บทที่ 349 กลับ

บทที่ 349 กลับ

โลกของเกมเปลี่ยนแปลงทุกวัน ผู้เล่นที่มองมันว่าเป็นโลกที่สองอย่างสมบูรณ์ก็ฝังตัวอยู่ในโลกนี้นานกว่ายี่สิบชั่วโมงต่อวัน และความคืบหน้าของเกมก็เปลี่ยนใหม่ทุกวัน

เช่นเดียวกับอันดับเลเวล ซีเหมินชุยเสวียซึ่งตอนนี้เป็นอันดับหนึ่งที่มีเลเวลถึง 40! และอยู่ในตำแหน่งที่โดดเด่นของทั้งเขตฮัวเซีย! ในขณะเดียวกัน 5 อันดับแรกของอันดับเลเวลทั้งหมดถูกครอบครองโดยกิลด์แอนติควิตี้ ไม่ว่าจะเป็นคิงด้อม และนักธนูอายุ 17 ปีจากกิลด์ไดนัสตี้ หรือไนท์ คูนเนอร์จากกิลด์มิดซัมเมอร์ พวกเขาทั้งหมดตกจากห้าอันดับแรกไปแล้ว

อย่างไรก็ตาม อันดับ 1 ของเขตฮัวเซียที่ครองอันดับมาตลอดอย่างเจ้าแห่งฮีลเลอร์ได้หายไปจากสิบอันดับแรกของอันดับเลเวลแล้ว และถูกถอดออกจากกระดานผู้นำอย่างเป็นทางการ

เหตุการณ์นี้ได้รับความสนใจอย่างมากในฟอรั่ม เนื่องจากผู้เล่นในเขตฮัวเซียคุ้นเคยกับชื่อเสียงความไร้เทียมทานของเจ้าแห่งฮีลเลอร์อยู่แล้ว และตอนนี้เขาตกจากอันดับเลเวลอย่างไม่คาดคิด ซึ่งแสดงให้เห็นปัญหาเดียวเท่านั้น นั่นคือเจ้าแห่งฮีลเลอร์ต้องไม่ได้เข้าสู่ระบบมาเป็นเวลานาน มิฉะนั้น มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเก็บเลเวลล้าหลังได้

ส่วนเหตุผลที่เจ้าแห่งฮีลเลอร์ไม่ได้เข้าสู่ระบบนานขนาดนี้ ก็มีความคิดเห็นและการคาดเดาต่าง ๆ นานาปรากฏขึ้น แต่เรื่องหนึ่งที่เป็นที่รู้กันทุกคน นั่นคือ มีบางอย่างเกิดขึ้นกับเจ้าแห่งฮีลเลอร์ในโลกความเป็นจริง

บางคนคาดว่าเจ้าแห่งฮีลเลอร์ถูกแก้แค้น เนื่องจากเจ้าแห่งฮีลเลอร์ไปรุกรานกิลด์กลอรี่และกิลด์แอนติควิตี้อย่างต่อเนื่องซึ่งเป็นความแค้นฝังแน่นที่ไม่สามารถแก้ไขได้

กิลด์กลอรี่ ที่โลกความจริงก็คือแก๊งใต้ดินที่ใหญ่ที่สุดในภาคใต้ แก๊งฉิงหลง มีความแค้นอย่างสุดซึ้งกับเจ้าแห่งฮีลเลอร์ คงเป็นเรื่องแปลกที่แก๊งฉิงหลงจะไม่แก้แค้นในโลกความเป็นจริงตามสไตล์ของมัน

ไม่จำเป็นต้องพูดถึงกิลด์แอนติควิตี้ ว่ากันว่าพวกเขามีเบื้องหลังที่ไม่อาจหยั่งถึง ตอนนี้พวกเขาได้ผนวกกับกิลด์กลอรี่แล้ว ซึ่งก็ไม่ค่อยกินเส้นกับเจ้าแห่งฮีลเลอร์เช่นกัน ในกรณีที่มีความขัดแย้งมากมายกับเจ้าแห่งฮีลเลอร์ ก็เป็นเรื่องปกติที่พวกเขาที่จะแก้แค้นกันในโลกความเป็นจริง

เรื่องนี้ทำให้ผู้เล่นในเขตฮัวเซียสั่นกลัวมาก พวกเขาไม่ได้เปลี่ยนแนวความคิดต่อโลกนี้เลย ซึ่งพวกเขาเคยคิดว่านี่เป็นเพียงโลกของเกม ทว่า ตอนนี้ดูเหมือนว่ามันได้กลายเป็นโลกที่สองที่แยกออกจากโลกแห่งความเป็นจริงแล้ว!

“คุณจางออนไลน์อยู่หรือเปล่า?”

ในพื้นที่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเขตฮัวเซีย บริเวณนอกเมืองหลักที่อยู่ใกล้ชายทะเล มีแผนที่ลับที่เป็นซากปรักหักพังใต้น้ำอยู่ หวงฟู ตงไลและกลุ่มสมาชิกหลักของกิลด์แอนติควิตี้กำลังเก็บเลเวลอยู่ที่นี่ หลังจากจัดการมอสเตอร์ม้าน้ำระดับสูงเลเวล 45 แล้ว หวงฟู ตงไลก็ถามขึ้นมาอย่างกะทันหัน

“เธอยังออนไลน์อยู่เมื่อเช้า ดูเหมือนว่าเธอกำลังทำภารกิจอยู่ แต่ตอนนี้ออกจากระบบไปแล้วครับ” มู่หรงหยุนที่อยู่ด้านหลังตอบ

“เธอไปเมืองเฉิงไห่ได้เกือบครึ่งเดือนแล้วใช่ไหม? แม้ว่าเธอจะจัดการกับเจ้าแห่งฮีลเลอร์ได้ดี แต่เรื่องของกิลด์มิดซัมเมอร์ก็ถือว่าล่าช้าเกินไปไหม?” หวงฟู ตงไลขมวดคิ้ว

“มันก็…” มู่หรงหยุนอ้าปากและไม่รู้จะพูดอะไร เพราะเขาไม่สามารถจัดการเรื่องนี้ได้ และไม่กล้าแม้แต่จะถาม

“ครั้งต่อไปที่เธอออนไลน์ บอกข่าวให้ฉันด้วย ตอนนี้ตัวเกะกะอย่างเจ้าแห่งฮีลเลอร์ถูกจัดการไปแล้ว เราก็ต้องลงมือกับกิลด์มิดซัมเมอร์ด้วย พลังของกิลด์ได้รับการฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์แล้ว จะปล่อยให้ล่าช้าไปกว่านี้ไม่ได้” หวงฟู ตงไลกล่าว

“ครับ” มู่หรงหยุนต้องตอบเช่นนั้น

“หวงฟู! มาเร็ว! เราเจอบอสระดับเทพเจ้าแล้ว!”

ทันใดนั้นก็มีคนตะโกนด้วยความตกใจและตะโกนใส่หวงฟู ตงไล

“อะไรนะ! บอสระดับเทพเจ้า! เร็วเข้า! แจ้งซีเหมินให้เขามา! ฉันมีลางสังหรณ์ว่าบอสระดับเทพเจ้านี้จะต้องดร็อปอาร์ติแฟกต์ให้เราแน่ ๆ!”

เมื่อได้ยินเช่นั้นหวงฟู ตงไลก็ตกใจ เขาตะโกนและวิ่งไปข้างหน้าพร้อมกับฝูงชนจำนวนมาก

“เอ่อ คุณหัวหน้ากิลด์เฉียงเหว่ย ยังไม่มีข่าวเรื่องเจ้าแห่งฮีลเลอร์อีกหรือ?”

ในห้องโถงใหญ่ของเมืองแห่งความโศกเศร้า สกายมาพบหลิวเฉียงเหว่ยอีกครั้งเพื่อถามถึงสถานการณ์ เนื่องจากเซียวเฟิงหายตัวไปอย่างกะทันหัน เขาจึงมาที่นี่หลายครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการสนทนาล่าสุดในฟอรั่ม ข่าวลือต่าง ๆ ก็แพร่ออกมา หลังจากนั้นสกายก็ยิ่งไม่สงบใจมากขึ้น

“เขามีเรื่องสำคัญมากที่ต้องทำ และเขาจะกลับมาสู่เกมหลังจากนั้นไม่นาน” หลิวเฉียงเว่ยตอบอย่างเงียบ ๆ

“มันเป็นอย่างที่พวกเขาพูดจริง ๆ ใช่ไหม? ว่าเจ้าแห่งฮีลเลอร์ถูกแก้แค้นในโลกความเป็นจริงน่ะ?” สกายถามอย่างระมัดระวัง

“คุณหัวหน้ากิลด์สกาย!”

เสียงของหลิวเฉียงเหว่ยดังขึ้นทันที เธอจ้องมาที่สกาย “ได้โปรดอย่าเดาอะไรมั่วซั่ว ฉันบอกไปแล้ว เขาแค่มาช้าเพราะติดธุระบางอย่าง”

“ได้ ได้ แต่ฉันได้ยินมาว่ากิลด์แอนติควิตี้เคลื่อนไหวอีกครั้ง และหากเจ้าแห่งฮีลเลอร์กลับมาไม่ทันเวลา ในกรณีที่กิลด์แอนติควิตี้ใช้โอกาสนี้โจมตี โอกาสในการชนะของเราก็ไม่มากนัก” สกายพยักหน้าซ้ำ ๆ แต่ก็ยังรู้สึกกังวล

“คุณสกาย คุณดูถูกความแข็งแกร่งของกิลด์มิดซัมเมอร์เกินไปหรือเปล่า?” หลิวเฉียงเหว่ยกุมขมับของเธอแล้วถามกลับ

“แม้ว่าการป้องกันของเมืองแห่งความโศกเศร้าจะดีในฐานะค่ายฐาน แต่กลุ่มของเทพดาบนั้นแข็งแกร่งเกินไป ภายใต้สมมติฐานที่ว่าเราไม่สามารถหยุดพวกเขาได้ แม้ว่าประตูเมืองแห่งความโศกเศร้าจะทนทาน แต่พวกมันก็ถูกทำลายได้ ใช่ไหม?” สกายเผยความกังวลของเขา

“โปรดวางใจเถอะ ความแข็งแกร่งของกิลด์มิดซัมเมอร์นั้นไม่ธรรมดาอย่างที่คุณเห็นอย่างแน่นอน แม้ว่าเขาจะไม่อยู่ แต่ฉันก็ไม่เคยเห็นกิลด์แอนติควิตี้ในสายตาของฉันเลย” น้ำเสียงของหลิวเฉียงเหว่ยมีความมั่นใจจริง ๆ

“ถ้างั้น…ฉันขอตัวกลับก่อนนะ” สกายไม่สามารถเถียงอะไรกับท่าทีนั้นได้และจำต้องบอกลา ในขณะเดียวกันเขาก็ประหลาดใจ มันยังมีไพ่ตายลับอยู่ในกิลด์มิดซัมเมอร์อยู่อีกหรือ?

เซ็ตอาร์ติแฟกต์ของเจ้าแห่งฮีลเลอร์ถูกทิ้งให้กับไนท์ คูนเนอร์ สกายรู้เรื่องนี้ เจ้าแห่งฮีลเลอร์ทิ้งมันไว้เพื่อการซ้อมรบหรือไม่?

หลิวเฉียงเหว่ยยังคงถูขมับของตัวเองโดยไม่สนใจสกายที่เพิ่งเดินออกไป เพราะช่วงนี้เธอมีเรื่องปวดหัวมากมาย

ไม่ว่าจะภายในหรือนอกเกม มีปัญหามากมายที่เธอไม่สามารถจัดการได้ อย่างแรกก็ในเกม กลุ่มคนที่อยู่ภายใต้เอเรบัสมีความปรารถนาที่จะฆ่าคนอย่างแรงกล้า ตอนนี้พวกเขาทั้งหมดมีชื่อสีแดงสด ซึ่งทำให้พวกเขาไม่สามารถเข้าใกล้เมืองหลักได้ ดังนั้นพวกเขาจึงต้องอยู่ในป่า แม้แต่เสบียงอย่างของสวมใส่และยาก็ต้องให้ซือเยี่ยจิ๋งขนไปให้ เนื่องจากปัจจุบัน ของสวมใส่มีค่าความทนทานแล้ว จึงไปหา NPC ซ่อมให้ไม่ได้ ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงต้องเปลี่ยนมันเรื่อย ๆ เท่านั้น โชคดีที่ซือเยี่ยจิ๋งมีแหวนห้วงมิติของเซียวเฟิง ดังนั้นจึงขนของสวมใส่ครั้งล่ะหลายสิบชุดได้อย่างไม่มีปัญหา

ส่วนพวกเขาหาของสวมใส่มาเปลี่ยนมากมายขนาดนี้จากไหน มันไม่ใช่ปัญหาสำหรับเฉียนโตวโตวเลย

หลิวเฉียงเหว่ยได้เห็นความแข็งแกร่งของกลุ่มคนของเอเรบัสหลายครั้ง แน่นอนว่าพวกเขาแต่ละคนเป็นยอดฝีมือระดับสูง อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็โหดเหี้ยมเกินไป และพวกเขาทั้งหมดก็เปลี่ยนอาชีพเป็นมือสังหาร

นอกจากนี้ อีกเรื่องที่ทำให้หลิวเฉียงเหว่ยปวดหัวก็คือเรื่องภายนอก ตึกของมิดซัมเมอร์กรุ๊ปถูกผู้บุกรุกบุกเข้ามา!

แม้ว่าทรัพย์สินจะไม่เสียหายและไม่มีผู้บาดเจ็บล้มตาย แต่ความสูญเสียเพียงอย่างเดียวก็คือ เอกสารสำคัญถูกแฮ็กไป ข้อมูลเมื่อห้าปีที่แล้วถูกเปิดดูหลายครั้งราวกับว่ามีใครบางคนกำลังมองหาอะไรบางอย่าง ซึ่งเหตุการณ์นี้ทำให้หลิวเฉียงเหว่ยขมวดคิ้ว เพราะเธอก็เคยอ่านข้อมูลที่เกิดขึ้นเมื่อห้าปีที่แล้วตอนที่เธอกำลังสืบเรื่องเซียวเฟิง และตอนที่มิดซัมเมอร์กรุ๊ปกลายเป็นผู้สนับสนุนของทีมฮัวเซียในรอบชิงชนะเลิศระดับโลก ตอนนั้นเองที่หลังจากพิจารณาข้อมูลเหล่านั้นแล้ว หลิวเฉียงเหว่ยก็พลันเชื่อมโยงเซียวเฟิงเข้ากับอดีตออลเรเลีย

ตอนนี้ คลังเอกสารของบริษัทถูกแฮ็กไป ข้อมูลนั้นถูกตรวจสอบอีกครั้ง และมันสามารถพิสูจน์ได้เพียงสิ่งเดียวเท่านั้น!

นั่นก็คือมีคนกำลังสืบสวนเรื่องเซียวเฟิงอยู่!

หลิวเฉียงเหว่ยดูบันทึกกล้องวงจรปิดที่ตึกของบริษัทแล้ว แต่จากกล้อง เธอเห็นเพียงเงาที่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว พิสูจน์ให้เห็นว่าผู้บุกรุกไม่ใช่คนธรรมดา

เรื่องนี้ทำให้หลิวเฉียงเหว่ยสงสัยอยู่พักหนึ่ง การจากไปอย่างกะทันหันของเซียวเฟิงเกี่ยวข้องกับผู้บุกรุกคนนี้หรือเปล่า?

หลิวเฉียงเหว่ยไม่รู้ถึงตัวตนของเซียวเฟิง แต่จากความแข็งแกร่งของเซียวเฟิงแล้ว เธอก็รู้ได้ว่าต้นกำเนิดของเขานั้นไม่ธรรมดา ดังนั้นคนที่จงใจตรวจสอบเซียวเฟิงก็ต้องไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน!

นี่เป็นเหตุผลที่เซียวเฟิงจากไปอย่างกะทันหันหรือเปล่า? เขากำลังซ่อนตัวจากใครบางคนหรือเปล่า?

ณ สามเหลี่ยมเบอร์มิวดา บนเกาะทรายที่อยู่ริมสามเหลี่ยม เซียวเฟิงยืนอยู่บนชายหาด มองไปยังอีกเกาะที่กำลังจมอยู่ไกล ๆ

นั่นคือเกาะที่ตั้งฐานของเฮฟเว่น และตอนนี้กำลังจมลงสู่ก้นทะเลอย่างช้า ๆ นอกจากนี้ยังหมายความว่าองค์กรเฮฟเว่นได้สาบสูญนับนี้เป็นต้นไป

เซียวเฟิงเงียบอยู่เป็นเวลานาน การเดินทางมาจัดการเฮฟเว่นนี้อาจกล่าวได้ว่าจบลงแล้ว ไม่เพียงแต่ไม่ได้อะไรเท่านั้น แต่ยังเกิดข้อสงสัยเพิ่มอีกมากมายด้วย

ไม่สิ…พูดว่าไม่ได้อะไรเลยก็ไม่ถูก เพราะเฮฟเว่นก็หายไปแล้ว กล่าวคือ ผู้คนในเฮลสามารถโล่งใจได้อย่างสมบูรณ์ และเพียงต้องปลุกความเป็นมนุษย์เพื่อกลับคืนสู่ชีวิตมนุษย์ปกติ

แกว้ก!

นกสีดำกำลังฉีกปลาทะเลขนาดใหญ่อยู่ข้างหลังเซียวเฟิงและกลืนปลาอย่างตื่นเต้น ความแข็งแกร่งทางกายภาพของมันฟื้นฟูไปได้ครึ่งหนึ่งแล้ว อย่างไรก็ตาม เสียงของมันฟังดูแย่มาก มันเหมือนกับเสียงเป็ด

“เอาล่ะ ตอนนี้แกเป็นอิสระแล้ว โลกนี้กว้างใหญ่มาก ไปหาที่อยู่อาศัยเอาเองแล้วกัน ฉันไปล่ะ”

เซียวเฟิงหันมาหานกสีดำและบอกว่าเขากำลังจะไปแล้ว เขาจากมาครึ่งเดือนแล้ว และเซียวเฟิงก็คิดถึงเซียวหลิงและเพื่อนพ้องเหล่านั้นมาก

แกว้ก!

ทันใดนั้นนกสีดำก็หยุดฉีกปลา เงยหน้าขึ้นและมองมาที่เซียวเฟิง ในฐานะที่เป็นตัวทดลองระดับ ‘เมทริกซ์’ ความฉลาดของมันจึงไม่ต่ำอย่างแน่นอน เซียวเฟิงรู้ว่ามันสามารถเข้าใจสิ่งที่เขาพูดได้

หลังจากที่เซียวเฟิงพามันออกมา และเลี้ยงมันด้วยปลาทะเลสองสามตัว ก็เห็นได้ว่ามันไม่ใช่เครื่องจักรที่มีแต่การฆ่าและการทำลายล้างเท่านั้น ซึ่งเห็นได้จากความจริงที่ว่านกสีดำไม่ได้โจมตีเขาอีกต่อไปแล้วนั่นเอง

เซียวเฟิงไม่ได้พูดอะไรมาก ก่อนหน้านี้ตัวเองช่วยชีวิตนกสีดำไว้ก็เพียงเพราะสงสาร ท้ายที่สุดเขาก็เป็นตัวทดลองของเฮฟเว่นและเคยรู้สึกแบบเดียวกันกับนกสีดำ

แต่หลังจากช่วยชีวิตมันแล้ว เซียวเฟิงก็ไม่ได้วางแผนที่จะดูแลมันต่อ เพราะเซียวเฟิงได้กลับสู่ชีวิตของคนปกติแล้ว และไม่ต้องการเชื่อมโยงกับสิ่งเหล่านี้อีก

แกว้ก!

อย่างไรก็ตาม ในขณะที่เซียวเฟิงกำลังจะพุ่งออกไป ทันใดนั้นนกสีดำก็เข้ามาขวางเซียวเฟิงด้วยหัวของมัน

“อย่าตามฉันมา ฉันต้องไปแล้ว ถ้าไม่รู้จะไปไหนก็อยู่บนเกาะนี้ก็ได้ ด้วยความสามารถของแก การตกปลาไม่น่าจะเป็นปัญหานี่”

เซียวเฟิงเอื้อมมือและผลักมันออกไป เขารู้สึกได้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้วว่านกสีดำนั้นดูเหมือนจะผูกพันกับเขา ท้ายที่สุดมันก็เป็นเพียงลูกนกที่เพิ่งเกิด โลกนี้แปลกใหม่สำหรับมัน และอาจรู้สึกว่าเซียวเฟิง คนคนเดียวที่มันได้พบนั้นพึ่งพาได้

อย่างไรก็ตาม เซียวเฟิงไม่คิดจะดูแลมัน หลังจากผลักมันออกไป เขาก็ดำดิ่งลงสู่ทะเลและว่ายไปในทิศทางที่เขามา