด กลับไม่พูดอะไรและยอมให้นางกัด เขาเพียงดึงเสื้อคลุมที่ห่อนางอยู่ให้กระชับขึ้น อีกมือก็กดศีรษะนางไว้ ผ่านไปครู่ใหญ่ถึงได้กล่าวเสียงต่ำว่า “ระบายอารมณ์หมดหรือยัง” 

 

 

รออยู่นาน นางยังคงงับนิ้วหัวแม่มือที่น่าสงสารของเขาอยู่อย่างแรง ในที่สุดฝูชางก็หมดความอดทน เขาใช้นิ้วดีดที่ฟันของนางเบาๆ เพื่อบังคับให้นางอ้าปากปล่อยนิ้วเขาออกมา 

 

 

เจ้าคนป่าเถื่อนที่น่ารังเกียจ! เสวียนอี่ข่มโทสะลงไป แล้วเบนหน้าไปอีกทางพร้อมกับนิ่งเงียบต่อไป 

 

 

เสียงของปีศาจปลาดุกดังมาจากที่ไกลๆ จากความสามารถของนาง อีกไม่เกินหนึ่งเค่อจะต้องหาที่ที่พวกเขาซ่อนตัวพบแน่ ฝูชางใช้วิชาดำดินดำลึกลงไปอีกหลายพันลี้ จนกระทั่งไม่ได้ยินเสียงร้องของนาง 

 

 

ใต้ดินมีเผ่าปีศาจเล็กๆ สัญจรผ่านไปมา เมื่อพบกับเทพทั้งสองต่างก็พากันหนีเตลิด ฝูชางไม่อยากอยู่ที่นี่นานจึงหนีไปอีกพันลี้ ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าเหนือศีรษะมีอากาศสดชื่นไหลเข้ามา เขาจึงกระโดดขึ้นมาจากดินแล้วมองไปทั่ว ก็พบว่าที่นี่คล้ายกับเมืองหลวงของโลกมนุษย์ รอบด้านเต็มไปด้วยตึกรามบ้านช่องเป็นระเบียบ เพราะว่ายังเช้าอยู่มาก คนบนถนนจึงไม่มากนัก มีลมพัดมาพร้อมกับกลิ่นหอมของธูปลอยมาตามลมจากทางตะวันออก อีกทั้งอากาศสดชื่นที่ไหลมา ก็มาจากทางด้านตะวันออกด้วยเช่นกัน 

 

 

มีกลิ่นธูปก็หมายความว่ามีอารามหรือศาลเจ้าอยู่ องค์หญิงมังกรได้รับบาดเจ็บ พลังเทพล้นออกมาข้างนอก หากว่ามีอากาศบริสุทธิ์มาปกปิดไว้ได้ก็จะดีมาก และจะได้ไม่ต้องหนีไปทั่วทั้งๆ ที่ยังบาดเจ็บอย่างนี้ 

 

 

ฝูชางมุ่งไปทางทิศตะวันออกอย่างรวดเร็ว แล้วเขาก็ไม่เจอกับศาลเจ้าเทพบูรพาสีทองอร่ามและเต็มไปด้วยควันธูป ฟ้ายังไม่ทันจะสว่างก็มีคนเข้ามาจุดธูปคารวะขอพรกันที่นี่อย่างไม่ขาดสายแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าหนีมาตั้งนานกลับหนีมายังที่ของตัวเองเสียได้…เขารู้สึกขบขันขึ้นมา แอบเดินทะลุผ่านผู้คนแน่นขนัดจนหลุดออกมาทางด้านหลังของศาลเจ้าเทพบูรพาที่เต็มไปด้วยอากาศบริสุทธิ์ 

 

 

ที่นี่ปลูกต้นท้อขนาดสิบคนโอบเอาไว้ต้นหนึ่ง อากาศบริสุทธิ์แผ่ออกมาจากมัน หากว่านานเข้า ก็อาจจะสามารถกลายเป็นเทพเจ้าที่ได้ คนธรรมดาเองก็เหมือนกับจะรับรู้ได้ถึงความอัศจรรย์ของมัน จึงได้ใช้ไม้หยกขาวล้อมมันเอาไว้ ทั้งยังใช้ผ้าแพรสีแดผูกเอาไว้ และมีคนสี่คนคอยเฝ้าเอาไว้อยู่ 

 

 

ดูแล้ว ศาลเทพบูรพาแห่งนี้ หากจะพูดว่าเซ่นไหว้คารวะให้ท่านพ่อของเขา มิสู้พูดว่าพลังอธิษฐานทั้งหมดถูกต้นท้อประหลาดต้นนี้ดูดเข้าไปหมดแล้ว มิน่าเล่ากลิ่นธูปถึงได้แรงมากเช่นนี้ 

 

 

ฝูชางอุ้มเสวียนอี่นั่งลงใต้ต้นไม้ นางนิ่งเงียบราวกับท่อนไม้มาตั้งแต่เมื่อครู่นี้แล้ว ทั้งไม่พูดและไม่ขยับตัว เขาชักกังวลขึ้นมา รีบดึงเสื้อคลุมที่ห่อนางเอาไว้ออก ก็เห็นว่านางปิดตาสนิท หน้าของนางซุกอยู่กับเสื้อคลุมและเหมือนกับจะหลับไป 

 

 

ถูกปีศาจปลาดุกไล่ฆ่า และยังบาดเจ็บหนักอีก นางกลับยังหลับได้ลง?  

 

 

ฝูชางเกิดสังหรณ์ใจไม่ดีขึ้นมา เขาค่อยๆ แหวกช่วงล่างของชุดนางออก จึงเห็นว่าชายกระโปรงและเสื้อคลุมของเขาชุ่มโชกไปด้วยเลือดเทพ พลังของปีศาจปลาดุกรุนแรงขนาดนี้เชียวหรือ?  

 

 

เขาส่งพลังเทพเข้าไปตรวจดูบาดแผล แต่ใครจะรู้ว่าพอสัมผัสถูกผิวกายนางเข้าก็พลันสลายไปหมด ไม่ได้การแล้ว ตระกูลจู๋อินต้านพลังทุกอย่างได้ เวทต่างๆ ทำร้ายพวกเขาไม่ได้ ก็ไม่สามารถช่วยพวกเขาได้เช่นกัน 

 

 

น้ำค้างบนหญ้าเริ่มจับตัวเป็นน้ำแข็ง เมื่อตระกูลจู๋อินได้รับบาดเจ็บก็จะควบคุมพลังเทพไม่ใด้ไหลออกไปไม่ได้ เสื้อคลุมของเขาเก็บพลังเทพที่นางแผ่ออกมาไม่ได้แล้ว และเมื่อรู้สึกได้ถึงพลังหยิน ใบไม้จากต้นท้อพลันร่วงโรยลงมา และคนธรรมดาทั้งสี่ที่เฝ้าอยู่ด้านนอกรั้วหยกขาวต่างสั่นเทิ้มด้วยความหนาวเหน็บอย่างห้ามไม่อยู่  

 

 

มีคนหนึ่งตะคอกออกมาราวกับเรียกความกล้าว่า “เกิดอะไรขึ้น?! “ 

 

 

เสียงนี้ดังมาก เสวียนอี่ที่หมดสติอยู่ขมวดคิ้วขึ้นมา ฝูชางเป่าลมออกไป ทำให้ง้าวยาวในมือทั้งสี่คนหลุดออก และทำให้พวกเขาตกใจจนร้องเสียงหลงวิ่งหนีไป 

 

 

คราวนี้จะทำอย่างไรดี ฝูชางกอดนางเอาไว้แล้วนั่งลงใต้ต้นไม้ ได้ยินเสียงหายใจแผ่วเบาของนาง เห็นใบท้อและน้ำค้างแข็งที่ตกลงมาจากฟ้า ในใจก็รู้สึกบอกไม่ถูกขึ้นมา 

 

 

องค์หญิงมังกรในอ้อมอกหนักขึ้นและเย็นขึ้นเรื่อยๆ ราวกับเขากำลังกอดก้อนน้ำแข็งหมื่นปีเอาไว้ ได้ยินเพียงเสียงดัง “ปุ๊” เสื้อคลุมของเขาพลันคลายออก จากนั้นมือทั้งสองก็หนักอึ้ง แล้วมังกรยาวหลายจ้างสีดำสนิทตัวหนึ่งก็ร่วงลงมาบนร่างของเขา 

 

 

ฝูชางตกใจมาก ยังไม่ทันพินิจมองให้ดี ก็รู้สึกว่ามังกรในอกของเขาดิ้นขลุกขลักไปมา แรงดิ้นคล้ายกับน้อยลงเรื่อยๆ สุดท้ายก็กลายเป็นปลาดุกอุยตัวน้อยสีดำหางยาวครึ่งฉื่อตัวหนึ่งขดตัวอยู่ในอ้อมอกของเขา 

 

 

นี่คือ…เทพมังกรจู๋อิน?! ฝูชางตะลึงลาน นึกไม่ถึงว่านางจะกลับคืนสู่ร่างมังกร!  

 

 

ตระกูลเทพมังกรจู๋อินในตำนานแต่ละตัวต่างสามารถกลืนกินได้ทั้งสุริยันและจันทรา องอาจกล้าหาญเป็นหนึ่งไม่มีสอง ใครจะรู้ว่านางจะตัวเล็กและบอบบางขนาดนี้ เกล็ดบนร่างยังขึ้นไม่หมด เกล็ดที่หลังของนางขึ้นเรียงกันแน่นขนัด ทว่าที่ท้องกลับมีเป็นหย่อมๆ ที่เท้าทั้งสี่ไม่มีเกล็ดเลยแม้แต่น้อย ที่ขาหลังด้านขวายังชุ่มโชกไปด้วยเลือด บาดแผลดูค่อนข้างลึก 

 

 

มิน่าเล่านางถึงได้บาดเจ็บหนักขนาดนี้ ที่แท้เกล็ดที่ขาของนางก็ยังไม่ขึ้น ฝูชางฉีกแขนเสื้ออีกด้านออกมาแล้วรัดขาข้างขวาของนางเอาไว้แน่น 

 

 

ปลาดุกอุยตัวน้อยบนฝ่ามือของเขาพลันเงยหน้ามองมาที่เขาอย่างอ่อนล้า ดวงตาคู่น้อยของนางจ้องมาที่เขาด้วยความโมโหและเย่อหยิ่งถือดี นางอ้าปากแล้วงับลงมาที่นิ้วกลางของเขาเต็มแรงอยู่นาน 

 

 

ฝูชางใช้นิ้วหนึ่งกดไปที่ศีรษะของนางเบาๆ แล้วกล่าวเสียงต่ำว่า “อย่างอแงสิ เจ้าได้รับบาดเจ็บหนักมาก” 

 

 

นางยังคงไม่ยอมปล่อยและกัดอยู่อีกนาน สุดท้ายก็หมดแรงหลับใหลไป ฟันเล็กของนางยังคงกัดอยู่ที่นิ้วของเขาจนมีเลือดซึมออกมาเล็กๆ  

 

 

ฝูชางจับหัวของนางเอาไว้แล้วปิดปากให้นาง ปลายนิ้วก็ปัดไปถูกหัวเกลี้ยงเป็นมันเงาของนาง รู้สึกว่ามีอะไรเล็กๆ ขนาดเท่าเมล็ดข้าวสารนูนออกมาสองอัน เขาอดไม่ได้ใช้ฝ่ามือจับและพิจารณาดู ที่แท้ที่หัวของนางมีเขามังกรเล็กๆ ขนาดเท่าเมล็ดข้าวสารอยู่สองอัน หากไม่มองให้ดีก็จะมองไม่เห็น  

 

 

เขาอดไม่ได้ใช้นิ้วหัวแม่มือลูบไล้เขามังกรเล็กๆ สองอันนั้นเบาๆ รู้สึกดีจริงๆ  

 

 

นางละเมอจิ๊ปากออกมาเบาๆ เทพมังกรจู๋อินร้องขึ้นมาแล้วก็เหมือนหนูเล็กๆ ตัวหนึ่ง 

 

 

ฝูชางทำอะไรไม่ถูกขึ้นมา ทั้งยังรู้สึกขบขันอยู่บ้างอีกด้วย 

 

 

พลังเทพที่ไหลออกมาจากร่างเพราะบาดเจ็บหยุดไหลแล้ว ร่างมังกรแข็งแกร่งกว่าร่างมนุษย์มาก น้ำค้างแข็งบนพื้นก็ค่อยๆ ละลาย ใบท้อก็ไม่ร่วงลงมาอีก น้ำค้างยามเช้าตกมากระทบศีรษะดำวาวของนางจนเป็นประกาย เขาลูบไล้ไปช้าๆ แม้จะเย็นราวน้ำแข็ง ทว่านุ่มลื่นยิ่ง 

 

 

องค์หญิงมังกรผู้นี้ เป็นปลาดุกอุยยังน่ารักกว่าเป็นเทพสาวมากจริงๆ