บทที่ 142 ดินแดนมรดก

เมื่อผมโดนระบบครองร่าง

บทที่ 142 ดินแดนมรดก
หลังจากฟางหนิงบอกออกไปแบบนั้น เขาก็จับตาดูการกระทำของอัศวิน A อย่างใกล้ชิดจากมุมมองของระบบ

เมื่อเห็นว่าอัศวิน A นำหน้ากากทางการแพทย์ขนาดใหญ่ออกมาจากกลางอากาศแล้วสวมทับบนใบหน้า ฟางหนิงก็เริ่มโมโหทันที

ฟางหนิง “แกโง่อีกแล้วเหรอ ฉันบอกว่า ‘อย่าให้คนอื่นเห็น’ แกคิดว่าการสวมหน้ากากแบบนี้คนจะจำอัศวิน A ไม่ได้เหรอ รูปร่างสูงใหญ่มีออร่า คืนที่มืดมิดขนาดนี้ใช่ว่าจะปกปิดได้ แกใส่หน้ากากจะหลอกใครได้กัน”

อัศวิน A ชะงักเมื่อได้ยิน

ระบบ “งั้นโฮสต์ต้องการอะไรอีก ใส่เยอะกว่านี้ก็เทอะทะ…”

ฟางหนิงพูดไม่ออก “นี่แกแกล้งโง่ใช่ไหม แกไม่ได้ฝึกฝนวิชาการแปลงโฉมถึงระดับปรมาจารย์แล้วเหรอ แปลงโฉมก็ได้แล้วนี่”

ระบบ “ไม่ได้ กฎบอกระบบตอนนี้ว่า ชื่อเสียงอัศวินถึงระดับ ‘ชื่อเสียงสั่นสะเทือนโลก’ แล้ว หากใช้วิชาแปลงโฉมเพื่อสร้างตัวตนใหม่ จะทำให้ชื่อเสียงอัศวินสูญหายต้องจับใหม่หมด ยกเลิกผลการแปลงโฉม เปลี่ยนกลับไปเป็นตัวตนเดิมของโฮสต์จะไม่มีผลกับชื่อเสียงอัศวิน”

ฟางหนิง “แกพูดตั้งเยอะแยะ หมายความว่ากฎจำกัดให้แกเปิดไอดีสำรองได้แค่สองตัวเหรอ”

ระบบ “โฮสต์เข้าใจถูกแล้ว ตอนนี้จึงใส่ได้เพียงแค่หน้ากากขนาดใหญ่ไม่ให้ใครเห็นหน้า”

ฟางหนิงฟังแล้วก็โมโหอีก “เอาล่ะ กฎของแกประหลาดเกินไป ฉันจนปัญญาแล้ว”

ระบบ “ถ้าโฮสต์ไม่มีเรื่องอื่นแล้ว ระบบจะไปเดี๋ยวนี้ หลงฝานใกล้จะไม่ไหวแล้ว…”

ฟางหนิงทำใจได้แล้ว เขาโบกมืออย่างจนปัญญา “แกไปเถอะ รักษาชื่อเสียงอัศวิน Aไม่ยากหรอก อย่างมากก็แค่จับตัวสำรองใหม่…”

ระบบ “ไม่ต้องห่วง พวกเราจัดการตัวตนของอัศวิน A อย่างดีแล้ว ระบบจะไม่ปล่อยให้มันพังง่ายๆ แน่…”

ระบบใช้สิบสล็อตพลังปราณ และใช้ทักษะในตำนาน ‘ความช่วยเหลือพันลี้’ ไปถึงดินแดนมรดกได้สำเร็จ

ฟางหนิงกำลังจะดูแผนที่ระบบก็ได้ยินข้อความแจ้งเตือนใหม่เข้ามา

พันธมิตรของท่าน หลงฝานงูดำตายแล้ว เนื่องจากเลือกช่วยเหลือ แต่ระบบไม่สามารถช่วยเหลือได้สำเร็จ ดังนั้นชื่อเสียงอัศวินของอัศวินจะลดลงบางส่วน

ฟางหนิงรีบมองไปรอบๆ ผ่านมุมมองของระบบ ก็เห็นเพียงควันสีขาวลอยขึ้นที่ยอดไม้ใกล้ๆ จากนั้นครู่เดียวมันก็หายไป คาดว่าคงเป็นควันที่หลงเหลืออยู่หลังจากหลงฝานตาย…

ระบบ “ซวยจริงๆ เป็นความผิดของโฮสต์ที่มัวแต่ยึกยัก…”

ฟางหนิงไม่สนใจมัน หลงฝานตายแล้วก็เกิดใหม่ได้ สูญเสียชื่อเสียงอัศวินไปแล้วก็จับใหม่ได้ เขาตั้งหน้าตั้งตาดูแผนที่ระบบต่อไป

ตอนนี้อัศวิน A อยู่ในป่าเขียวชอุ่ม ป่านี้ดูคุ้นตามาก ฟางหนิงความจำแม่นยำ เขายืนยันได้ทันทีว่าที่นี่คือดินแดนมรดกของสำนักสัจธรรม ที่นั่นมีพื้นที่ป่ามากมาย และที่แห่งหนึ่งก็คล้ายกับป่าที่อยู่ตรงหน้าเขา

ตอนนี้อัศวิน A กำลังซ่อนตัวอยู่ในยอดไม้ของต้นไม้ใหญ่ ไม่มีอะไรผิดปกติ แต่ในไม่ช้าฟางหนิงก็สังเกตเห็นบางอย่าง

ท่ามกลางยอดไม้ที่อยู่ไม่ไกลและใบไม้เขียวชอุ่มเหล่านั้น ลิงหางขาวห้อยหัวบนกิ่งไม้กำลังมองมาทางนี้ เห็นได้ชัดว่ามันเห็นการปรากฏตัวของอัศวิน A แล้ว

ลิงตัวนี้กำลังมองขึ้นลงสังเกตอัศวิน A ไปมา ดวงตาเล็กๆ ของมันไม่มีความหวาดกลัว ค่อนข้างงุนงงสับสนและระแวดระวังเป็นพิเศษ

ฟางหนิงพูดอย่างจนใจ “ดูสิ แค่เพิ่งโผล่มาก็เปิดเผยรูปร่างโดดเด่นแล้ว”

ระบบ “หยุดพล่ามเถอะ ออกมาสื่อสารกับลิงตัวนี้ให้หน่อย ถามมันว่ารู้ข่าวของกลุ่มปีศาจเม่นบ้าเลือดกลายพันธุ์บ้างไหม ข้อมูลสัตว์ประหลาดที่แสดงบนแผนที่นี้ไม่สมบูรณ์”

ฟางหนิง “เมื่อดูจากระบบก่อนหน้านี้ นึกว่าแกจะไม่ใช้สมองจับปีศาจซะแล้ว… ดูเหมือนว่านี่จะเป็นครั้งแรก ที่แกต้องการรู้ข้อมูลของปีศาจก่อนจะต่อสู้กับมัน”

ระบบ “เคยบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าสัตว์ร้ายหลายตัวที่นี่แข็งแกร่งกว่าแอนเดอร์สัน ระบบจะไม่ยอมเสียสถานะของอัศวิน A ไปง่ายๆ หรอก”

ฟางหนิงรู้สึกสบายใจขึ้นมากเมื่อได้ยินอย่างนั้น เขาไม่ได้ออกไปทันทีแต่ให้หนังสือเกมสุดที่รักแสดงข้อมูลของอีกฝ่ายแทน

ลิงต้าไป๋: เพศชาย ชอบผักและผลไม้ ไม่ทราบอายุ สถานะ: ราชาวานรเผ่าวานรหางขาว

“แนวโน้มความดีและความชั่ว: ความยุติธรรมเป็นกลาง”

“การประเมินพลัง: ผู้แข็งแกร่งระดับบ่อน้ำ ขนาดโดยละเอียด: สระว่ายน้ำครึ่งสระ ไม่ทราบความลึก แต่ค่าอันตรายไม่สูง”

ฟางหนิงอ่านแล้วก็ประหลาดใจมาก สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่มรดกจริงๆ มันพิศวงลึกลับ ราชาวารนรเป็นผู้แข็งแกร่งระดับบ่อน้ำเชียวนะ พลังที่อยู่ตรงหน้าสูงกว่าแอนเดอร์สันครึ่งหนึ่ง

เขาครุ่นคิด อยากจะกลับเป็นร่างของตนแล้วควักกล้วยออกมายื่นไปทางลิงจริงๆ แน่นอนว่าเขาต้องขอให้ระบบนำมันออกมาจากพื้นที่รักษาความสดของระบบ

ฟางหนิงคิดว่าถ้าอยากจะให้ลิงตัวนี้บอกข้อมูล เขาก็ต้องให้บางอย่างกับอีกฝ่ายก่อน ในเมื่ออีกฝ่ายชอบกินผลไม้ก็ให้สิ่งที่มันชอบสิ

ลิงหางขาวตัวนั้นกลอกตาเมื่อเห็น มันส่งสายตาดูถูกกลับมาให้เขาด้วยซ้ำ

อะไรกัน ลิงตัวนี้ไม่ชอบกินกล้วยงั้นเหรอ หรือว่ามันอยากกินแครอทกันนะ?

ฟางหนิงคิดได้แบบนั้นก็หยิบแครอทออกมาแกว่งไปทางลิง

ลิงหางขาวเอียงหัวท่าทางดูถูกเหยียดหยามยิ่งกว่าเดิม

ให้ตายเถอะ ลิงตัวนี้จู้จี้จุกจิกยิ่งกว่าคนเสียอีก ฟางหนิงคิดแล้วก็หยิบผลไม้ทุกชนิดออกมาจนหมด แต่แม้เขาจะหยิบแตงโม สับปะรด ส้ม และอื่นๆ ออกมา ลิงตัวนั้นก็ยังคงไม่สนใจ

ฟางหนิงรู้สึกเหนื่อยและงงงันมาก มันเป็นไปไม่ได้เลยที่หนังสือเกมที่รักจะบอกข้อมูลผิดพลาด ผักผลไม้ก็งัดออกมาหมดแล้ว ทำไมลิงตัวนี้ยังไม่สนใจอีก

ไม่ใช่มีคนบอกไว้ว่า ถ้าหากต้องการทำความรู้จักกับสัตว์วิธีที่ดีที่สุดก็คือการให้อาหารพวกมันเหรอ

ฟางหนิง “ลิงตัวนี้ไม่ชอบกินผลไม้ หรือว่าอยากจะกินเนื้อ”

ฟางหนิงพูดจบก็หยิบไก่ย่างหอมๆ ออกมาอีกจาน

ลิงหางขาวได้กลิ่นแล้ว แต่มันก็ยังส่ายหัวอยู่ดี

ฟางหนิง “แกไม่สนทั้งผลไม้และเนื้อสัตว์ ถ้าอย่างนั้นต้องการอะไรกันแน่ เสนอมาได้เลย ฉันมาที่นี่เพื่อตามล่าปีศาจเม่นบ้าเลือดกลายพันธุ์ อยากจะรู้ข่าวของพวกมันหน่อย”

ลิงหางขาวได้ยิน ความระแวดระวังในแววตาก็หายไปไม่น้อย “อ้อ ที่แท้คุณเอาอาหารอร่อยๆ ออกมาก็เพราะอยากจะแลกข้อมูลไปสู้กับปีศาจเม่นพวกนั้นเหรอ นึกว่าคุณเป็นเหมือนกับคนเลวพวกนั้นซะอีก แค่ต้องการใช้อาหารเพื่อแลกกับความชื่นชอบ จากนั้นก็เข้ามาฆ่าครอบครัวของฉัน”

ฟางหนิงตอบกลับ “ฉันไม่เคยรังแกคนอ่อนแอกว่า อีกอย่างฉันไม่เอาสัตว์ป่าไปเป็นสัตว์เลี้ยงแน่นอน”

ลิงหางขาว “เอาล่ะ ฉันฟังออกว่าคุณไม่ได้โกหก ฉันกำลังจะไปแจ้งพวกคุณผิวเหลือง อีกสามวันพวกคุณน่าจะเจอหายนะ และหายนะก็คือปีศาจเม่นบ้าเลือดกลายพันธุ์พวกนั้น”

ฟางหนิงตกใจ เขานึกถึงการตายของหลงฝานแต่หน้าก็ยังไม่เปลี่ยนสี “บอกรายละเอียดมาหน่อย”

คนและลิงคุยกันอยู่พักหนึ่ง ฟางหนิงได้ข้อมูลเกี่ยวกับปีศาจเม่นบ้าเลือดกลายพันธุ์แล้ว

ตอนที่พวกเขาแยกกัน ลิงหางขาวตัวนั้นก็จ้องมองฟางหนิงกระตือรือร้น

ฟางหนิงยิ้มหัวเราะให้ “เมื่อกี้ให้ผลไม้ตั้งเยอะแยะก็ไม่เอา ตอนนี้เกิดเสียใจขึ้นมาเหรอ”

แม้จะพูดแบบนี้ แต่เขาก็ยังคงขอให้ระบบวางผลไม้หลายชนิดลงบนพื้นเพื่อให้อีกฝ่ายหยิบตามใจ

ลิงหางขาวกระโดดดีใจ แต่จากนั้นสีหน้าของมันก็เศร้าสลดทันที

ลิงหางขาว “ฉันยังต้องไปส่งข่าว เอามันไปด้วยไม่ได้หรอก”

ฟางหนิงพูดสองสามคำกับระบบ จากนั้นกระเป๋าเป้ใบหนึ่งก็ปรากฏขึ้นมา

อัศวิน A หยิบกระเป๋าเป้ขึ้นมาแล้วยื่นมือออกไปจัดการเอาผลไม้พวกนั้นใส่ลงด้านในกระเป๋าเป็นที่เรียบร้อย

ลิงหางขาวยกกระเป๋าเป้ขึ้นสะพายหลัง “อ่า…อย่างนี้ค่อยดีหน่อย ขอบใจนะ ฉันต้องรีบไปแจ้งพวกเดียวกับคุณแล้ว ระวังตัวด้วยล่ะ โดยเฉพาะคนเลวที่ควบคุมปีศาจเม่นบ้าเลือดกลายพันธุ์พวกนั้นเอาไว้”

อัศวิน A โบกมือลาลิงหางขาวแล้วออกจากป่า เขาเหาะไปทางทุ่งหญ้า

…………

ในห้องไม้ธรรมดาห้องหนึ่ง เฉียวจื่อเจียงกำลังนั่งกอดอกขมวดคิ้ว

ภายในห้องยังมีคนอื่นจากสำนักงานสัจธรรม ผู้อาวุโสสามคนคล้ายเรียงตามลำดับ ก็คือผู้อาวุโสสวี่ เฉียวอันผิง และผู้อาวุโสไห่ สีหน้าของพวกเขาเคร่งเครียดมาก

รอยย่นผู้อาวุโสไห่ลึกมาก ใบหน้าของเขาตอนนี้เดือดดาล “ร้ายกาจมาก! แม้ฉันจะรู้ว่าคนพวกนั้นจะเข้ามาในดินแดนมรดกผ่านทางเข้าอื่นๆ ไม่ช้าก็เร็ว แต่นึกไม่ถึงว่าพวกเขาเข้ามาแล้วจะไม่แยแสประกาศของสำนักงานร่วมกิจการพิเศษสากล ยโสโอหังจริงๆ!”

ผู้อาวุโสสวี่ที่นั่งอยู่ข้างเขา ถอนหายใจออกมาพลางเอ่ยอย่างจนใจ “นับตั้งแต่ค้นพบที่ดินมรดกแห่งนี้ พวกเราก็ทำงานอย่างหนักเพื่อบุกเบิกที่แห่งนี้มาสิบสองปีแล้ว เริ่มต้นจากที่ดินผืนเล็กสร้างฐานขึ้นมากมาย และสร้างความสัมพันธ์ความร่วมมือฉันมิตรกับกลุ่มปีศาจมากมายในป่า แลกเปลี่ยนความช่วยเหลือระหว่างกัน

“แต่ทันทีที่ไอ้สารเลวพวกนั้นเข้ามา ล่าปีศาจหายากเอาไปทำเป็นสัตว์เลี้ยงและแม้กระทั่งวัตถุดิบ ทำให้ปีศาจส่วนใหญ่เริ่มเป็นศัตรูกับมนุษย์อย่างพวกเรา มีเพียงส่วนน้อยที่แยกแยะคนแต่ละประเภทได้ ถึงได้ยังรักษามิตรภาพกับพวกเราต่อไป”

“เดิมทีเราต้องใช้ทหารธรรมดาจำนวนมากเพื่อจัดการกับพวกสัตว์และปีศาจที่บ้าคลั่งไร้เหตุผลเป็นครั้งคราว แต่ตอนนี้เราต้องจัดการกับเผ่ามารที่มีสติปัญญาไม่ด้อยกว่าเรา ขืนเป็นอย่างนี้ต่อไป ฐานวัตถุดิบยาที่เราสร้างขึ้นอย่างยากลำบาก และยังมีฐานการฝึกอบรมอีก แม้ว่าจะไม่ถูกทำลายจนราบคาบ แต่ก็จะไม่อาจดำเนินการได้อย่างมั่นคงและสนับสนุนเราต่อไปได้”

เฉียวอันผิงได้ฟังแล้วก็เกิดสีแดงวาบขึ้นบนร่าง “งั้นก็ให้ฉันโจมตีและฆ่าไอ้คนพวกนั้นทิ้งเถอะ มันสมควรตายทั้งหมด! เจอเท่าไหร่ต้องฆ่า! เราบุกเบิกที่ดินมาด้วยความยากลำบาก เรื่องอะไรจะปล่อยให้พวกมันเหยียบเข้ามา”

นอกจากผู้อาวุโสสองคน คนอื่นในสำนักงานสัจธรรมพอได้ฟังก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบ

รองผู้อำนวยการเฉียวของสถาบันฝึกอบรมพิเศษ พูดตรงไปตรงมาท่าทางใจกว้าง ยืนหยัดความยุติธรรมและเข้ากับคนง่าย แต่ทุกคนรู้ดีว่าวรยุทธ์ของเขามีพื้นฐานมาจากการฝึกฝนกลิ่นอายสังหาร เมื่อต้องเผชิญกับความอยุติธรรม ความอาฆาตก็น่ากลัวไม่แพ้กัน

ผู้อาวุโสสวี่ส่ายหัว “ดินแดนมรดกแห่งนี้มีค่าอย่างยิ่ง แต่ละทวีปมีทางเข้ามากกว่าหนึ่งทาง เพียงแต่เสินโจวองค์กรสำนักงานสัจธรรมของเราแข็งแกร่งที่สุด กำลังคนมากที่สุด ค้นพบเร็วและเข้ามาบุกเบิกก่อนคนอื่น ตอนนี้ก็ผ่านไปสิบกว่าปีแล้ว จึงไม่แปลกที่พวกเขาจะพบทางเข้าอื่นของทวีปนี้ เมื่อทุกคนเข้าถึงดินแดนได้แล้ว เราก็ทำได้เพียงแอบแย่งชิงอำนาจเท่านั้น และเราไม่สามารถประกาศต่อสาธารณะได้ว่ามันเป็นดินแดนของจีน

“ถึงยังไงทุกคนก็ยังคงเป็นสมาชิกของสำนักงานประสานงานแห่งชาติ ถ้าหากสังหารทุกคนเพียงเพราะพวกเขาบุกเข้ามาเพื่อไปล่าปีศาจ ถ้าเรื่องแพร่ไปถึงข้างนอก มันคงไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง อันผิงเธออย่าไปพูดแบบนี้ต่อหน้าคนนอกล่ะ”

เฉียวอันผิงรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย กางมือออก “อย่างนี้ไม่ได้ อย่างนั้นไม่เหมาะ ได้แต่คอยดูพวกมันรุกล้ำเข้ามาตามสบายแล้วทำลายรากฐานของเราตามอำเภอใจเหรอ”

ผู้อาวุโสไห่ “สำหรับแผนวันนี้ พวกเราทำได้แค่รวมกันเป็นหน่วยโจมตี ดึงกลุ่มทรงพลังที่สุดออกมาขัดขวางพวกนั้น ไม่ให้พวกนั้นกล้าเข้ามาก่อนในตอนนี้”

“จากนั้นก็รีบหาจุดที่พวกเขาเข้ามาในดินแดนมรดก ขั้นแรกจะต้องสร้างฐานตรวจสอบทางเข้าและประกาศกฎ ต่อไปใครเข้ามาถ้าไม่ปฏิบัติตามกฎของเราจะถูกขับไล่ออกไปทันที นี่ถึงจะเป็นแผนระยะยาว”

ผู้อาวุโสสวี่เมื่อได้ยินก็พยักหน้า “ที่น้องไห่พูดมาทั้งหมดเป็นวิธีที่นำไปใช้ได้ อันผิงเธอเรียนรู้ให้มาก การฝึกฝนกลิ่นอายสังหารของเธอรีบเร่งที่จะก้าวหน้าแต่ก็ต้องระวังหน่อย”

เฉียวอันผิงพึมพำ “ผมจะระวัง ท่านผู้อำนวยการ”

จากนั้นเขาก็หันไปมองเฉียวจื่อเจียง “จื่อเจียง หลงฝานหน่วยสอดแนมของเธอ เจ้าเด็กไม่กลัวตายนั่นตอนนี้หาคนกลุ่มนั้นเจอหรือยัง”

เฉียวจื่อเจียงเอ่ยตอบ “ถึงแม้มันจะเสียชีวิตระหว่างทางกลับมา แต่ได้ส่งข้อมูลมาให้ฉันและทราบตำแหน่งของอีกฝ่ายแล้ว ที่นั่นไม่ได้มีแค่คนกลุ่ม แต่ยังรวมถึงกลุ่มของปีศาจเม่นบ้าเลือดกลายพันธุ์ สัตว์ปีศาจที่ดุร้ายไร้เหตุผล ไม่รู้ทำไมมันถึงเชื่อฟังคำสั่งของพวกเขา…”

……………………………………………………….