ตอนที่ 46 นายคงไม่ได้ตกหลุมรักฉันแล้วใช่ไหม / ตอนที่ 47 หนีหัวซุนหัวซุน

[นิยายวาย] เมื่อบุหรี่ตกหลุมรักไม้ขีดไฟ

ตอนที่ 46 นายคงไม่ได้ตกหลุมรักฉันแล้วใช่ไหม 

 

 

ชุยหังยอมรับว่าเขาเป็นคนที่ขาดความรู้สึกปลอดภัยมักหวาดระแวงคนหนึ่ง ไม่ชอบบรรยากาศที่ทำให้รู้สึกอึดอัดใจมากเกินไป มันจะทำให้เขารู้สึกอัดอั้นตันใจมาก 

 

 

“แฟนฉันมาก็เลยออกไปทำธุระนิดหน่อย” หลูจื้อพูดออกมาอย่างสบายๆ 

 

 

ชุยหังตะลึงงันก่อนจะเรียกสติกลับมาได้ ก็จริง คนที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้ รูปก็หล่อ แถมยังเป็นถึงระดับผู้บัญชาการแล้วจะไม่มีแฟนได้ยังไง 

 

 

เชื่อสิว่ามีสาวๆ อีกหลายคนต่างก็ถวิลเฝ้าฝันหาอยากจะได้ผู้ชายแบบนี้มาเป็นสามี 

 

 

“วันนี้นายเป็นอะไร หรือว่าถูกแฟนทิ้งแล้วใช่ไหม” หลูจื้อพูด 

 

 

ชุยหังตะลึงไป ที่แท้เขาก็เห็นนานแล้วว่าชุยหังดูไม่เหมือนปกติ 

 

 

แต่นี่ขนาดเพื่อนร่วมห้องที่อยู่รอบกายเขายังมองไม่ออกเลยนะ แล้วทำไมเขาถึงมองออก 

 

 

“ไม่ใช่ครับ โสดสนิทตัวคนเดียว ไม่มีแฟน” 

 

 

ชุยหังเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองตัดสินใจเด็ดขาดมากแค่ไหนถึงได้พูดประโยคนี้ออกไปได้ 

 

 

นับตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป ไม่สิ ควรจะเป็นตั้งแต่เขากดโทรหาหลิวเฮ่อ ได้เริ่มรับรู้ข่าวคราวของทางฝ่ายนั้น ความสัมพันธ์รักแบบเพลโตนิครักบริสุทธิ์ระหว่างเขากับหลิวเฮ่อมันก็จบไปตั้งแต่ตอนนั้น 

 

 

“อย่าเอาแต่ซ่อนแต่ปิดอยู่เลยหน่า อันที่จริงมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ถูกทิ้งก็เป็นเรื่องธรรมดาทั่วไป ไม่อย่างนั้นจะเรียกว่าชีวิตวัยรุ่นได้ไง” หลูจื้อพูด 

 

 

“ครูฝึก ท่าทางจะมีประสบการณ์มาก่อนไม่น้อยเลยนะครับ” ชุยหังพูด 

 

 

เมื่อหลูจื้อได้ฟังก็หัวเราะออกมา คิดไม่ถึงว่าในเวลานี้ชุยหังยังมีกะจิตกะใจมาต่อปากต่อคำกับเขาอีก 

 

 

“ปากนายนี่นะ ถ้าไม่ได้เสียเปรียบจริงๆ ทำเป็นปากแข็งไปจะมีประโยชน์อะไร ควรจะยอมๆ ซะ ไม่อย่างนั้นคนที่เจ็บปวดยังไงก็จะเป็นตัวนายเอง” เขาพูดกับชุยหัง 

 

 

ชุยหังพูดตอบ: “อ้อ ผมรู้แล้ว” 

 

 

“มีเรื่องอะไรในใจหรือเปล่า ลำบากใจ? เป็นอะไร แฟนคนนี้คนที่เท่าไหร่ รักแรก?” หลูจื้อถาม 

 

 

“ไม่มีอะไรครับ” ชุยหังยืนยันปฏิเสธท่าเดียว แต่ว่าสีหน้าที่แสดงออกบนใบหน้ากลับไม่ค่อยสอดรับกับคำพูดเท่าไหร่ 

 

 

“ทำไมล่ะ โกรธฉันหรอ อย่าทำตัวอย่างกับเป็นสาวๆ ไปได้ มีเรื่องอะไรก็พูดมาเลย” คงเป็นเพราะหลูจื้อได้รับการสั่งสอนจากในกองทัพว่าให้พูดอย่างตรงไปตรงมา 

 

 

ตอนที่เขาพูดประโยคนี้ออกมาฟังน้ำเสียงดูหนักๆ ขึ้นแล้ว เหมือนจะเริ่มทนไม่ได้แล้วนิดๆ 

 

 

ชุยหังแอบคิดอยู่ในใจ แม่งเอ้ยฉันไม่ใช่พวกทหารของนายสักหน่อย แถมไม่ใช่เพื่อนรบเพื่อนตายของนายด้วย จะมาดุฉันทำไมเนี่ย  

 

 

เขาไม่พอใจ บวกกับที่ตอนนี้รู้สึกอึดอัดใจมากเลยแสดงออกทางสีหน้าออกมาเล็กน้อย 

 

 

“นายจะร้องไห้?” หลูจื้อมองดูท่าทางของเขาแล้วถามออกมาตรงๆ 

 

 

ชุยหังที่เดิมทีเริ่มจะตาแดงๆ ขึ้นมาแล้ว พอถูกเขาถามออกมาก็ยิ่งเศร้าใจมากกว่าเดิมจนน้ำตาไหลออกมา 

 

 

“เปล่าครับ ครูฝึกครับ เรื่องก่อนหน้านี้ปล่อยให้มันผ่านไปไม่ได้หรอ อย่าแกล้งผมอีกเลยจะได้ไหม” ชุยหังพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ตัวเองร้องไห้ 

 

 

หลูจื้อตะลึงงัน ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าเขาจะต้องคิดถึงเรื่องที่หลูจื้อไปเจอเขาบนถนนวันนั้นอย่างแน่นอน คงคิดว่าเขาคิดแค้นเรื่องที่ถูกชุยหังด่าใช่ไหม 

 

 

“ฉันเหมือนเด็กขนาดนั้นเลยหรือไง” เขาถามขึ้น 

 

 

ชุยหังตอบกลับ: “ผมจะไปรู้ได้ไง พวกเราไม่ได้สนิทกันสักหน่อย” 

 

 

“นี่จนปาเข้าไปกี่วันแล้ว นายยังดูไม่ออกอีกหรอว่าฉันเป็นคนยังไง ถ้าฉันจะจัดการนาย ฝึกนายจนหนักตายยังได้” หลูจื้อพูด 

 

 

ชุยหังกลับตอบกลับโดยไม่แสดงสีหน้าใดๆ : “อ้อ ผมรู้” 

 

 

หลูจื้อถูกท่าทางของเขาทำให้มึนไปแล้วตอนนี้ อ้อ? อ้อหมายความว่าไง 

 

 

“เด็กน้อย นายคงไม่ได้ตกหลุมรักฉันแล้วใช่ไหม ไม่เป็นไร พูดออกมาเลย ฉันไม่ถือ” หลูจื้อที่เมื่อครู่ยังโกรธอยู่แท้ๆ จู่ๆ ก็เปลี่ยนอารมณ์เสียอย่างนั้น ดูเหมือนกำลังคิดเรื่องสนุกๆ ออกก่อนจะถามขึ้นมา 

 

 

สายตาเหลือบมองหลูจื้อที่กำลังหลงตัวเองอยู่อีกทาง ชุยหังก็พูดขึ้น: “ครูฝึกครับ ทหารอย่างพวกคุณมีแต่คนหลงตัวเองแบบนี้หรอ” 

 

 

เขาแอบคิดในใจว่าฉันตกหลุมรักน้องแกสิ คิดว่าตัวเองเป็นคนที่ใครเห็นก็รักก็หลงหรือไง หนุ่มรูปงามอันดับหนึ่งที่ชายแท้เห็นแล้วยังเบี่ยงเบนมาชื่นชอบ 

 

 

ตอนนี้เขาเข้าใจตัวละครในทีวีแล้ว ความรู้สึกแบบที่พวกเซียนมาพบเจอกับพวกที่คิดว่าตนเป็นมนุษย์แล้วมาพูดจาเจื้อยแจ้วพึมพำด้วยไม่หยุดอะไรแบบนั้น อยากจะเอาฝ่ามือตบเข้าแรงๆ สักทีจริงๆ เพียงแต่ดีที่เขาไม่ใช่พวกเซียน ต่อให้ตนจะแอบด่าหลูจื้ออยู่ในใจแล้วเขาจะทำอะไรได้ 

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 47 หนีหัวซุนหัวซุน 

 

 

“ครูฝึกหลู ที่ครูเรียกผมออกมาแค่จะเรียกมาพูดล้อเล่นแค่นี้หรอ” ชุยหังถาม 

 

 

หลูจื้อพูดตอบ : “แน่นอนอยู่แล้วว่าไม่ใช่ อีกอย่างฉันแม่งก็มีแฟนอยู่แล้ว ก็แค่อยากจะมาถามดูว่าวันนี้เป็นอะไร” 

 

 

“อะไรเป็นอะไร” ชุยหังยังไม่อยากจะยอมรับ 

 

 

เรื่องแบบนี้เขาก็ไม่รู้ว่าจะพูดยังไงดี 

 

 

โดยเฉพาะกับผู้ชายแมนๆ แบบหลูจื้อยิ่งไม่มีทางจะพูดเลย เพราะเขาไม่เพียงแต่ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ แถมยังอาจจะรู้สึกรังเกียจเสียด้วยซ้ำ 

 

 

“ครูฝึก ทำไมครูถึงพูดคำหยาบล่ะ…” ชุยหังถาม 

 

 

“ใครได้ยินล่ะ? นายได้ยินหรอ แล้วฉันพูดว่าอะไร” เขาถามออกมาอย่างเผด็จการ 

 

 

ชุยหังรู้ว่าตัวเองสู้ไม่ได้จึงรีบพูดแก้ขึ้นมา : “อ้อ ถ้าอย่างนั้นผมคงฟังผิดไปเอง” 

 

 

“นายไม่เป็นไรจริงหรอ ฉันดูท่าทางนายแล้วทำอย่างกับไก่ป่วย ก็นึกว่านายโดนทิ้งมาซะอีก” หลูจื้อพูดเยาะเย้ยอย่างไม่เกรงใจ 

 

 

ชุยหังพูด : “ครูฝึก ครูมีประสบการณ์?” 

 

 

“ฉันเป็นลูกผู้ชายทั้งคนแถมยังเป็นทหารด้วย โดนทิ้งสองสามครั้งจะเป็นไรไป?” หลูจื้อพูดยอมรับออกมาอย่างแมนๆ 

 

 

“โตมาหล่อขนาดนี้ยังถูกทิ้งเลย นั่นก็แสดงว่าครูช่างพูดไม่เป็นเอาเสียเลย” ชุยหังรีบพูดเยาะเย้ยประโยคเมื่อครู่กลับทันที 

 

 

หลังจากที่หลูจื้อได้ฟังก็พูดต่อ : “ฉันไม่ได้แค่ปลอบใครไม่เป็น แถมยังเอาใจเด็กไม่เป็นอีกด้วย นายขาดคนที่คอยสั่งสอนนายได้ใช่ไหม” 

 

 

ชุยหังรีบพูดตอบทันที : “ครูอ่ะก็ดีแต่คอยทำให้ผมตกใจกลัว นี่มันถือว่าเป็นความสามารถอะไรกัน” 

 

 

“พอแล้วฉันไม่มีเวลามาเถียงกับนาย ถ้านายไม่เป็นอะไรแล้วก็กลับไปเถอะ” หลูจื้อพูด 

 

 

ชุยหังมองดูสายฝนที่ยังคอยตกปรอยๆ อยู่พลางพูด : “ครูลากผมออกมาแล้วจะให้ผมวิ่งตากฝนกลับไปเองเนี่ยนะ” 

 

 

“ให้นาย” หลูจื้อยื่นร่มในมือมาให้ชุยหัง 

 

 

ชุยหังเกรงใจที่จะรับจึงพูดว่า : “ช่างเถอะ ผมว่าผมวิ่งกลับไปดีกว่า เผื่อว่าชุดครูเปียกแล้วมาคิดบัญชีกับผมทำไง” 

 

 

พูดจบ หลูจื้อไม่ทันได้พูดอะไรเขาก็รีบวิ่งออกมา 

 

 

“ไม่ต้องวิ่ง ก็ไม่ใช่ว่าฉันจะจับนายไม่ได้ซะหน่อย ถ้าเก่งนักฝึกทหารก็ไม่ต้องเข้าร่วมเลยสิ” หลูจื้อตะโกนตามจากทางด้านหลัง 

 

 

ชุยหังใจเต้นตึกตักแต่ก็ไม่ได้หยุดวิ่ง 

 

 

ไม่รู้ว่าเพราะอะไร พอเขาคิดถึงคำพูดของหลูจื้อที่พูดเมื่อครู่นี้แล้วอยากจะร้องไห้ออกมา 

 

 

หลายปีมานี้ไม่เคยมีใครมองเห็นถึงความผิดปกติอะไรในตัวของชุยหังเลย นอกจากเขา 

 

 

ตอนที่วิ่งมาถึงด้านล่างของหอพัก เนื้อตัวของเขาก็เปียกชุ่มไปหมดแล้ว 

 

 

มองห่างออกไปหลูจื้อไม่ได้ตามมาด้วย เขารู้สึกว่าตัวเองเหมือนจะกังวลมากเกินไปแล้ว 

 

 

เขาเป็นผู้ชายแมนๆ ที่มีแฟนแล้ว อีกทั้งยังเป็นพี่ชายทหารที่เคยมีประสบการณ์ด้านความรักมาแล้วถึงสองสามครั้ง ถ้าอยากจะรู้ว่าเกย์อย่างตนทำไมถึงดูซึมเศร้าพูดไปแล้วก็กลัวว่าจะทำให้เขาตกใจ 

 

 

ชุยหังคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหยิบเอาโทรศัพท์ออกจากในกระเป๋าแล้วกดเปิด 

 

 

ไม่ว่ายังไงระหว่างเขากับหลิวเฮ่อก็ควรจะตัดกันไปข้างหนึ่ง 

 

 

ที่แท้หลังจากนั้นหลิวเฮ่อก็ได้โทรศัพท์มาหาเขา แล้วก็ได้ส่งข้อความมาหาเขาด้วย 

 

 

[คนที่รับโทรศัพท์เมื่อกี้เป็นแค่ลูกของเพื่อนร่วมงาน นายอย่าคิดมากนะ] 

 

 

[หลายวันมานี้พวกเรายุ่งมากเลยได้แต่ทำโอตลอด ฉันคิดถึงนายแล้วเนี่ยแต่ไม่ทันได้มีเวลาตอบกลับข้อความ นายทำอะไรอยู่] 

 

 

[ปิดโทรศัพท์ทำไม แล้วทำไมถึงไม่ตอบข้อความฉัน นายเข้าใจผิดอะไรแล้วหรือเปล่า] 

 

 

[คนๆ นั้นไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับฉันเลยจริงๆ นะ ถ้าไม่เชื่อนายรับโทรศัพท์ฉันสิ ฉันจะให้เขาอธิบายกับนายเอง] 

 

 

… 

 

 

ข้อความแต่ละข้อความ ตัวอักษรแต่ละตัวอักษร คำแก้ตัวตื้นๆ มันไม่ได้ทำให้ความรู้สึกของชุยหังดีขึ้นมาเลยสักนิด แต่กลับให้ความรู้สึกว่า ดูเหมือนจะถึงเวลาที่ตัวเองควรปล่อยมือแล้วจริงๆ 

 

 

ลูกเพื่อนร่วมงาน ทำโอตลอด คิดว่าหลอกผีอยู่หรือไง 

 

 

[ขอให้พวกนายมีความสุข ลาก่อน]