ตอนที่ 57 ความแตกต่างของนักล่าอสูร

บุตรอสูรบรรพกาล

ตอนที่ 57

ความแตกต่างของนักล่าอสูร

 

25 คน นั่นคือจำนวนผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณที่มาสมัครเข้าสำนักในวันนี้ แต่ละคนไม่มีใครเลยที่มีพลังต่ำกว่าขั้นผลึกวิญญาณ และคนที่มีพลังสูงที่สุดหากนับเพียงพลังวิญญาณคงจะหนีไม่พ้นชายร่างใหญ่ที่มาก่อนไป๋จูเหวินไม่นานเป็นแน่

“สวัสดีทุกคน”ขณะกำลังรอว่าเมื่อไหร่การทดสอบจะเริ่ม ชายหนุ่มท่าทางสำอางเล็กน้อยก็เดินออกมาพร้อมใบหน้ายิ้มแย้มใจดี ที่ด้านหลังของเขามีชายวัยกลางคนอีก 2 คนเดินติดตามมาด้วยท่าทางแต่ละคนไม่ธรรมดาเลยแม้แต่น้อย

“พวกเจ้าทุกคนคงรู้ดีอยู่แล้วว่าสำนักของเราเป็นสำนักย่อยของกลุ่มนักล่าอสูร”ชายหนุ่มเจ้าสำอางว่าพลางครี่พัดอกมาพัดตนเองเบาๆ ต่างจากภาพพจน์ของนักล่าอสูรคนอื่นๆไม่น้อย

“เมื่อเจ้าฝึกฝนจนได้รับการยอมรับจากพวกเราเหล่าอาจารย์ พวกเจ้าก็มีทางเลือกว่าจะเข้าร่วมกลุ่มนักล่าอสูรหรือจะอยู่ที่สำนักนี้ต่อ”ไป๋จูเหวินได้ยินก็พยักหน้าน้อยๆ สำนักนี้ก็ทำเช่นเดียวกับสำนักธารโลหิต เมื่อศิษย์ไม่จำเป็นต้องได้รับการฝึกสอนจากสำนักตนแล้ว ศิษย์คนนั้นก็สามารถออกเดินทางเพื่อหาความฝันที่ดีกว่าได้ แต่หากไม่ก็สามารถอยู่ร่วมในสำนักทำหน้าที่อาจารย์หรือหน้าที่อื่นๆได้ต่อไป

“แน่นอน พวกเราตั้งใจจะปั้นพวกเจ้าให้เป็นนักล่าอสูรที่เก่งกาจ เพราะฉะนั้นเตรียมใจเอาไว้ให้ดี และอย่างที่ทราบกันงานของนักล่าอสูรคือการปราบอสูร พวกเจ้าสามารถให้คำสัจกับข้าได้หรือไม่ว่าจะฆ่าอสูรทุกตัวที่เจ้าเจอ”ได้ยินเช่นนั้นเหล่าคนที่ยืนอยู่ต่างก็ส่งเสียงตะโกนออกมาอย่างฮึกเหิม คนส่วนใหญ่ที่มาสมัครเข้าร่วมสำนักเขี้ยวมังกรล้วนต้องการเป็นนักล่าอสูร และบางคนก็ถึงกับมีความแค้นกับอสูร พวกมันตะโกนอย่างสุกเสียงว่าจะฆ่าอสูรที่เจออย่างแน่นอน

“พวกเจ้า ไม่เต็มใจจะฆ่าอสูรงั้นหรือ”ชายเจ้าสำอางถามพลางมองมาทางพวกไป๋จูเหวิน ขณะที่คนอื่นๆตะโกนกันอย่างครึกครื้น ไป๋จูเหวิน ต้าชิง และ ต้าเฉิน กลับนิ่งเงียบ แม้จะเป็นเพียงคำพูดปลุกใจ แต่พวกมันมีความสัมพันธ์กับอสูรไม่น้อย การบอกว่าจะฆ่าอสูรทุกตัวที่เจอคงเป็นไปไม่ได้สำหรับพวกมัน

“หรือพวกเจ้าไม่กล้าฆ่าอสูรกัน”ชายหนุ่มเจ้าสำอางถามพลางเดินตรงมาทางไป๋จูเหวิน

“ไม่ขอรับ พวกข้าฆ่าสัตว์อสูรได้”ไป๋จูเหวินตอบเสียงเบาพลางประสานมือขึ้น

“แล้วทำไมพวกเจ้าไม่ตะโกน”ชายเจ้าสำอางถามอีกครั้ง

“ข้าเพียงไม่ได้จะฆ่าอสูรทุกตัวที่พบเจอ บางตัวก็ไม่จำเป็นต้องสังหาร”ได้ยินที่ไป๋จูเหวินตอบ ชายเจ้าสำอางก็เลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ

“เช่นนั้น เจ้าจะดูท่าทีของมันก่อนงั้นหรือว่ามันอันตรายหรือไม่”

“ขอรับ”ไป๋จูเหวินตอบอย่างว่าง่ายโดยที่พวกต้าชิงและต้าเฉินไม่ได้มีท่าทีต่อต้านแต่อย่างไร อย่างน้อยหากพวกมันเจอเฒ่าแก่หวังอีกพวกมันก็ไม่คิดจะฆ่าล่ะนะ

“ต่อให้อสูรตัวนั้นดูน่ากลัวแค่ไหนก็ตามงั้นหรือ”ชายเจ้าสำอางถามพลางยิ้มออกมา

“ขอรับ”ไป๋จูเหวินตอบ เพราะมันเคยเจออสูรมามากมาย บางตนแม้ท่าทีตอนแรกจะดุร้าย แต่พอได้พูดคุยกันกลับเป็นอสูรที่ดีทีเดียว ทั้งนี้ไม่ใช่เพราะพลังของไป๋จูเหวิน แต่ไป๋จูเหวินตัดสินจากนิสัยที่มันกระทำกับอสูรตนอื่นต่างหาก อย่างพวกหมาป่าขนเงินเองมองภายนอกพวกมันก็เหมืนอันตพาลไม่น้อย เพราะพวกมันจะเดินเป็นกลุ่มไปทั่วเขตป่าเมฆาอัสนี แต่เอาเข้าจริงแล้วพวกมันกลับกำลังเดินตรวจตราความเรียบร้อยของป่า และทำหน้าที่ค้นหาผู้บุกรุกนั่นเอง แถมพวกมันยังรักพวกพ้องในป่ามากทีเดียวถึงขั้นเป็นหัวหอกในการต่อสู้ระหว่างป่าสมัยที่อสูรแมงมุมยังไม่รวมทุกป่าเป็นหนึ่ง

“อืม พวกเจ้าสามคนตามข้ามา”ชายเจ้าสำอางว่าพลางยิ้มอย่างพึงพอใจ มันพาไป๋จูเหวินและต้าชิงต้าเฉินเข้าไปในสำนักท่ามกลางความงุนงงของเหล่าผู้สมัครคนอื่นๆ

“นี่มัน เรื่องอะไรกันขอรับ”ไป๋จูเหวินถามพลางมองชายเจ้าสำอางอย่างประหลาดใจ

“เพราะพวกเจ้าเป็นพวกที่ข้าต้องการน่ะสิ”ชายเจ้าสำอางยิ้มพลางมองมาทางทั้งสามด้วยใบหน้ายินดีทำเอาต้าชิงต้าเฉินเสียวสันหลังวูบ

“ตะ ต้องการ?”ต้าชิงทวนคำด้วยท่าทีกระอักระอ่วน ไม่ใช่ว่าอาจารย์ท่านนี้จะสนใจหน้าตาของนายน้อย..

“ใช่ นักล่าอสูรส่วนใหญ่มักจะมุ่งเน้นไปที่การฆ่าอสูร แต่ก็มีงานอื่นๆให้นักล่าอสูรทำเช่นกัน”ชายเจ้าสำอางว่าพลางพาไป๋จูเหวินและต้าชิงต้าเฉินมาที่ห้องแห่งหนึ่ง ที่นี่มีอสูรชราตนหนึ่งนอนอยู่บนพื้นด้วยท่าทีเหนื่อยหน่าย

“ความจริงแล้ว นักล่าอสูรแบ่งออกเป็นสายแยกย่อยเช่นกันแล้วแต่การทำงานของแต่ละหน่วย”ชายเจ้าสำอางว่าพลางเดินไปยืนที่มุมหนึ่งของห้อง

“อย่างแรกเลยคือพวกที่ล่าอสูรโดยเฉพาะ พวกนี้มีจำนวนมากและมีหลายหน่วยในกลุ่มนักล่าอสูร”ได้ยินเช่นนั้นไป๋จูเหวินก็นึกถึงหน่วยของพวกเหม่ยหลินทันที นางคงเป็นหน่วยล่าอย่างไม่ต้องสงสัย

“ต่อมา เราเรียกกันว่ากลุ่มสำรวจ คนเหล่านี้หายาก เพราะหน้าที่ของพวกเขาคือการตรวจสอบอสูรในแต่ละเขต ศึกษาและทำความเข้าใจ ไม่ใช่เพียงฆ่าเท่านั้น”มิน่าเล่าชายเจ้าสำอางถึงมีท่าทียินดีเมื่อเห็นพวกมันทั้งสามไม่ยอมพูดว่าจะฆ่าอสูรแต่เพียงอย่างเดียว

“นอกจากนี้ก็จะมี หน่วยจับกุม หน่วยดูแล หน่วยลักลอบ แยกออกไปอีก แต่หน่วยพวกนี้ต้องใช้ความสามารถเฉพาะตัว หลังจากเข้ากลุ่มอสูรค่อยตัดสินใจก็ได้”ชายเจ้าสำอางตัดบทหน่วยอื่นออกไปเสียอย่างนั้น

“ที่ท่านแยกพวกเรามาเพื่อจะให้พวกเราเป็นหน่วยสำรวจสินะขอรับ”ไป๋จูเหวินถาม

“ถูก และ ไม่ถูก”ชายเจ้าสำอางยิ้มบางๆ พลางมองไปยังอสูรกบที่นอนอยู่กลางห้อง มันไม่มีโซ๋ล่ามเอาไว้ ไม่มีเครื่องประดับหรือปลอกคอ แต่พวกไป๋จูเหวินกลับไม่โวยวายอะไรเลยท่าทางเรื่องที่เห็นอสูรแล้วจะไม่เข้าไปฆ่าทันทีก็คงเชื่อถือได้

“ข้าอยากได้หน่วยสำรวจเพิ่มเพราะคนกำลังขาดแคลน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าข้าจะรับพวกเจ้าในทันที”ชายเจ้าสำอางพูดจบก็เดินมาด้านหลังของพวกไป๋จูเหวิน พลางวางมือไว้บนไหล่ของต้าชิงและต้าเฉินทำเอาทั้งสองขนลุกไม่น้อย นี่อาจารย์ท่านนี้ใส่น้ำหอมด้วยงั้นหรือ..

“อย่างแรกเลย พวกเจ้าช่วยเข้าไปลูบหัวอสูรตนนั้นเสียหน่อยสิ”ได้ยินเช่นนั้นต้าชิงต้าเฉินก็มีท่าทีลังเลเล็กน้อย พวกมันไม่ได้สนิทสนมกับอสูรเช่นเดียวกับนายน้อย แถมอสูรกบตรงหน้ายังไม่มีสติปัญญาพูดคุยกันไม่ได้เสียด้วย

“เจ้านั้นมัน…กบตะไคร่”ไป๋จูเหวินขมวดคิ้วพลางมองเจ้ากบที่นอนอยู่กลางห้อง กบพวกนี้เป็นกบที่มักจะยืนอยู่นิ่งๆไม่ค่อยขยับไปไหนจนตะไคร่สามารถขึ้นบนหลังของมันได้ ด้วยสีตัวที่เป็นสีดำและตะไคร่ที่ขึ้นบนหลังของมันทำให้มันดูราวกับหินก้อนหนึ่งที่โดนวางทิ้งไว้ในน้ำไม่มีผิด แต่เจ้ากบตะไคร่ตัวนี้กลับมีสีเทาและตะไคร่บนหลังก็แทบจะแห้งตายจนหมดแล้ว

“เจ้ารู้จักงั้นเหรอ”ชายเจ้าสำอางถามด้วยความประหลาดใจ แม้จะอยากเป็นนักล่าอสูร แต่กบตะไคร่ไม่ค่อยออกมาให้ใครเห็น บางคนไม่เคยเห็นมันเลยด้วยซ้ำทั้งๆที่มันนอนอยู่ในลำธารของหมู่บ้านด้วยซ้ำ

“ขอรับ ข้าเคยขี่มันเล่นสมัยเด็ก”ไป๋จูเหวินตอบอย่างตรงไปตรงมา ทำเอาชายเจ้าสำอางเลิกคิ้วอีกครั้ง แม้กบตะไคร่จะไม่ใช่อสูรอันตรายอะไร แต่มันก็มีขนาดตัวพ่อๆกับวัวตัวหนึ่ง เด็กเช่นไรกันถึงไปขี่มันเล่น

“เช่นนั้นเจ้าก็ไม่ต้องทดสอบด่านนี้ แล้วพวกเจ้าทั้งสองล่ะ วัยเด็กเคยขี่กบเหมือนมันหรือไม่”ชายเจ้าสำอางถามพลางมองต้าชิงต้าเฉินสลับกัน

“ไม่ขอรับ”ต้าชิงตอบ อสูรที่มันเคยเจอไม่ได้มากมายขนาดนั้น นอกจากเฒ่าแก่หวังที่ได้พูดคุยกันแล้ว อสูรตนอื่นพวกมันก็ได้แต่มองห่างๆตอนเดินทางเท่านั้น

“ดี งั้นก็เข้าไปลูบหัวมันสิ”ชายเจ้าสำอางว่าพลางตบก้นของต้าชิงและต้าเฉินราวกับจะส่งพวกมันออกไปสัมผัสกบตะไคร่ให้ได้

“….”ต้าเฉินมองกบตรงหน้าครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินเข้าไปจับหัวของมันช้าๆ พอเทียบกับตอนเจอเฒ่าแก่หวังกลายร่างแล้ว แบบนี้ดูสบายไปเลย

“เท่านี้หรือขอรับ”ต้าชิงถามพลางยื่นมือไปจับเจ้ากบเบาๆ ซึ่งเจ้ากบเองก็ไม่ขยับแม้แต่น้อย มันเพียงหายใจเบาๆพลางยืนเหม่อราวกับก้อนหินไม่มีผิด

“ต่อไปก็ให้พวกเจ้าเขียนรายงานว่าในสายตาของพวกเจ้า อสูรกบตัวนี้เป็นเช่นไร”ชายเจ้าสำอางว่าพลางยื่นกระดาษให้คนทั้งสาม แต่ยังไม่ทันได้ยื่นพู่กันกับตลับหมึกพวกมันก็เอาพู่กันของตนเองออกมาจากแหวนมิติกันก่อนแล้ว

“อย่างที่ข้าบอก หน่วยสำรวจจะคอยเก็บข้อมูลของอสูร แต่อสูรบางตัวก็เข้าใกล้ไม่ได้แบบนี้หรอก เพราะฉนั้นพวกเจ้าต้องเขียนข้อมูลของเจ้ากบตัวนี้คร่าวๆจากสายตา”ได้ยินชายเจ้าสำอางพูดเช่นนั้น พวกไป๋จูเหวินก็เริ่มเขียนข้อมูลของเจ้ากบลงไป

ต้าชิงและไป๋จูเหวินเขียนตัวหนังสือลงไปจำนวนมากเพราะแต่เดิมต้าชิงก็เป็นพวกความรู้แน่นอยู่แล้ว ส่วนไป๋จูเหวินไม่ต้องพูดถึง มันสามารถร่ายคำอธิบายของกบตะไคร่ได้เป็นหน้าๆจากสิ่งที่น้ามังกรสอนมา แถมยังระบุอาหารบาดเจ็บอายุขัยที่ใกล้จะหมดลงของเจ้ากบลงไปด้วย ไม่นานกระดาษทั้งสามแผ่นก็ส่งคืนมายังชายเจ้าสำอาง

“อืม…”ชายเจ้าสำอางอ่านข้อมูลของต้าชิงด้วยท่าทีพึงพอใจ ต้าชิงเก็บรายระเอียดได้ดี เดาน้ำหนักและขนาดตัวได้อย่างแม่นยำ นับว่ามีแววด้านนี้ไม่น้อย ส่วนไป๋จูเหวินมันแทบจะไม่มีคำพูดอะไรเลยเมื่อได้เห็นกระดาษของไป๋จูเหวิน มันระเอียดและแม่นยำมาก บางทีตัวมันเองอาจจะเขียนได้ไม่เท่านี้ แถมยังระบุอาการบาดเจ็บได้อย่างถูกต้องอีกต่างหาก

“หึๆ ไม่เลวๆ”แต่เมื่อเลื่อนมาถึงกระดาษของต้าเฉิน ชายเจ้าสำอางก็หลุดหัวเราะออกมา ความระเอียดของต้าเฉินค่อนข้างน้อย แถมน้ำหนักของมันก็ยังกะพลาด แต่ต้าเฉินกลับวาดรูปเจ้ากบเอาไว้เสียเหมือนตัวจริงไม่มีผิด ทำให้สามารถจินตนาการรูปร่างได้ง่ายกว่าข้อมูลตัวอักษรมาก

“ดีมาก พวกเจ้าสามคนนับเป็นศิษย์ของสำนักเขี้ยวมังกรนับแต่นี้ไป”ชายเจ้าสำอางพูดอย่างพึงพอใจ เพราะกลุ่มนักล่าอสูรขาดแคลนนักสำรวจมาก ถึงขนาดมีคำสั่งจากนครร้อยแป้ดอสูรเลยว่าให้สำนักย่อยเน้นฝึกฝนหน่วยสำรวจและหน่วยอื่นๆเพิ่มขึ้นให้ได้มากที่สุด