บทที่ 72 ชุดขาว
เมื่อลืมตาตื่นขึ้น หญิงสาวก็สะดุ้งเฮือก ลุกขึ้นนั่งหลังตรงในพลัน ก่อนที่จะเห็นว่าตนไม่ได้อยู่ในถ้ำขนาดยักษ์นั่นอีกต่อไป
นางนั่งอยู่บนหินแบนขนาดใหญ่ก้อนหนึ่ง ห่างออกไปไม่ไกลมีชายหนุ่มผู้ชั่วร้ายที่ทำการลอบโจมตีนางนั่งอยู่ เขากำลังนั่งอยู่หน้ากองไฟ ปิ้งปลาตัวใหญ่ที่จับได้จากลำธาร
“คนบัดซบ !” หญิงสาวสบถด่าขึ้น หมายจะโจมตีเขา หากแต่ทั่วร่างกลับรู้สึกเหนื่อยอ่อน ไม่อาจคุมพลังต้นกำเนิดในร่างได้
ผงขัดพลังปราณ !
หญิงสาวทั้งประหลาดใจทั้งโกรธ
“ฟื้นแล้วหรือ ?” เมื่อได้ยินเสียง ซูเฉินหันมามองนาง จากนั้นหันกลับไปย่างปลาต่อ
“คนเลว หน้าไม่อาย สกปรก ต่ำช้า !” หญิงสาวสบถด่าเขาต่อ
“……” ซูเฉินพูดไม่ออก “เรียกข้าว่าคนเลวหรือหน้าไม่อายข้ายอมรับ แต่สกปรกกับต่ำช้าหมายความว่าอย่างไร ? ถึงเจ้าตกอยู่ในกำมือข้า แต่ข้าก็ไม่ได้ทำเรื่องอันใดไม่เหมาะไม่ควรกับเจ้า ยกเว้นป้อนผงขัดพลังปราณนะ”
หญิงสาวชุดขาวยังร้องขึ้นต่อ “หากข้าจะใช้คำที่ต่ำช้าที่สุดเรียกพวกกากเดนจากอารามนิรันดร์ก็คงไม่ผิดนัก พวกมันคือพวกคนหลอกลวง กากเดนของสังคม กลุ่มคนที่บ้าคลั่งเสียสติเพราะพ่ายแพ้ให้กับคนอื่น !”
“……ก็ได้ อย่างน้อยข้าก็มั่นใจแล้วว่าที่เจ้าโจมตีเยี่ยเม่ยเมื่อคราวก่อนเป็นเพราะนางมาจากอารามนิรันดร์ ไม่ใช่จากเหตุผลอื่น” ซูเฉินถอนใจ “แต่ข้าจำต้องขัดเจ้าเรื่องหนึ่ง อารามนิรันดร์คืออารามนิรันดร์ ส่วนข้าก็คือข้า ข้าไม่ใช่คนจากอารามนิรันดร์”
“หากไม่ใช่คนจากอารามนิรันดร์ แล้วเหตุใดจึงอยู่กับนาง ?”
ซูเฉินกลอกตา “ใครสั่งใครสอนให้เจ้ามีความคิดหยาบกระด้างเช่นนี้กัน ? เช่นนั้นหากข้าเดินอยู่กับเจ้า ข้าก็กลายเป็นคนของเจ้าไปงั้นหรือ ?”
หญิงสาวชุดขาวอ้าปากหมายจะโต้กลับแต่ไม่อาจหาคำใดเอื้อนเอ่ยออกไปได้
ผ่านไปครู่หนึ่งนางจึงเอ่ยขึ้น “เจ้าไม่ได้มาจากอารามนิรันดร์หรอกหรือ ? งั้นเหตุใดจึงช่วยนางเล่า ?”
“คำตอบซับซ้อนเล็กน้อย ข้าไม่อาจอธิบายให้จบในสองสามประโยคได้ ดังนั้นจึงยังไม่อยากอธิบายตอนนี้”
“เช่นนั้นเหตุใดจึงลอบโจมตีข้า ?” หญิงสาวไม่กดดัน นางกลับเปลี่ยนเป็นอีกคำถามแทน สถานการณ์ของนางในตอนนี้ไม่มีอำนาจแม้แต่จะถามด้วยซ้ำ
“ถามได้ถูกต้อง” ซูเฉินหัวเราะเสียงเย็น “ข้าลอบโจมตีเจ้า เป็นเพราะถึงแม้แผนของเจ้าจะดำเนินออกมาได้อย่างสวยงาม แต่ก็ลากพวกข้าเข้าไปพัวพันด้วย หากไม่มาหาเรื่องเจ้าจะให้ข้าไปหาเรื่องใคร ?”
หญิงสาวชุดขาวเข้าใจเรื่องราว หากแต่ยังมิวายสงสัย “เจ้าอยู่กลุ่มจางเซิ่งอันหรือ ? เหตุใดจึงไม่เคยเห็นเจ้าอยู่กับกลุ่มพวกเขามาก่อน ?”
“ข้าไม่ใช่คนกลุ่มเขา แต่ตอนเจ้าวางแผนลวงเจ้าบัดซบนั่น เขาก็พยายามลากพวกข้าเข้าไปด้วย”
ซูเฉินอธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้นางฟังคร่าว ๆ
หญิงสาวชุดขาวเข้าใจเรื่องราวในที่สุด “เป็นเช่นนี้นี่เอง แต่จางเซิ่งอันเป็นคนทำร้ายเจ้า ไม่ใช่ข้า เหตุใดจึงต้องมาตามลงที่ข้าด้วย ?”
“ไม่ว่าอย่างไรเรื่องนี้เจ้าก็มีส่วน หากจะพูดว่าเจ้าเป็นคนลากพวกข้าเอี่ยวไปด้วยก็คงไม่ผิดนัก ตอนนี้ข้ายังไม่รู้ว่าเพื่อน ๆ ของข้าหนีจากการโจมตีของเจ้าโคลนยักษ์ได้หรือไม่ อีกทั้งไม่รู้ว่ามีใครได้รับบาดเจ็บบ้างหรือเปล่า ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็ต้องรับผิดชอบ ในเมื่อเป็นมือมืดหลังม่านก็คงได้ประโยชน์ไปไม่น้อย……”
“เจ้าจึงคิดชิงของจากหัวขโมยหรือ ?” หญิงสาวชุดขาวตอบเสียงเย็น
ซูเฉินหัวร่อ “เจ้าจะคิดแบบนั้นก็ได้ อย่างไรข้าก็ชื่นชอบการทำเช่นนี้ที่สุด แต่กลับมาเจอเจ้าเข้าได้”
“การเจอข้านั้นต่างจากเจอคนอื่น ๆ หรือ ?” หญิงสาวชุดขาวเอ่ยเสียงเรียบ
ซูเฉินเอียงศีรษะ คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนเอ่ยตอบ “ต่าง เช่นว่า ของต่าง ๆ มากมายที่ข้าได้จากแหวนต้นกำเนิดของเจ้า อีกทั้งข้ายังรู้ว่าเหตุใดเจ้าจึงชิงชังอารามนิรันดร์มากเช่นนี้ แล้วข้าก็รู้ว่าเหตุใดเจ้าจึงเพ่งเล็งทำร้ายจางเซิ่งอัน เพราะอย่างไรตระกูลเขาก็มีประวัติยาวนาน เจ้าเลือกคนอื่นที่จัดการง่ายกว่ายังได้ เช่นคนที่ไร้สายเลือด”
เขาพูดไปก็หยิบแหวนขึ้นมา
คือแหวนต้นกำเนิดของหญิงสาวชุดขาว
หญิงสาวเห็นแล้วก็ไม่ได้โกรธเกรี้ยวอันใด
นางถูกกักตัวอยู่ อีกทั้งนางยังมีความสามารถในการปรับตัวตามสถานการณ์สูงกว่าใครอื่น
เงียบไปครู่หนึ่งนางจึงเอ่ยขึ้น “หากข้าบอกเจ้า เจ้าจะทำอย่างไร ? สังหารข้าหรือ ? เจ้าจะได้ปกปิดความสัมพันธ์ระหว่างเจ้ากับอารามนิรันดร์ได้ ?”
ครั้งนี้นางไม่ได้เรียกเขาว่ากากเดนอีก
“ขึ้นอยู่กับคำตอบของเจ้าทั้งสิ้น อ้อ ข้าจะบอกให้รู้ไว้ ข้ามีทักษะต้นกำเนิดจับคำลวง ดังนั้นหลอกข้าไปก็ไร้ประโยชน์”
หญิงสาวชุดขาวคำราม “เจ้าคิดว่าข้าวางแผนลวงพวกเขาเพื่อหาสมบัติในถ้ำนั้นงั้นหรือ ? ผิดแล้ว เจ้าคงนำสาเหตุมาปนกับผลกระทบแล้วกระมัง”
ซูเฉินชะงักค้างไป ก่อนจะเข้าใจเรื่องราวมากขึ้น “เจ้าหมายความว่าทำร้ายจางเซิ่งอันเป็นจุดประสงค์หลัก ส่วนหาสมบัติเป็นรองงั้นหรือ ?”
“ถูกต้อง” นางเอ่ยตอบ
“บอกเหตุผลมา”
หญิงสาวชุดขาวหยุดไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงตอบขึ้นน้ำเสียงไม่พอใจ “ข้ามีสหายสนิทนามว่าฉิวถัง ข้าเห็นนางเป็นน้องสาวคนหนึ่ง นางเป็นศิษย์ในสถาบันมังกรซ่อนเร้นเช่นกัน แต่ไร้สายเลือด แต่ถึงนางจะไม่ใช่คนจากตระกูลชั้นสูง นางก็มุมานะอยู่ตลอด วันหนึ่งนางบอกข้าว่านางชอบบุรุษผู้หนึ่งที่มาจากตระกูลสายเลือดชั้นสูง”
ซูเฉินนั่งฟังเงียบ ๆ
หญิงสาวชุดขาวอธิบายต่อไป น้ำเสียงสม่ำเสมอ “คนผู้นั้นคือกวนซานอิง เป็นชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่ง ข้าพยายามบอกนางว่าคนจากตระกูลสายเลือดชั้นสูงไม่มีทางแต่งงานกับสามัญชนคนธรรมดา และแนะนำให้นางล้มเลิกความคิดผิด ๆ นี้เสีย ภายนอกนางยอมตกลง แต่แท้จริงแล้วในใจนางยังคงแอบรักกวนซานอิง วันหนึ่ง จู่ ๆ นางก็จากไป ไม่บอกข้าว่าไปที่ไหน แต่เห็นท่าทางเริงร่าของนางแล้ว ข้าก็รู้ว่านางต้องออกไปพบเขาแน่”
นางหยุดพักเล็กน้อย จากนั้นเล่าต่อ “หลังจากคืนนั้นนางก็ไม่กลับมาอีก ก่อนที่ 3 วันให้หลังจะมีคนพบเศษแขนเสื้อนางที่เขาอินทรีโรย หลายคนเชื่อว่านางคงกลายเป็นเหยื่ออสูรร้ายในเขาอินทรีโรย แต่ข้ารู้ว่าเรื่องราวไม่ใช่เช่นนั้น…… ภายหลังข้าได้ยินข่าวลือว่าคนกลุ่มนั้น ว่าจางเซิ่งอันและจงติ่งชอบเล่นสนุกกับสตรี ชอบบังคับขืนใจพวกนาง ยังเคยมีเรื่องที่พวกเขาเคยทารุณพวกนางจนตาย”
น้ำเสียงหญิงสาวชุดขาวนั้นสงบนิ่งไร้อารมณ์ใด แต่วิชาจับคำลวงของซูเฉินบอกเขาว่าภายในใจนางนั้นเต็มไปด้วยไฟแค้น
ภายใต้ใบหน้าสงบนิ่งคือทะเลเพลิงพิโรธ
“พอข้าไปเผชิญหน้ากับพวกเขา เจ้าคิดว่าพวกเขาทำอย่างไร ?”
“ปฏิเสธ ?”
“ตรงกันข้าม พวกเขายอมรับ” หญิงสาวชุดขาวตอบ “กวนซานอิงยอมรับต่อหน้าข้าว่าพวกเขาขืนใจฉิวถัง และด้วยเพราะลงมือหนักเกินไปนางจึงสิ้นใจ จากนั้นก็โยนศพนางไว้ในเขาอินทรีโรยให้อสูรร้ายกินเพื่อทำลายหลักฐาน”
ซูเฉินพยักหน้า “คนกลุ่มนี้ชื่นชอบการยุแหย่ผู้อื่นนัก”
พวกมันยอมรับการกระทำกับหญิงสาวชุดขาว เพียงเพราะมั่นใจว่าอย่างไรนางก็ทำอะไรไม่ได้ ไร้หลักฐานเช่นนี้ ทำเพียงปฏิเสธไปก็สิ้นเรื่อง อีกทั้งยังมีฐานะเป็นตระกูลชั้นสูง ดังนั้นจึงไม่เกรงกลัวสิ่งใด
ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึง ‘เมตตา’ ยอมรับต่อหน้านางเพื่อยั่วยุ และสำราญใจที่เห็นนางรู้สึกว่าตนไม่อาจทำสิ่งใดได้
“เจ้าจึงคิดใช้โคลนยักษ์จัดการพวกเขา จากนั้นค่อยตามเก็บเกี่ยวผลประโยชน์สินะ ?”
“ยาศิลาวิญญาณนั้นมีราคาสูง ข้าก็ต้องหาทุนคืนบ้าง” หญิงสาวชุดขาวตอบเสียงเรียบ
ได้ยินเช่นนี้ ในใจเขาพลันเกิดความรู้สึกคุ้นเคย ราวกับได้พบคู่แฝดที่พลัดพรากจากกันมาแสนนาน
หญิงสาวผู้นี้มีความคิดที่คล้ายคลึงกับเขานัก !