บทที่ 391 หงส์ขาว
บทที่ 391 หงส์ขาว
อวี้ฮ่าวหรานปล่อยมืออย่างกะทันหัน ทำให้อีกฝ่ายที่พยายามใช้แรงขัดขืนเสียหลักเซไปข้างหลัง
ในเมื่อไม่มีที่ให้ยึดเกาะ ชายหนุ่มจึงล้มก้นจ้ำเบ้า
ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ระเบิดหัวเราะเสียงดังหลังจากเห็นภาพน่าตลก
“หัวเราะอะไรวะ!”
ชายหนุ่มสักลายจ้องเขม็งคนที่อยู่รอบ ๆ พร้อมตะโกนด่าอย่างโกรธเคือง คนเหล่านั้นไม่ต้องการมีปัญหากับเขาจึงหุบยิ้มทันที
“แก! แกกล้าแตะต้องพี่ชางเหรอ! ไอ้เลว!”
เมื่อหญิงสาวเห็นว่าแฟนหนุ่มถูกทำร้าย เธอจึงก้าวไปข้างหน้าเพื่อแก้แค้นด้วยความโมโห
แต่ในตอนนั้นเอง เสียงผู้หญิงที่ฟังดูอ่อนโยนและใจกว้างก็ดังขึ้น
“ทำอะไรกันน่ะ?”
เจ้าของเสียงคือเฉิงชิวอวี้ที่เพิ่งกลับจากการซื้อป๊อปคอร์น
ทันทีที่เธอพูดออกมา คนรอบข้างก็หันไปให้ความสนใจกับเธอทันที เพียงมองแค่แวบเดียว ชายหนุ่มที่อยู่ละแวกนั้นก็ตกตะลึงทันที!
ผู้หญิงคนนี้สวยมาก! สวยกว่าดาราซะอีก!
“เธอ…สวยจัง…โอ๊ย อย่าหยิกสิ!”
ชายคนหนึ่งอดออกปากชมไม่ได้ แต่ทันใดนั้นเขาก็ถูกแฟนสาวที่ยืนอยู่ข้าง ๆ หยิกอย่างแรง
แม้กระทั่งผู้หญิงด้วยกันยังชื่นชมใบหน้าขาวกระจ่างและสัดส่วนโค้งเว้าของเฉิงชิวอวี้ ทำให้พวกเธออดรู้สึกละอายใจไม่ได้
หงส์ขาวกับลูกเป็ดขี้เหร่เหรอ?
เป็นไปได้ด้วยเหรอ?
ตั้งแต่วินาทีที่เฉิงชิวอวี้ปรากฏตัว ผู้หญิงคนอื่นก็ถูกมองข้ามราวกับเป็นอากาศธาตุ
ตอนนี้เด็กสาวคนนั้นก็ตกตะลึงในความงามเช่นกัน เธอไม่เคยเห็นผู้หญิงที่สมบูรณ์แบบอย่างนี้มาก่อน
ฉัน…ฉันอยากสวยแบบเธอบ้าง แค่หนึ่งในสิบก็ยังดี!
“ฮึ่ม! ไอ้ขี้แพ้ กล้าดียังไงมาแตะต้องแฟนฉัน!
หากวันนี้ไม่สั่งสอนผู้ชายคนนี้ให้หลาบจำ เธอคงไม่มีกล้ามาเจอหน้าแฟนหนุ่มแน่นอน
ยังไงเธอก็เป็นผู้หญิง แต่ถึงอีกฝ่ายจะเป็นผู้ชายร่างใหญ่ เขาก็คงไม่กล้าทำร้ายเธอต่อหน้าสาธารณชนแบบนี้หรอก
โดยเฉพาะไอ้ขี้แพ้อย่างเขา
แต่ทันใดนั้นหงส์ขาวก็เดินผ่านหน้าของทุกคนไปอย่างรวดเร็ว ก่อนลงมือทำสิ่งที่น่าตกใจ
“เพี้ยะ!”
ทุกคนคาดไม่ถึงว่าหญิงสาวจะเงื้อมือขึ้นตบหน้าเด็กสาวอย่างเต็มแรง!
“เธอเป็นใคร? กล้าดียังไงถึงมารังแกแฟนฉัน?”
เด็กสาวตกตะลึงทันทีที่ถูกตบ
เธอเอามือกุมแก้มที่บวมเป่งแล้วจ้องหญิงสาวที่สวยกว่าตัวเองหลายร้อยเท่า เธอไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายกำลังพูดอะไร
แต่เฉิงชิวอวี้กัดไม่ยอมปล่อย
“ฮึ่ม เธอมีสิทธิ์อะไรไปทำร้ายเขา?”
เฉิงชิวอวี้รู้สึกโมโหเล็กน้อย เพราะในที่สุดเธอก็มีโอกาสมาดูหนังกับอวี้ฮ่าวหรานแล้ว
เธอไม่ปล่อยให้เด็กสาวคนนี้ไปง่าย ๆ แน่ หญิงสาวก้าวเท้าเข้าไปหาอีกฝ่ายสองสามก้าว ก่อนยื่นหน้าเข้าไปใกล้เด็กสาว
ยังไม่ทันที่เด็กสาวจะตอบโต้ เธอก็ออกปากถามอีกครั้ง ซึ่งน้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความโกรธ
อีกฝ่ายหน้าตาสะสวยเหมือนกับหงส์ขาว เธอจึงไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองตาผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าแม้แต่น้อย
“ฉัน…ฉัน…”
“ถ้าจะไม่ตอบก็เงียบปากไปซะ น่าสมเพชแฟนเธอนะที่ต้องทนคบกับคนที่ทั้งขี้เหร่และโง่ขนาดนี้”
เฉิงชิวอวี้แสดงสีหน้าโหดเหี้ยม ไม่แสดงความเมตตาใด ๆ
จากนั้นเฉิงชิวอวี้ก็หันหลังกลับทันที
“ฮ่าวหราน คุณเป็นยังไงบ้างคะ?
เธอรีบจับแขนของอีกฝ่ายด้วยความห่วงใยทันที เมื่อเห็นแบบนั้น หญิงสาวก็ยิ่งพูดไม่ออก
หน้าไม่อาย!
ผู้ชายคนนี้เป็นแค่ไอ้ขี้แพ้ไม่ใช่เหรอ แต่ทำไมถึงมีแฟนสวยอย่างนี้?
ไม่มีใครรู้ได้ อีกด้านหนึ่ง ตอนนี้หญิงสาวผมทองรู้สึกอับอายเกินกว่าที่สบตาคนรอบข้าง
ผู้คนที่เห็นอกเห็นใจอวี้ฮ่าวหรานต่างพากันตะลึงงันจนพูดไม่ออก
ทำไมต้องเห็นใจเขาด้วย! ฉันต้องสงสารตัวเองต่างหาก!
แต่จู่ ๆ ชายหนุ่มสักลายที่นั่งอยู่บนพื้นก็โพล่งขึ้นมา!
“ไอ้เวร! ทำไมแกถึงมีแฟนสวยขนาดนี้! ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ส่งเธอมาให้ฉันเดี๋ยวนี้!”
อวี้ฮ่าวหรานตกตะลึง…ผู้ชายคนนี้โง่มากขนาดนี้เลยเหรอ?
“ไอ้ไก่อ่อนฉันพูดกับแกอยู่นะเว้ย! อย่าคิดว่าแกจะหนีไปได้!”
แม้จะฟังดูตลก แต่ชายหนุ่มสักลายกลับเดินเข้ามาใกล้ทั้งสองคนอย่างเอาจริงเอาจัง
“ไปให้พ้น!”
อวี้ฮ่าวหรานไม่อยากเข้าไปพัวพันกับอีกฝ่าย เพียงเขาโบกมือแค่ครั้งเดียว ชายหนุ่มก็กระเด็นออกไปไกล
ชายหนุ่มไม่มีที่ยึดเกาะจึงล้มก้นกระแทกพื้นอีกครั้ง ฝูงชนทั้งตกใจทั้งตลกขบขันกับภาพตรงหน้า
ทุกคนอดกลั้นไม่ไหวอีกต่อไป พวกเขาต่างระเบิดหัวเราะเสียงดัง
ชายหนุ่มสักลายไม่เคยกลายเป็นตัวตลกแบบนี้มาก่อน เขาผุดลุกขึ้นและปรี่เข้าไปจะทำร้ายอีกฝ่ายทันที
แต่เพียงแค่อวี้ฮ่าวหรานโบกมือเบา ๆ พลังวิญญาณก็พุ่งเข้าโจมตีชายหนุ่มจนเสียท่า ตอนนี้เขาไม่กล้าเข้าไปทำร้ายอีกฝ่ายต่อไปแล้ว
“แก…ฝากไว้ก่อนเถอะ!”
ชายหนุ่มตกใจอย่างมากเมื่อรับรู้ถึงสิ่งแปลกประหลาด เขาด่าทออีกฝ่ายสองสามคำก่อนดึงแฟนสาวให้เดินตามไปอย่างรวดเร็ว
ทุกคนต่างพากันหัวเราะเมื่อเห็นเขาวิ่งหนีหางจุกตูด
เมื่อก่อนชายหนุ่มสักลายและแฟนสาวคืออันธพาลที่น่ารำคาญที่สุดในย่านนี้ แต่ตอนนี้พวกเขาคงไม่กล้าทำตัวแบบเดิมแล้วล่ะ
คราวนี้พวกเขาคงได้รับบทเรียนแล้ว
“พ่อจ๋าเก่งที่สุดเล้ย!” ถวนถวนวิ่งเข้ามาหาเขาแล้วออกปากชม
ขณะเดียวกันฝูงชนก็ต้องอึ้งไปตาม ๆ กัน…
นี่…ผู้หญิงคนนั้นเพิ่งบอกว่าเขาเป็นแฟนเธอไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงมีลูกแล้วล่ะ?
เธออายุประมาณสี่ห้าขวบแล้วมั้ง!
ท้องก่อนแต่งเหรอ? หรือสาวสวยคนนี้คบกับพ่อม่าย?
ไม่ว่าทุกคนจะคาดเดาไปต่าง ๆ นานา แต่ใบหน้าของอวี้ฮ่าวหรานก็ยังคงสงบนิ่ง เรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้ทำให้เขาโกรธแม้แต่น้อย
ภาพยนตร์ที่มีความยาวสองชั่วโมงจบลงอย่างรวดเร็ว
ตอนนี้เป็นเวลาเกือบห้าทุ่ม อวี้ฮ่าวหรานจึงขับรถไปส่งเฉิงชิวอวี้ที่คฤหาสน์
และกว่าจะถึงบ้านก็เป็นเวลาตีสองแล้ว เขาอุ้มถวนถวนที่กำลังหลับปุ๋ยอยู่ในอ้อมแขนเดินเข้าไปข้างในทันที
“พี่เขย! พี่ไปทำอะไรมา! ทำไมทิ้งให้ฉันอยู่ที่บ้านคนเดียว!”
เมื่อเปิดประตูบ้าน น้ำเสียงไม่สบอารมณ์ของหลี่หรงก็ดังขึ้น เธอนั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟา ใบหน้าของเธอบึ้งตึงด้วยความไม่พอใจ
“แค่ก แค่ก…คือว่า…”
อวี้ฮ่าวหรานกระแอมเบา ๆ ก่อนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาพูดไม่ออกและไม่กล้าบอกความจริง!
อวี้ฮ่าวหรานไม่กล้าบอกอีกฝ่ายว่าเขาทิ้งเธอให้อยู่คนเดียว แล้วหนีไปดูหนังกับผู้หญิงคนอื่น เพราะกลัวว่าคืนนี้จะได้นอนบนโซฟาอีก…
ขณะที่เขากำลังลังเลอยู่นั้น หลี่หรงก็พูดอย่างไม่ใส่ใจ
“ช่างมันเถอะ ฉันรู้ว่าพี่ต้องไปทำธุระ ในครัวยังมีอาหารอุ่น ๆ ร้อน ๆ เหลืออยู่ ถ้าพี่หิวก็ไปกินได้”
อวี้ฮ่าวหรานอดประหลาดใจกับความอ่อนโยนของเธอไม่ได้
“ฮ่า ๆ พี่กลัวฉันจนไม่กล้าตอบเลยเหรอ พี่คือฮีโร่ผู้ช่วยชีวิตฉันและบริษัทฮัวหรงเลยนะ!”
หลี่หรงหัวเราะเสียงดังอย่างไม่ใส่ใจ พอเธอพูดจบ เธอก็เดินเข้าไปรับถวนถวนและอุ้มเด็กหญิงเข้าไปในห้องนอน
หลังจากประตูปิดลง เธอจึงก้มมองถวนถวนที่นอนอยู่ในอ้อมแขนด้วยสีหน้าโดดเดี่ยว
“เฮ้อ…ถ้าน้าไม่มีเรื่องให้เครียดอย่างหนูก็ดีน่ะสิ”