ท่ามกลางสายลมยามค่ำคืน

ร่างของกู่ฉิงซานโจนทะยานขึ้นสู่เบื้องบน ก้มลงมองเบื้องล่าง

และวัยรุ่นสาวเองก็กำลังแหงนมองดูเขาอยู่เช่นกัน

ดวงตาของทั้งสองสบประสาน

ทางฝั่งกู่ฉิงซาน แววตาของเขาช่างสงบดั่งน้ำนิ่ง

ขณะที่ในแววตาของวัยรุ่นสาว กลับเต็มไปด้วยระลอกคลื่น ฟุ้งไปด้วยความวิตกกังวลที่มิอาจเอ่ยอธิบายได้

เมื่อได้เห็นถึงกระบวนท่าตัดแบ่งขุนเขาไร้ตัวตน ราชินีแมงป่องก็หยุดฝีเท้าลง กล่าวอย่างแช่มช้า “นี่มันกระบวนท่าจากโบราณกาล แถมดูเหมือนว่าจะประเภทนักสู้  แต่เจ้าหนุ่มนั่นยังไม่แข็งแกร่งมากพอที่จะสำแดงพลังทั้งหมดของมันออกมาได้…”

“พี่สาวแมงป่อง รีบช่วยฉันจับตัวเขาเร็วเข้า!” วัยรุ่นสาวกระวนกระวาย

“เข้าใจแล้ว”

ราชินีแมงป่องตั้งท่วงท่า หนึ่งมือกุมโล่ หนึ่งมือกุมหอกปีศาจแดง ทะยานขึ้นไปบนฟากฟ้า

ส่วนวัยรุ่นสาว มือของเธอตวัดไปในอากาศที่ว่างเปล่า

เธอกำลังจะจั่วไพ่อีกใบออกมา

ทว่าความรู้สึกเย็นเยียบกลับเสียดแทงลึกเข้ามาถึงไขกระดูกเบื้องหลังเธอซะก่อน ขณะเดียวกัน คมกล้าบางอย่างก็ถูกพาดวางลงผ่านไหล่ของเธอ

มันเป็นดาบยาวที่มีสีราวกับหยาดน้ำค้าง

กู่ฉิงซานจี้คอเธอจากเบื้องหลัง

“นาย…” วัยรุ่นสาวอุทานด้วยความตกใจ

กู่ฉิงซานกดดาบลงไปลึกกว่าเดิมเบาๆ

วัยรุ่นสาวหุบปากลงทันที

แล้วจู่ๆ เธอก็เริ่มร้องไห้ออกมา

“นายคิดจะฆ่าฉันหรือ?”

วัยรุ่นสาวถามเสียงสะอื้น

“ไม่ อันที่จริงแล้วฉันแค่รู้สึกแปลกใจนิดหน่อย” กู่ฉิงซานกล่าว

ต้องขอบคุณสถานะอันแสนพิเศษของขอบเขตพันวิบัติ เมื่อไหร่ที่เขารู้สึกว่าตัวเองจะตาย การรับรู้ทางจิตวิญญาณก็จะเกิดขึ้น

ทว่า ในการต่อสู้เมื่อครู่นี้ เจ้าตัวกลับไม่ได้ตระหนักถึงลางสังหรณ์ที่ว่าเลย

ประจวบกับเมื่อพิจารณาจากคำพูดและการกระทำของวัยรุ่นสาว จะพบว่า แม้เธอจะมีพลังมากมาย แต่เธอก็มิได้ตั้งใจใช้มันอย่างเต็มที่เพื่อฆ่าเขา

ไม่ว่าจะเป็นการผนึกอาวุธ ใช้หุ่นเชิดต่อสู้ อัญเชิญราชินีปีศาจแมงป่อง แม้กระทั่งหอกปีศาจแดง แท้จริงแล้วที่กล่าวมาล้วนเป็นอะไรที่ทรงพลังเป็นอย่างยิ่ง

เธอเอาแต่พูดว่าต้องการบางสิ่งบางอย่างจากตัวเขา

แต่กู่ฉิงซานตอนนี้เป็นยาจก แล้วเธอมาเห็นของมีค่าอะไรในตัวของเขากัน?

“ยกเลิกไพ่ทั้งหมดของเธอซะ แล้วมาคุยกันดีๆ” กู่ฉิงซานกล่าว

วัยรุ่นสาวปฏิบัติตามเขา

ไพ่ทั้งหมดถูกยกเลิก สักพักหนึ่งมันก็หายไป

เหลือแค่เพียงราชินีปีศาจแมงป่องที่ยังไม่จากไป

ราชินีแมงป่องลดระดับจากฟากฟ้า หยั่งเท้าลงบนผืนทราย เฝ้ามองดูฉากเบื้องหน้าเธออย่างเงียบๆ

“วางใจเถอะ สัญญาของข้ากับไพ่ได้หมดลงแล้ว เวลานี้ข้าเพียงรู้สึกอยากรู้อยากเห็นนิดๆ หน่อยๆ ดังนั้นจึงเลือกที่จะอยู่ต่อ” เธอกล่าวด้วยรอยยิ้มบาง

กู่ฉิงซานเหลือบมองเธอ

แน่นอน เขารู้ว่าเธอแข็งแกร่ง แต่ทว่าก็ไม่ได้ระเบิดมันออกมาตั้งแต่แรกเริ่ม

ได้ยินมาว่าไพ่อัญเชิญจะเชื่อมต่อกับจิตใจของผู้ใช้ไพ่ และจะลงมือต่อสู้ตามความคิดของผู้ใช้ไพ่

ราชินีแมงป่องคร้านที่จะต่อสู้ เกรงว่านั่นมันคงเป็นเพราะว่าวัยรุ่นสาวไม่ได้มีเจตนาที่จะให้การต่อสู้มันลุกลาม บานปลายมากเกินไปนั่นเอง

กู่ฉิงซานละความสนใจจากราชินีแมงป่อง หันมาถามวัยรุ่นสาว “เธอสังเกตเห็นฉันตั้งแต่แรก ดังนั้นเธอเลยคิดชวนฉันเข้าร่วมทีมชั่วคราวใช่ไหม?”

“ใช่” วัยรุ่นสาวตอบอย่างเชื่อฟัง

“หมายความว่าเธอคิดจะปล้นฉันแต่แรกแล้ว?”

“ใช่”

“แต่ฉันไม่มีเงิน แล้วทำไมเธอถึงได้เลือกที่จะมาปล้นคนอย่างฉัน”

“ฉันไม่ได้ต้องการปล้นเงินของนาย” วัยรุ่นสาวร้อนรน

“เธอต้องการอะไร?” กู่ฉิงซานถาม

วัยรุ่นสาวเหลือบตามองคมดาบที่พาดไหล่ของเธอ เจ้าตัวสั่นสะท้านเล็กน้อย น้ำตาร่วงหล่นลงกับผืนทราย

‘มันจบแล้ว ทั้งๆ ที่ในที่สุดฉันก็หนีออกมาได้แล้วแท้ๆ แถมยังโชคดีพบกับแสงแห่งความหวัง แต่สุดท้ายตอนจบก็ยังสิ้นหวังอยู่ดี’

วัยรุ่นสาวร่ำไห้ “ฉันก็แค่…ต้องการไพ่บนตัวนาย”

ไพ่?

กู่ฉิงซานนิ่งค้างไป ขบคิดเล็กน้อย

แล้วเขาก็หยิบไพ่ใบหนึ่งออกมา

มันเป็นไพ่สีแดงเลือด บนหน้าไพ่เป็นรูปของมอนสเตอร์สูงตระหง่านราวกับขุนเขา สองตาของมันหรี่แคบเป็นแนวตั้ง พร้อมด้วยคู่ปีกสีเทาที่หุบอยู่ตรงแผ่นหลัง

เบื้องหลังของมอนสเตอร์ คือดงมอนสเตอร์ ที่มากมายจนมิอาจนับจำนวนได้

พวกมันทั้งหมดยืนเรียงกันเป็นระเบียบเรียบร้อย จัดเรียงกลุ่มกองแบ่งกันเป็นสี่เหลี่ยม ทุกตนถืออาวุธในมือ และต่างเผยเจตนาฆ่าออกมา

ไพ่สงคราม เทพแห่งกองทัพทะเลเลือด

เมื่อถือไพ่ใบนี้ บรรทัดแสงหิ่งห้อยก็ปรากฏขึ้นในสายตาของกู่ฉิงซาน

“ไพ่สงคราม เทพแห่งกองทัพทะเลเลือด”

“คุณเป็นเจ้าของไพ่ใบนี้”

“ด้วยเหตุผลบางประการ เทพแห่งกองทัพทะเลเลือดได้ทำสัญญากับคุณ และเขาจะเชื่อฟังในทุกๆ การเรียกขานและคำสั่งของคุณ”

นี่คือไพ่ที่ซูเซี่ยเอ๋อมอบมันให้แก่เขา โดยบอกว่าเป็นการแลกกันกับไพ่พยากรณ์โชคชะตา

ซูเซี่ยเอ๋อกล่าวว่าไพ่ใบนี้เป็นหลักประกันว่าเธอจะหยิบยืมไพ่พยากรณ์โชคชะตาไปชั่วคราว และจะนำมันกลับมาคืนให้แก่เขาอย่างแน่นอน

นี่เป็นหนึ่งในวิธีที่ซูเซี่ยเอ๋อคิดช่วยป้องกันภัยแก่กู่ฉิงซาน

เธอกลัวว่ากู่ฉิงซานจะยังต้องเผชิญกับอันตราย ดังนั้นก่อนที่เธอจะจากไป ซูเซี่ยเอ๋อจึงตัดสินใจมอบไพ่ที่แข็งแกร่งที่สุดของตัวเธอเองให้แก่เขา และบังคับเขาลงนามทำสัญญากับทะเลเลือด

“เธอต้องการไพ่ใบนี้ใช่หรือเปล่า?” กู่ฉิงซานถาม พลางยื่นอีกมือหนึ่งที่กุมไพ่ออกไปเบื้องหน้าวัยรุ่นสาว

“อ๊า ใบนี้แหละ!”

วัยรุ่นสาวจ้องมองไพ่ทะเลเลือด ดวงตาของเธอเปล่งประกายสดใส คล้ายลืมเลือนไปแล้วว่ามีคมดาบกำลังจ่อคอยของเธออยู่

“เธอต้องการใช้เจ้าสิ่งนี้ทำอะไร?”

“ขอสารภาพตามตรงว่าฉันแอบหนีออกมา”

“หา?”

วัยรุ่นสาวกล่าวด้วยความท้อแท้ “ฉันถูกกักขังไว้โดยบุคคลที่แสนจะน่าหวาดกลัว เขาทุ่มพยายามอย่างสุดแสนที่จะให้ฉันยอมจำนนต่อเขา ต้องการให้ฉันรับใช้เขา แต่เนื่องจากข้อจำกัดบางประการ ทำให้เขาไม่สามารถทำแบบนั้นได้ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ขณะเดียวกัน ตัวฉันเองก็ไม่สามารถทำลายโซ่ตรวนที่เขาวางไว้ในร่างกายของฉันได้เช่นกัน”

กู่ฉิงซานอดไม่ได้ต้องเอ่ยถาม “แต่เธอเป็นผู้ใช้ไพ่ที่ร้ายกาจมากเลยนะ ฉันเห็นกับตาว่าเธอยังไม่ได้ลงมือเต็มกำลังด้วยซ้ำ เธอไม่สามารถใช้ไพ่พวกนั้นโค่นเขาลงได้เลยหรือ?”

“เฮ้อ ในช่วงที่ฉันหลับใหล เขาได้ใช้ไพ่ที่ทรงพลังที่สุดกักขัง ตีตรวนฉันเอาไว้ ด้วยเหตุนี้เอง ตามกฎเกณฑ์ของไพ่ หากฉันทำร้ายเขา ทั้งหมดจะล้มเหลวทันที”

“แล้วไพ่ในมือของฉันสามารถช่วยเธอทำลายโซ่ตรวนที่คอยกักขังไว้ได้หรือเปล่า?” กู่ฉิงซานถาม

วัยรุ่นสาวแหงนมองกู่ฉิงซาน เผยสีหน้าอ้อนวอน “ใช่ ท่ามกลางสำรับไพ่นับไม่ถ้วน ทะเลเลือดเป็นสำรับไพ่ที่พิเศษออกไป ตราบใดที่ฉันครอบครองไพ่ทะเลเลือด ฉันก็จะสามารถเรียกพลังของทะเลเลือดออกมาต่อกรกับเขาได้ หากเป็นในกรณีที่ฉันอยู่นอกเหนือกฎเกณฑ์แห่งไพ่ ฉันอาจจะหนีรอดไปได้ก็ได้”

กู่ฉิงซานเดิมทีกำลังจะกล่าวต่อ แต่บางคำในประโยคเมื่อครู่มันสะกิดใจเขาจนชะงักไป

เพราะนั่นมันเป็นเรื่องน่าตกใจจนถึงขั้นทำให้สีหน้าของเขาต้องแปรเปลี่ยน

เขาสูญสิ้นเสียงของตัวเอง “เดี๋ยวก่อนนะ นี่เธอเองก็เป็นไพ่หรือ?”

วัยรุ่นสาวเมื่อเห็นการแสดงออกที่อึ้งทึ่งของกู่ฉิงซาน เจ้าตัวก็เชิดคางขึ้นอย่างภาคภูมิใจ “ใช่ จริงๆ แล้วฉันเป็นไพ่ ก่อนหน้านี้ฉันหลับใหลไปนาน ไม่อย่างนั้นนายคิดหรือว่าฉันจะยอมให้เขาใช้ทุกชนิดของกฎเกณฑ์มาล่ามฉันเอาไว้แบบนี้”

กู่ฉิงซานลูบหน้าผากเขา พยายามบังคับให้ตัวเองสงบลง

เขาเพิ่งจะเข้ามาในเมืองเป็นครั้งแรก รับภารกิจจากศูนย์แรงงาน ออกมาจากเมือง แล้วก็ดันถูกปล้นโดยอีกฝ่าย

ไม่ เรื่องพวกนี้ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ

สิ่งสำคัญก็คือ…

“เธอรู้หรือเปล่า ว่านอกจากการปล้นแล้ว มันยังมีวิธีสันติ ที่จะสามารถได้รับสิ่งของจากผู้อื่นอยู่อีกนะ” เขาถาม

“นายกำลังหมายถึงทำข้อตกลงแลกเปลี่ยนใช่หรือเปล่า?”

วัยรุ่นสาวมองเขาด้วยความเสียใจ ก้มหัวลง กล่าวตะกุกตะกัก “แต่ฉันคงไม่ใช่ไพ่อย่างที่นายคิดหรอก…”

กู่ฉิงซานนิ่งไปสักพัก เพื่อพยายามทำความเข้าใจถึงความหมายของอีกฝ่าย

และแล้วเขาก็ตะโกนด้วยความโกรธ “ไพ่แบบไหนกันที่ฉันคิด? นี่เธอจินตนาการเลยเถิดไปถึงไหน!”

“ก็เห็นอยู่ชัดๆ ว่านายพูดเรื่องการแลกเปลี่ยนออกมา ในหัวคงกำลังคิดอยู่แต่เรื่องหื่นกามล่ะสิ!” วัยรุ่นสาวโต้ตอบ

กู่ฉิงซานถูกตอกกลับด้วยประโยคนี้ ก็สตั้นไป

เขาพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะควบคุมอารมณ์ตนเอง ไม่ให้ตวัดดาบ ฟันคอของวัยรุ่นสาว

เขาสูดลมหายใจเข้า หายใจออก อีกครั้ง อีกครั้ง และอีกครั้ง จนในที่สุดก็สงบสติอารมณ์ลงได้

“ฉันหมายถึงการแลกเปลี่ยนที่ยุติธรรมต่อกันและกัน ไม่ใช่การบังคับขืนใจอีกฝ่าย” เขาเอ่ยปากในท้ายที่สุด

“เอ๊ะ? นั่นมันหมายความว่าอย่างไร?”

วัยรุ่นสาวนิ่งคิดอยู่พักหนึ่ง เมื่อไม่ได้คำตอบ เธอก็เอื้อมมือไปคว้าพจนานุกรมจากด้านหลัง เปิดมัน ไล่หาคำที่กู่ฉิงซานพูด “ขอโทษที พอดีฉันไม่คุ้นเคยกับศัพท์อะไรแบบนี้ ฉันตรวจสอบความหมายดูแล้ว ความหมายของการแลกเปลี่ยนมันตรงตามที่นายบอกจริงๆ”

“ฉะนั้น ถ้าฉันต้องการไพ่ในมือนาย แล้วนายต้องการแลกเปลี่ยนอะไรจากฉัน?” วัยรุ่นสาวถาม

กู่ฉิงซานกล่าวอย่างช้าๆ “ฉันต้องการเธอ”

วัยรุ่นสาวยกมือขึ้นทาบอก “นั่นไง นายมันหื่นกามจริงๆ ด้วย”

“ฟังให้จบก่อนจะได้ไหม!!”

“ไม่ต้องฟังจบก็รู้แล้ว ฉันเดาใจจริงของนายออกหรอก!” วัยรุ่นสาวถลึงตาใส่เขา

เส้นเอ็นแห่งความโกรธเกรี้ยวเริ่มผุดขึ้นมาตามใบหน้าและแขนของกู่ฉิงซาน เขาแทบอดใจไม่ไหวที่จะเหวี่ยงดาบออกไป

“ฟังให้จบ ฉันต้องการเธอ ให้เธอช่วยรักษาใครสักคนหนึ่ง แต่ฉันเองก็ไม่รู้ว่าเธอมีความสามารถในการรักษาหรือเปล่า” เขารีบพูดให้มันจบๆ ไปในลมหายใจเดียว

“อ้าว เป็นแบบนั้นเองหรือ?” วัยรุ่นสาวอุทาน

“ก็ใช่ไง หรือเธอคิดว่ามันเป็นอะไรล่ะ!”

ราชินีแมงป่องอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา เอ่ยพึมพำเบาๆ “ดูเหมือนว่าการตอบรับคำอัญเชิญในครั้งนี้จะไม่สูญเปล่าแล้ว…”

วัยรุ่นสาว “ฉันมีไพ่รักษาอยู่ไม่น้อยเลย มันสามารถช่วยรักษาอาการบาดเจ็บต่างๆ ได้นี่ไม่น่าจะมีปัญหา”

“แล้วถ้ามันเป็นบาดแผลที่แม้กระทั่งเทพวิญญาณก็ยังไม่มีวิธีรักษาล่ะ เธอจะสามารถรักษามันได้ไหม?” กู่ฉิงซานถาม

“ในกรณีนั้นฉันคงต้องไปดูมันด้วยตัวเอง ตอนนี้คงไม่สามารถรับประกันได้” วัยรุ่นสาวกล่าวจริงจัง

กู่ฉิงซานพยักหน้า

เนื่องจากอีกฝ่ายแสดงออกอย่างจริงจัง ฉะนั้นมันจึงมีค่าพอให้เขาเชื่อใจ

ตรงกันข้าม ถ้าวัยรุ่นสาวอวดโอ่ด้วยความภาคภูมิใจ เขาคงเลือกที่จะไม่เชื่อเธอ

ทว่าโดยไม่ทันคาดคิด จู่ๆสีหน้าของวัยรุ่นสาวก็เปลี่ยนไป “แย่แล้ว! เขากำลังจะจับฉันกลับไป!”

เห็นแค่เพียงโซ่หนามสีดำผุดออกมา รัดตรึงกายเธอเอาไว้อย่างแน่นหนา

“นี่น่ะหรือคือโซ่ที่ใช้กักขังเธอ?” กู่ฉิงซานถาม สายตากวาดมองโซ่ตรวน

“ใช่ อนิจจา ฉันคงไม่สามารถทำตามข้อตกลงของพวกเราได้แล้ว” วัยรุ่นสาวกล่าวอย่างเศร้าๆ

โซ่ดำเริ่มฉุดลากเธอขึ้นไปบนท้องฟ้า ตรงไปยังทิศทางหนึ่ง

กู่ฉิงซานเงียบงันไปครู่

‘ชีวิตของหยุนจีกำลังตกอยู่ในอันตราย’

‘หากพลาดโอกาสนี้ไป ฉันคงจำเป็นต้องเสียทั้งแรงและเวลา เพื่อที่จะได้รับเงินมา ไหนจะยังต้องควานหาวิธีการรักษาที่ถูกต้องอีก’

‘ถึงเวลานั้นมันคงจะสายเกินไปแล้ว’

วินาทีนั้นดวงตาของกู่ฉิงซานพลันสาดประกายคมกล้า

ดาบขุนเขาเทวะหกโลกาโบยบินขึ้นไปบนฟากฟ้าทันใด

แสงดาราเปล่งประกายออกมาจากดาบยาว ราวกับดาวตกร่วงหล่นลงจากฟากฟ้า ลอยตรงไปยังทิศทางวัยรุ่นสาว

ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ!

เทคนิคลับแห่งดาบ ประทับดารา!

แสงดาวเจิดจรัสกลายเป็น เส้นแสงเล็กๆ ตัดไปยังจุดที่โซ่ทมิฬรัดพันตัววัยรุ่นสาว

พลังศักดิ์สิทธิ์ แหกกฎ!

โซ่หนามสีดำพลันแตกกระจาย แต่เดิมที่เคยรัดพันจนแน่นคลายออก ร่วงหล่นหายไป

ดาบยาวกะพริบไหว บินกลับมาข้างกายกู่ฉิงซาน

สีหน้าของวัยรุ่นสาวแสดงออกถึงความสุข แต่สักพักมันก็เปลี่ยนเป็นหวาดกลัวอย่างรวดเร็ว

เธอตะโกนไปทางกู่ฉิงซาน “เขากำลังจะมาแล้ว พวกเราจะต้องรีบหนีทันที!”

ร่างของกู่ฉิงซานวูบไหว พริบตาเดียวก็โผล่มาคว้าจับเธอกลางอากาศ

“ถ้าเธอไม่อยากจะถูกจับ ก็รีบเปลี่ยนเป็นไพ่เดี๋ยวนี้!”

เขาสั่งเพียงสั้นๆ

ในเวลานี้ วัยรุ่นสาวกลายเป็นหลักแหลม เธอเปลี่ยนร่างตนเป็นไพ่โดยตรง

กู่ฉิงซานคว้าไพ่ เก็บมันใส่ถุงสัมภาระ

เขากวาดจิตสัมผัสเทวะออกไปให้ไกลที่สุด และใช้ออกด้วยย่นระยะเหลือเพียงหนึ่งนิ้ว

พริบตานั้นเขาก็หายไปจากบนฟ้า และปรากฏขึ้นอีกครั้งในขอบฟ้าไกล ห่างออกไปหลายร้อยลี้

กู่ฉิงซานไม่กล้าจะชะล่าใจ และเขาไม่สนเลยว่าจะต้องเสียพลังวิญญาณไปเท่าไหร่ ตนเริ่มใช้ออกด้วยร่นระยะอีกครั้ง!

ชั่วพริบตา ร่างเขาก็ไกลห่างออกไปอีกที

หนึ่งลมหายใจ

สองลมหายใจ

สามลมหายใจ

และแล้ว ณ ในจุดที่ทั้งสองเพิ่งจะต่อสู้กัน

ก็ปรากฏถึงเส้นแสงสีดำหยดย้อยลงมาจากผืนฟ้า ..

…………………………………