ตอนที่ 149 ภรรยาโมโหแล้ว
“เจ้า…” องค์ชายรองแทบไม่อยากเชื่อสิ่งที่ได้ยินเลย เขาเป็นถึงองค์ชาย แค่ผู้พิพากษาศาลต้าหลี่คนหนึ่งไม่อาจตัดสินความผิดเขาได้ แต่คุมตัวไว้ชั่วคราวกลับทำได้ อย่างไรเสียต่อให้เขาเป็นเสด็จพี่ใหญ่ ตอนนี้ก็ยังถูกจับกุมตัวไว้ในศาลต้าหลี่เลย
ผู้พิพากษาศาลต้าหลี่เห็นเขาเดือดดาลอย่างหาที่สุดไม่ได้กลับเอ่ยเพียงว่า “องค์ชายรอง ล่วงเกินท่านแล้ว”
เมื่อสิ้นเสียง มือปราบก็เข้ามาจับกุมคนไว้
องค์ชายรองเอ่ยด้วยโทสะ “ไม่ต้องจับข้า ข้าเดินเองได้”
ผู้พิพากษาศาลต้าหลี่มองปิ่นปักผมในมือเย่ซังอิ๋น กล่าวว่า “ในเมื่อสิ่งนี้เป็นหลักฐาน ข้าก็จะนำเข้าวังให้ฝ่าบาทตรวจสอบดู”
ทันใดนั้นก็มีคนเข้าไปหยิบปิ่นปักผมในมือเย่ซังอิ๋น
หลังจากนั้นเย่ซังอิ๋นก็ถูกคุมตัวไว้แล้ว
ถัดมาผู้พิพากษาศาลต้าหลี่เตรียมตัวไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้ในวังหลวงแล้ว ก่อนเย่ซังอิ๋นจะถูกคุมตัวจากไป สายตากวาดมองเป่ยเฉินเสียเยี่ยนและเยี่ยเม่ย แววตาปรากฏความตื่นเต้น
เยี่ยเม่ยแอบถอนใจ เย่ซังอิ๋นต้องทำให้องค์ชายรองสูญสิ้นทุกสิ่งทุกอย่างไปอย่างแน่นอน แต่ว่าหากทำเช่นนี้ล่ะก็ชีวิตของเย่ซังอิ๋นก็ไม่อาจรักษาไว้ได้แล้ว
ตอนนี้เป่ยเฉินอี้เอ่ยปากขึ้นบ้างว่า “ข้าจะตามผู้พิพากษาศาลต้าหลี่ซื่อไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทด้วย”
คำพูดนี้ย่อมไม่มีใครคัดค้าน ไม่ว่าเพราะความน่าเกรงขามของเป่ยเฉินอี้ หรือเพราะเป่ยเฉินอี้เป็นเชื้อพระวงศ์ก็ตาม เขาล้วนมีสิทธิ์ในการก้าวก่ายเรื่องนี้
เยี่ยเม่ยและเป่ยเฉินเสียเยี่ยนเองก็ต้องเข้าวังเช่นกัน ต่อเบื้องพระพักตร์ฮ่องเต้ พวกเขาอยู่ฝั่งเดียวกับเป่ยเฉินเสียง ในเวลานี้จะแสดงออกว่าไม่ใส่ใจได้หรือ
เมื่อออกจากศาลต้าหลี่แล้ว เยี่ยเม่ยมองเป่ยเฉินอี้วูบหนึ่ง สายตาแฝงด้วยความทอดถอนใจ
หากไม่ใช่เพราะความคิดของเป่ยเฉินอี้ละเอียดรอบคอบมากพอ นางย่อมไม่มีทางคิดจะส่งตัวองค์ชายรองให้ศาลต้าหลี่แน่ ถึงบอกว่าหลักฐานและพยานมัดแน่น แต่เมื่อส่งให้กับกองสอบสวนนครบาลและฮ่องเต้ นั่นก็เท่ากับอยู่ในอำนาจของฮ่องเต้ทั้งหมด ยากป้องกันไม่ใช่ฮ่องเต้สังหารเย่ซังอิ๋นเพื่อปกป้องบุตรชายของตน
ส่วนข้อตกลงที่พวกนางทำกับเย่ซังอิ๋นไว้ก่อนหน้าก็จะถูกเปิดโปงออกมา เงื่อนไขที่เย่ซังอิ๋นเสนอคือองค์ชายรองสูญสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง ดังนั้นนางถึงยอมตายเข้าแลก หากสุดท้ายไม่อาจบรรลุเป้าหมายของเย่ซังอิ๋นได้ อาจชักนำให้เย่ซังอิ๋นกลับคำให้การมาแว้งกัดนางและเป่ยเฉินเสียเยี่ยนได้
ดูท่า ต่อให้นางคิดว่าตัวเองฉลาดไม่น้อย แต่เมื่อเทียบกับเป่ยเฉินอี้แล้วก็ยังคงห่างชั้นอยู่เหมือนเดิม
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนเห็นนางมีสีหน้าแปลกประหลาดก็ถามว่า “เป็นอะไรไป”
เยี่ยเม่ยตอบตามตรง “เป่ยเฉินอี้เป็นคนเสนอให้มอบตัวองค์ชายรองกับศาลต้าหลี่”
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนฟังแล้วย้อนถามว่า “หรือเดิมทีเจ้าคิดส่งเขาให้กับกองสอบสวนนครบาล”
เยี่ยเม่ย “…” ฟังน้ำเสียงแปลกใจของเป่ยเฉินเสียเยี่ยน เหตุใดเหมือนกับถ้านางยอมรับออกไป จะแสดงว่านางโง่อย่างแสนสาหัสกันเชียวนะ
แต่ว่าความจริงอย่างไรก็เป็นความจริง
ดังนั้นก็ต้องบอกว่าเป่ยเฉินอี้รู้ว่าสมควรส่งคนให้กับศาลต้าหลี่ เป่ยเฉินเสียเยี่ยนก็รู้ อีกทั้งเป่ยเฉินเสียเยี่ยนยังหลงคิดว่าตัวนางก็รู้เช่นกันจึงไม่ได้เตือนนาง มีแต่นางที่โง่งมไม่รู้อะไรเลย เป็นเช่นนี้ใช่หรือเปล่า
เยี่ยเม่ยพลันสูดหายใจลึกๆ สองสามคำ
รู้สึกเสียหน้า เอ่ยเสียงนิ่งเบาๆ “ถูกแล้ว ข้าโง่มาก พอใจแล้วใช่ไหม ข้าไม่ได้ฉลาดเหมือนพวกเชื้อพระวงศ์อย่างพวกท่านที่เล่นเล่ห์เพทุบายกันทั้งวี่ทั้งวัน ข้ามีสติปัญญาจำกัด เกือบทำให้หมากของทุกท่านเสียกระดาน ใช้ได้แล้วหรือยัง”
พูดจบ นางก็สาวเท้ากว้างๆ ออกไป
ถึงนางรู้ว่าตัวเองเกือบทำผิดพลาดแล้ว แต่ถึงขั้นที่ว่าเป่ยเฉินเสียเยี่ยนจะไม่ไว้หน้านางสักนิดเชียวหรือ
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนมุมปากกระตุกขึ้นเล็กน้อย พลันตระหนักได้ว่าคำพูดประโยคนั้น หรือตนใช้น้ำเสียงผิดไปแล้ว เห็นแผ่นหลังเดือดดาลของภรรยา เขาก็เข้าใจว่าตัวเองก่อเรื่องเสียแล้ว
ตอนที่ 150 รู้จักหรือไม่
ต่อให้ภรรยาทำผิดก็ห้ามพูดออกไปเด็ดขาด
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนรีบติดตามไป แต่เยี่ยเม่ยไม่พูดกับเขา นางก้าวฉับๆ ไป ผู้พิพากษาศาลต้าหลี่และคนอื่นๆ ก็รีบติดตามไป คราวนี้เขาคิดจะปลอบภรรยาก็ไม่มีทางเปิดปากได้
ทำได้แค่เข้าวังไปก่อน หลังจากนั้นค่อยว่ากัน
……
ในวังหลวง ฮ่องเต้ทรงทราบข่าวแล้ว พอรู้สถานการณ์คร่าวๆ ก็รู้ด้วยว่าตอนนี้ ผู้พิพากษาศาลต้าหลี่จะมาหาพระองค์อย่างเอิกเกริก
พระองค์ทรงคลึงหว่างพระขนงอย่างเจ็บปวด มองผู้พิพากษาศาลต้าหลี่นำคนเข้ามาเต็มไปหมด
หลังจากนั้น ผู้พิพากษาศาลต้าหลี่รายงานผลการไต่สวนคดีในวันนี้
ฮ่องเต้ทรงมีสีพระพักตร์เคร่งขรึมไม่ตรัสวาจา ไม่ช้าผู้พิพากษาศาลต้าหลี่ก็รีบมอบหลักฐานในมือออกไป หัวหน้าขันทีด้านหลังฮ่องเต้รีบเข้าไปรับหลักฐานมาส่งให้ฮ่องเต้
ฮ่องเต้ทรงก้มพระเศียรทอดพระเนตรวูบหนึ่ง หลักฐานชิ้นนี้เป็นเครื่องประดับที่เสด็จแม่องค์ชายรองรักที่สุดจริงๆ ซ้ำพระองค์เป็นผู้ประทานให้นางด้วย
ไม่ว่าอย่างไร ของสิ่งนี้ไม่อาจตกไปอยู่ในมือของนักร้องหญิงง่ายๆ แน่
เช่นนั้นก็เป็นการยืนยันว่า…เรื่องนี้เกี่ยวพันกับองค์ชายรองแล้วจริงๆ หรือ
คราวนี้สีพระพักตร์เปลี่ยนไปไม่น่ามองอีก
เป่ยเฉินอี้เอ่ยปาก “เรื่องนี้ทั้งพยานหลักฐานชัดเจน เสด็จพี่คิดจะจัดการอย่างไร”
เมื่อเอ่ยถึงพยานหลักฐาน นั่นก็เท่ากับเตือนฮ่องเต้ว่า เรื่องนี้ไต่สวนเรียบร้อยแล้ว คิดจะเปลี่ยนเรื่องใหญ่ให้กลายเป็นเรื่องเล็ก เปลี่ยนเรื่องเล็กให้ไร้เรื่องราวเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน
แต่ว่า…
ยามนี้ฮ่องเต้ทรงไม่คิดเปลี่ยนเรื่องใหญ่ให้เป็นเรื่องเล็ก
เดิมทีพระองค์ทรงหลงคิดว่า นี่เป็นแผนการที่เป่ยเฉินอี้ต้องการให้ร้ายเป่ยเฉินเสียง ดังนั้นจึงโมโหมาก เพียงคิดช่วยเป่ยเฉินเสียงหลีกหนีความผิดเท่านั้น แต่ตอนนี้ดูแล้ว มีโอกาสเป็นไปได้มากที่องค์ชายรองคิดทำร้ายองค์ชายใหญ่
ดวงพระเนตรปรากฏโทสะฉายชัดออกมา
ตรัสว่า “ตอนนี้องค์ชายรองอยู่ที่ไหน”
ผู้พิพากษาศาลต้าหลี่ตอบว่า “ฝ่าบาท ตอนนี้คุมตัวไว้ในคุกหลวงศาลต้าหลี่ชั่วคราว รอพระองค์ทรงตัดสินพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้ทรงนิ่งไปสักครู่ พระพักตร์ขึงเครียดไม่พูดไม่จา
ตัดสิน…
ถ้าตัดสินตามพยานหลักฐานในยามนี้ องค์ชายรองทำเพื่อให้ร้ายองค์ชายใหญ่ ทั้งยังกระทำการฆ่าคน นี่คือโทษประหาร
แต่ไม่ตัดสิน…คิดถึงพวกเขาทำเพื่อราชบัลลังก์ พี่น้องเข่นฆ่ากันแล้ว ถึงกระทั่งใช้วิธีการต่ำช้าเช่นนี้ เพลิงโทสะในพระทัยก็ไม่รู้จะระบายไปที่ไหนในชั่วขณะ
เยี่ยเม่ยในเวลานี้ เอ่ยได้ประจวบเหมาะนักว่า “เสด็จพ่อ การกระทำของเสด็จพี่รองครั้งนี้เกินไปแล้ว ต่อให้เขาอิจฉาเสด็จพี่ใหญ่ ก็ไม่ควรสร้างเรื่องพรรค์นี้ อย่างไรก็ตามองค์ชายใหญ่พลั้งมือสังหารแม่ทัพหวังไปแล้ว ตามกฎหมายของราชสำนัก คือโทษประหาร องค์ชายรองต้องการเอาชีวิตองค์ชายใหญ่นะเพคะ”
ทันทีที่เป่ยเฉินเซี่ยวได้ฟังก็พลันเดือดดาลขึ้นแล้ว
ถูกต้อง
พระองค์คิดเมตตาองค์ชายรอง แต่ว่าองค์ชายรองเคยเมตตาองค์ชายใหญ่บ้างหรือไม่
ล้วนเป็นลูกชายของพระองค์ทั้งนั้น ถึงบอกว่าจะหน้ามือหลังมือล้วนเป็นเนื้อกาย แต่ว่านิ้วมือทั้งสิบยังมีความสั้นยาวแตกต่างกัน ไฉนพระองค์ถึงทนให้องค์ชายรองทำร้ายลูกชายที่พระองค์รักที่สุดได้เล่า
เมื่อคิดได้ดังนี้ ฮ่องเต้ทรงตรัสทันที “ถ่ายทอดคำสั่งลงไป ให้เขารีบเขียนคำสารภาพเรื่องปิ่นปักผมนี้ออกมาให้ชัดเจนว่าตกอยู่ในมือนักร้องหญิงผู้นั้นได้อย่างไร หากเขากล้าเขียนไม่ชัด ข้าจะตัดหัวเขา”
“พ่ะย่ะค่ะ” ผู้พิพากษาศาลต้าหลี่รับคำสั่งแล้วก็รีบไปดำเนินการทันที
……
คุกหลวง
องค์ชายรองและเย่ซังอิ๋นถูกคุมขังไว้ที่คุกหลวง ทั้งสองอยู่ห้องข้างกัน
หลังจากถูกขังแล้ว องค์ชายรองถลึงตาให้เย่ซังอิ๋นด้วยอารมณ์โมโห “นางแพศยา เจ้ากล้าทำร้ายข้า!”
เย่ซังอิ๋นกลับหัวเราะแล้ว “องค์ชายรองไม่รู้จักข้าไม่ใช่หรือ”