บทที่ 143 รู้เขารู้เรา ชนะทุกศึก

เมื่อผมโดนระบบครองร่าง

บทที่ 143 รู้เขารู้เรา ชนะทุกศึก

อัศวิน A แอบซ่อนตัวไปตลอดทางโดยอาศัยอาวุธวิเศษ ‘จี้หยกควบคุมลมหายใจ’ เสริมกับวิทยายุทธ์ของตนเองช่วยกลั้นลมหายใจ สองสามชั่วโมงต่อมาเขาก็ไปถึงบริเวณใกล้ๆ ที่ปีศาจเม่นบ้าเลือดกลายพันธุ์อยู่

เขาพบเนินดินที่ซ่อนตัวได้ จึงหลบอยู่ตรงนั้นคอยสังเกตสภาพแวดล้อมโดยรอบละเอียด

ที่แห่งนี้เป็นดินแดนแห่งพืชน้ำเขียวชอุ่ม

ทะเลสาบกว้างใหญ่ตั้งอยู่ ณ ที่แห่งนี้เช่นกัน ลมเย็นสบายพัด คลื่นน้ำเป็นระลอก ต้นกกพลิ้วไหว ผืนทะเลสาบดั่งกระจกเงาสะท้อนภาพทิวทัศน์ริมฝั่ง

ทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ริมทะเลสาบ บางครั้งก็สลับกับเนินดินที่มีพุ่มไม้เจริญเติบโตเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา

หากมองเพียงทัศนียภาพล่ะก็…สถานที่นี้เหมาะสำหรับท่องเที่ยวมาก

ทว่า รอบผืนทะเลสาบกลับเต็มไปด้วยกลุ่มเม่นตาสีแดงเลือด…พวกมันหายใจหนัก คอยใช้ปากขุดดินแรงๆ บางครั้งก็เงยหน้าขึ้นมองไปยังทางหนึ่ง แววตาสีแดงเลือดนั้นแฝงความหวั่นกลัว

ทิศทางที่พวกมันมองไปก็คือตรงเนินดินที่มีพุ่มไม้ใบหญ้าขึ้นหนาทึบ พวกมันมองไม่เห็นสิ่งผิดปกติแม้แต่น้อย มีเพียงร่องรอยของหญ้าที่ล้มกระจัดกระจายเท่านั้น นอกจากนั้นก็ไม่มีอะไรผิดปกติ

ผืนทะเลสาบงดงามแห่งนี้ เดิมทีควรจะเป็นที่อยู่ของฝูงนก แต่ตอนนี้กลับไม่พบนกแม้แต่ตัวเดียว มีเพียงปลาอ้วนพีบางตัวเท่านั้นที่กระโดดขึ้นจากน้ำเป็นครั้งคราว

ฟางหนิงอยู่ในพื้นที่ของระบบตามปกติ ดูแผนที่ระบบแล้วเปรียบเทียบทิวทัศน์จริงจากมุมมองของระบบ

ทิวทัศน์สวยงามมากและทำเลก็ดี ถ้าอยู่ในมือของชาวเสินโจวคงจะไม่มีทางถูกทิ้งร้างแน่นอน หากไม่พัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวก็คงกลายเป็นฟาร์มเพาะพันธุ์ปลา

แต่ไม่รู้เพราะสาเหตุใด หลังจากที่เห็นมันเขากลับรู้สึกว่าหัวใจเต้นแรง แต่ดูเหมือนอันตรายเหล่านั้นจะไม่ได้มาจากปีศาจเม่นที่อยู่ตรงหน้าเขา

หรือจะมาจากคนชั่วที่ควบคุมฝูงเม่นนี้อยู่เบื้องหลัง พวกเขาซ่อนตัวอยู่ใกล้ๆ หรือเปล่า

ราชาวานรหางขาวเล่าว่าคนพวกนั้นส่วนใหญ่มีหน้าตาดำคล้ำ รูปร่างไม่สูง พูดภาษาประหลาดและจิตใจเจ้าเล่ห์

ฟางหนิงสังเกตแผนที่ระบบถี่ถ้วน สีของปีศาจตัวเดียวบนแผนที่คือสีของสัตว์ปีศาจเม่น ตอนนี้มองไม่เห็นอย่างอื่นแล้ว

ปีศาจเม่นแต่ละตัวสีแดงดำ พวกมันครอบคลุมพื้นที่ขนาดใหญ่บนแผนที่ระบบ ดูแล้วน่ากลัวอย่างยิ่ง

สัตว์ประหลาดในที่นี้แตกต่างจากในแผนที่ใหญ่ ฉากแบบนี้ไม่อาจมองเห็นได้ในดินแดนเสินโจว

ข้อมูลในหนังสือเกมบอกว่าปีศาจเม่นเหล่านี้อยู่เหนือ ‘ระดับบ่อน้ำ’ มีตัวหนึ่งที่มีพื้นที่สระว่ายน้ำถึงสามสระ เห็นได้ชัดว่าเป็นราชาเม่น

ฟางหนิงเห็นว่าเวลานี้หัวหน้าระบบไม่ได้ลงมือทำอะไรโดยประมาท ดูเหมือนว่ามันจะคอยสังเกตอย่างระมัดระวัง

ฟางหนิงเอ่ยเตือน “ฉันรู้สึกได้ถึงอันตราย แต่ไม่ใช่จากเม่นพวกนี้ แกต้องระวังตัวนะ ลิงต้าไป๋บอกว่ามีคนกลุ่มหนึ่งที่ควบคุมพวกมันอยู่เบื้องหลัง ตอนนี้ไม่รู้ว่าไปซ่อนที่ไหนแล้ว ควรทำยังไงดี”

ระบบ “ไม่มีทางอื่น ถอนตัวทันที”

ฟางหนิงได้ฟังก็ตกตะลึง “ระบบ ทุกทีแกมีความสุขเสมอที่ได้กลิ่นปีศาจ ทำไมครั้งนี้ถึงได้ขี้ขลาดล่ะ”

ระบบ “ระบบมีความสุขเสมอที่ได้กลิ่นปีศาจ แต่ระบบไม่เคยหลงกลกับดักของพวกมัน…”

ฟางหนิงพูดไม่ออก “อ้อ แกหมายความว่าเจ้าพวกนี้รับมือยากมาก แล้วทำไมตอนแรกแกถึงอยากมาจับปีศาจเม่นพวกนี้ล่ะ”

ระบบ “สภาพแวดล้อมการต่อสู้เปลี่ยนแปลงรวดเร็วฉับพลัน ตอนที่ระบบดูแผนที่ก็เห็นแต่พวกมัน ถ้ามีแค่พวกมัน รวบรวมข้อมูลแล้ว ระบบก็ยังมีวิธีจัดการกับพวกมันได้”

“แต่หลังจากระบบรีบมาที่นี่ถึงได้พบว่าเจ้านั่นอันตรายกว่ามาก ถ้าเขาซ่อนตัวอยู่ใกล้ๆ เขาควบคุมปีศาจเม่นกลุ่มนี้จากระยะไกล แผนที่แสดงตัวมันไม่ได้ พอระบบมาถึงที่นี่ก็ได้สัมผัสถึงกลิ่นอายน่าสะพรึงกลัวของมันได้รางๆ และรู้ว่ามันอยู่ไม่ไกลนัก มันอำพรางตัวเก่งมาก ไม่ด้อยกว่าพวกปีศาจหนูยักษ์เลย”

ฟางหนิงหวาดหวั่นเมื่อได้ยินเช่นนั้น “เจ้านั่นที่ว่าอันตรายกว่า…คืออะไร คงไม่ใช่งูใช่ไหม”

ระบบ “เอ๊ะ โฮสต์เคยเห็นปีศาจงูมาหลายครั้งจนเดาได้แม่นขนาดนี้เลยเหรอ แต่ตัวนี้อันตรายกว่าอาจารย์ปีศาจงูร้อยเท่า ไม่ใจดีอย่างอาจารย์ปีศาจงูหรอก มันเป็นสิ่งชั่วร้ายมาก”

ฟางหนิงตัวสั่น “ไร้สาระ แกพูดชัดเจนว่า ‘ตัวหนึ่ง’ แน่นอนว่าฉันต้องเดาสิ่งที่ฉันกลัวที่สุด ไม่อย่างนั้นตอนนี้แกเปิดใช้เอฟเฟกต์ ‘ภาพจริง’ ดูหน่อยสิ”

ระบบ “ดูไปก็เปลืองสล็อตพลังปราณ พูดง่ายๆ ว่าไม่ใช่สิ่งที่เราจัดการได้เพียงลำพัง ไปหาคนที่ลิงต้าไป๋พูดดีกว่า พวกเขาไม่มีทางแข็งแกร่งขนาดนี้ ไม่อย่างนั้นพวกเขาต้องได้รับยกย่องเป็นจอมราชันย์ในโลกข้างนอกไปนานแล้ว แอนเดอร์สันจะต้องเตือนโฮสต์แน่นอน”

ฟางหนิงค่อยโล่งใจ ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้เอง ขอแค่หัวหน้าระบบรู้ว่า ‘ลูกพลับต้องเก็บเบาๆ’ ก็เป็นอันใช้ได้

เขามองดูทิวทัศน์โดยรอบผ่านมุมมองของระบบอีกครั้ง แต่ดูอย่างไรก็ไม่พบที่ซ่อนของงูตัวนั้น

แต่ด้วยกลิ่นอายอันตรายในใจของฟางหนิง และจากความสำเร็จในการต่อสู้ของระบบก่อนหน้านี้ คราวนี้ระบบไม่มีทางพลาด

ฟางหนิงถอนหายใจออกมา การต่อสู้ของระบบน่าเชื่อถือ อย่างน้อยความสามารถในการสังเกตศัตรูก็น่าทึ่งจริงๆ แทบจะอยู่ในระดับ ‘รู้เขารู้เรา’ เลยทีเดียว

มิน่ามันถึงรับประกันความได้เปรียบในการต่อสู้อยู่เสมอ มันจับไม่ได้ก็จะไม่จับ…

อย่างนี้ถึงจะทำให้รู้สึกไร้ศัตรู ‘ชนะทุกศึก’

หลังจากถอนหายใจ ฟางหนิงก็เอ่ยถาม “ทำไมฉันไม่เห็นงูตัวนั้น ทำไมแกถึงมองเห็นศัตรูทุกครั้ง แถมยังไม่ต้องใช้ทักษะ นี่มันความสามารถอะไรกันแน่”

ระบบ “อ้อ โฮสต์นี่อ่อนหัดเรื่องต่อสู้จริงๆ คิดเชื่อมโยงไม่ออกเหรอ คราวก่อนโฮสต์ไม่เห็นความสามารถในการแยกแยะของระบบเหรอ”

พอฟางหนิงได้รับการเตือนแบบนั้น เขาก็ตระหนักได้ในทันที และมองผ่านมุมมองของระบบอีกครั้ง เขาสังเกตทิวทัศน์ริมทะเลสาบที่ดูเหมือนปกติโดยละเอียด ในที่สุดก็พบความผิดปกติที่ยากจะสังเกตเห็น

ในที่สุดเขาก็พบจุดที่สายตาของเม่นมองไป ด้านล่างเนินดินมีหญ้าบางส่วนถูกเหยียบย่ำ ยังมีร่องรอยเลื้อยคลานบางๆ บนหญ้า หากคอมพิวเตอร์ประมวลผลภาพของหญ้าผิดปกติคงจะรวมเป็นภาพพิเศษได้ นั่นคือ ร่องรอยเลื้อยคลานของงู

ตอนนั้นเองเขาถึงค่อยเข้าใจความเจ๋งของระบบแล้ว

ฟางหนิงสังเกตว่าระหว่างนั้นระบบไม่ได้รบกวนหรือเร่งให้เข้าไปทันที มันเพียงแค่ปล่อยให้โฮสต์สังเกตด้วยตนเอง

ฟางหนิงดูแล้วก็เอ่ยปากชม “อย่างนี้นี่เอง ในเมื่อแกเป็นระบบ ความสามารถการวิเคราะห์ย่อมเหนือกว่าสิ่งมีชีวิต คนธรรมดาจะมองข้ามทิวทัศน์สภาพแวดล้อมที่ดูเหมือนธรรมดาแบบนี้ ผู้แข็งแกร่งสัมผัสได้เพียงกลิ่นอายอันตราย แต่ยากที่จะสังเกตเห็นถึงความผิดปกติได้ทันที

“แต่ในสายตาของแกสามารถสังเคราะห์รายละเอียดนับไม่ถ้วนได้ในทันที ประกอบกับความรู้สึกต่อพลังและกลิ่นอาย ไม่มีอะไรที่หลบพ้นสายตาของแก”

ระบบ “สมองของโฮสต์จินตนาการล้ำเหลือจริงๆ ระบบสะกิดนิดเดียว โฮสต์ก็เดาเกือบถูกทุกอย่างแล้ว แต่ยังพลาดบางอย่างไป”

“ผลของเวทมนตร์ที่มุ่งเป้าอัศวิน A โดยตรงไม่ได้ผล แต่ถ้าสภาพแวดล้อมโดยรอบมีเวทมนตร์พรางตัว ระบบก็จะสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันตราย ตอนนั้นทำได้แค่ใช้พลังปราณและใช้ ‘เนตรเทพตาภูต’ เพื่อเปิดใช้งานความสามารถ ‘ภาพจริง’ รับข้อมูลโดยละเอียดแล้วค้นหาสถานการณ์ของศัตรู แน่นอนว่าระบบมองทะลุไม่ได้”

ฟางหนิงพยักหน้าพลางเอ่ยขึ้น “แกจะไปหาคนที่ลิงต้าไป๋พูดถึงได้ที่ไหน เมื่อกี้ฉันมองแผนที่ระบบตลอด ไม่พบร่องรอยของคนกลุ่มนั้นเลย”

ตอนที่อัศวิน A มายังทะเลสาบแห่งนี้ ฟางหนิงก็คอยมองหากลุ่มคนเบื้องหลังการควบคุมปีศาจเม่นในแผนที่ระบบ

ดินแดนมรดกแห่งนี้เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวาและสิ่งมีชีวิตมากมาย จุดสีต่างๆ ปรากฎบนแผนที่ระบบ

สีแแดงและสีเหลืองเต็มแน่นไปหมด มีทั้งขนาดเล็กใหญ่ ใหญ่เหมือนบ่อน้ำและเล็กเหมือนเม็ดข้าว มากบ้างน้อยบ้าง มากจนนับไม่ถ้วน น้อยก็เพียงจุดเดียว กระจัดกระจายไปทั่วแผนที่ยากจะแยกแยะ

ปีศาจเม่นรวมตัวกันในพื้นที่หนึ่งและอยู่นอกป่า พื้นที่แห่งนั้นกว้างใหญ่มาก เด่นสะดุดตา และหาเจอได้ง่าย ส่วนตัวอื่นฟางหนิงก็มองไม่เห็นแล้ว

ตอนนี้ความแตกต่างระหว่างคนเรียนเก่งกับคนเรียนห่วยก็เห็นได้ชัดเจนอีกครั้ง

ระบบ “พวกมันไม่มีความสามารถการหลบซ่อนที่แข็งแกร่งขนาดนั้น ระบบมองเห็นได้ชัดเจน น่าจะเพิ่งออกไปจากที่นี่เมื่อหนึ่งวันก่อน ตอนนี้พวกมันกำลังรวมตัวกัน ไม่รู้ว่าปรึกษาอะไรกันอยู่ แค่ตามระบบมาก็พอ”

อัศวิน A พูดจบก็ออกจากริมทะเลสาบอันเงียบสงบไป

ผ่านไปเนิ่นนานหลังจากที่เขาออกไปแล้ว พงหญ้าก็เริ่มเคลื่อนไหวใต้เนินดินแห่งนั้น จู่ๆ ก็มีหลุมลึกปรากฏออกมาจากพุ่มไม้

งูจงอาตัวหนึ่งงชูขึ้นสูง โผล่พ้นหลุมออกมา

หัวของมันเรียบแบน แววตาเย็นชาสลับกับเจ้าเล่ห์ร้ายกาจ ลิ้นสีแดงสดและลำตัวใหญ่ยาว ไม่มีตรงไหนที่ไม่แสดงเห็นถึงความน่ากลัวและอันตรายของมัน

หลังจากที่งูจงอางปรากฏตัวขึ้น ฝูงเม่นที่กำลังขุดดินก็พลันเงียบลง ดวงตากระหายเลือดบ้าคลั่งแต่ละคู่แฝงไว้ด้วยความหวาดกลัว

งูจงอางไม่สนใจพวกมัน แต่มองไปทางที่อัศวิน A จากไป แววตาดูเหมือนจะปะปนกับร่องรอยของความสงสัย

สักพักมันก็หันหัวกลับมาส่งเสียงขู่ฟ่อๆ ฝูงเม่น

ไม่นานนัก ฝูงเม่นก็เริ่มขยับตัวช้าๆ วิ่งหนีไปทางหนึ่ง หนามของพวกมันส่องแสงเย็นเยียบ ดวงตาสีแดงเลือดคู่นั้นดูโหดเหี้ยม

ท่ามกลางพงไพรหนาทึบ ณ พื้นที่โล่งแห่งหนึ่ง เต็นท์ทันสมัยหลายหลังตั้งเรียงเป็นวงกลม

เวลานี้พื้นที่ตรงกลางเปิดโล่งนั้นมีชายผิวดำสองสามคนนั่งล้อมชายรูปร่างสูงผิวขาวมากคนหนึ่งเอาไว้

ชายคนนั้นเอ่ยขึ้น “เซ่อถี เชสสหายของคุณหายไปแปดปีแล้ว คุณยังควบคุมมันได้จากระยะใกล้ๆ ตอนนี้งูดำนั่นพบร่องรอยเข้าแล้ว แต่เพื่อหลบหนีชาวเสินโจว เมื่อวานพวกเราจึงย้ายค่ายพักแรมมาที่นี่ อยู่ห่างไกลมากขึ้น มันจะยังฟังคำสั่งคุณอีกไหม”

ชายผิวดำรูปร่างเตี้ยได้ยินแบบนั้นก็รีบย่อกายลง พูดอย่างนอบน้อมมากว่า “ท่านนักบวช ถ้าเชสเป็นเพียงงูจงอางธรรมดาคงทำไม่ได้แน่นอน แต่มันเป็นงูศักดิ์สิทธิ์ที่เปิดสติปัญญาแล้ว มีความหวังว่าจะเป็นหนึ่งในร่างอวตารของเทพแห่งการทำลายล้าง ไม่มีทางเพิกเฉยต่อคำสั่งของเราแน่นอน แม้ว่าตอนนี้มันจะทรงพลังมากแต่ก็เข้าสู่คอขวด หากอยากจะทะลวงขั้นต่อไปก็ต้องพึ่งพาพวกเรา”

ชายผิวขาวคนนั้นค่อยๆ พยักหน้า ท่าทางพอใจมาก “งั้นก็ดี รอให้มันขับไล่สัตว์ปีศาจให้คนเสินโจวได้เห็นความร้ายกาจ จากนั้นพวกเขาจะต้องยอมสละสถานที่ฝึกฝนดีๆ แน่ ช่วยเราประหยัดแรงบุกเบิกได้มากทีเดียว”

เซ่อถีรีบรับคำ “จะต้องเป็นเช่นนี้แน่นอน ในอดีตสัตว์ปีศาจบ้าคลั่งพวกนั้นไม่มีคนบัญชาการ แต่ตอนนี้ยังมีเชสและพวกเราคอยเป็นคนสั่งการแล้ว หากพวกเขาไม่บาดเจ็บหนัก ก็อย่าคิดว่าจะผ่านด่านไปได้”

ชายผิวขาวหัวเราะพลางเอ่ยขึ้น “เหอะๆ คุณพูดได้ดี คราวนี้เธอมีส่วนช่วยมากทีเดียว ความจริงแล้วทีฉันแค่อยากจะเข้ามาล่าสัตว์ปีศาจหายากก่อน แต่ไม่คิดว่าจะเจองูจงอางที่น่าสะพรึงกลัวแบบนั้น นึกไม่ถึงว่าจะเป็นตัวเดียวกับที่คุณทำหายไปเมื่อแปดปีก่อน

“ที่แท้ตอนนั้นมันถูกเทพแห่งการทำลายล้างเรียกไปถึงได้ทิ้งเธอ และบังเอิญเจอประตูเข้ามาที่นี่ก่อน อีกอย่างตอนนี้มันยังเติบโตขึ้นจนแข็งแกร่งมากขนาดนี้ ที่สำคัญยังจดจำเธอได้ ทวยเทพปกป้องโดยแท้ ถึงแม้ว่าจะล้าหลังชาวเสินโจวสิบกว่าปี และตอนนี้เพิ่งจะเข้ามาถึงดินแดนมรดก แต่ขอแค่มีงูจงอางตัวนี้ สุดท้ายดินแดนมรดกนี้ก็จะตกเป็นของเรา”

คนผิวดำคนอื่นๆ ได้ฟังแล้วก็หัวเราะขึ้นมาพร้อมกัน

……………………………………………………………