ตอนที่ 58 3 การทดสอบ

บุตรอสูรบรรพกาล

ตอนที่ 58

3 การทดสอบ

 

“ยินดีต้อนรับสมาชิกใหม่ทุกท่าน”หลังจากไป๋จูเหวินและต้าชิงต้าเฉินผ่านการทดสอบของชายเจ้าสำอาง พวกมันก็ถูกนำตัวมาที่ลานหินกลางสำนัก ที่นี่มีร่องรอยการใช้งานค่อนข้างหนัก คาดว่าจะเป็นที่ๆคนในสำนักใช้ฝึกซ้อมกัน ที่รอบๆลานมีเหล่าชายหญิงในชุดประจำสำนักยืนอยู่หลายคน ท่าทางจะเป็นพวกศิษย์พี่ที่มาดูหน้าศิษย์ใหม่                           “พวกมันผ่านงั้นเหรอ”ชายร่างใหญ่ที่ไป๋จูเหวินเจอที่หน้าสำนักพูดพลางมองมาทางไป๋จูเหวิน หากไม่นับไป๋จูเหวินและพวกต้าชิงต้าเฉินแล้วยังมีคนสมัครเข้าสำนักกว่า 22 คน แต่คนที่ผ่านการทดสอบมาได้กลับมีชายร่างใหญ่นี่เพียงคนเดียว

“กลิ่นเลือด..”ไป๋จูเหวินพูดเสียงเบาพลางมองบนร่างกายของชายคนนั้น ลกิ่วคาวเลือดโชยออกมาจากดาบของมัน แถมยังเป็นกลิ่นเลือดของอสูรอีกต่างหาก ท่าทางการทดสอบของหน่วยล่าอสูรจะรุนแรงกว่าการทดสอบของหน่วยสำรวจมากทีเดียว

“อย่างที่พวกเจ้าทั้งสี่ทราบ สำนักเราเป็นสำนักย่อย และการจะเข้ากลุ่มนักล่าอสูรจำเป็นต้องได้รับการยอมรับจากพวกเราเสียก่อน”อาจารย์ท่านหนึ่งพูดพลางยื่นแผ่นป้ายหยกให้กับพวกไป๋จูเหวิน บนแผ่นป้ายไม่มีสิ่งใดสลักเอาไว้ เป็นเพียงแผ่นป้ายเปล่าๆเท่านั้น

“การจะทำให้พวกเรายอมรับ พวกเจ้าต้องผ่านการทดสอบ 3 อย่าง เมื่อทำการทดสอบจนครบไม่ว่าจะเป็นในวันนี้หรืออีกกี่ปีเจ้าก็สามารถสลักอักษรเขี้ยวมังกรลงบนแผ่นป้ายหยกและนำไปยื่นให้กับเมืองร้อยแปดอสูรเพื่อขอเข้าร่วมกลุ่มนักล่าอสูรได้ทันที

“ดี งั้นข้าขอทดสอบเลย”ชายร่างใหญ่ว่าพลางชักดาบออกมาจากฝัก ท่าทางใจร้อนเหมือนตอนอยู่หน้าประตูไม่มีผิด

“หึๆ ใจร้อนจริงๆ”อาจารย์ท่านหนึ่งหัวเราะพลางเดินออกมาข้างหน้า วินาทีนั้นไป๋จูเหวินก็สัมผัสได้ถึงพลังอสูรในร่างของชายคนนั้น มันอยู่ระดับทองขั้นแรก ซึ่งหากจะเทียบกับระดับพลังวิญญาณล่ะก็มันเทียบเท่ากับระดับหลอมรวมวิญญาณเลยทีเดียว

วูบ อาจารย์คนนั้นกระโดดมาข้างหน้าก่อนจะเปลี่ยนร่างไปเป็นจิ้งจอกสีแดงสด ที่ด้านหลังของมันมีหางสีแดงเพลิงราวกับมีไฟลุกท่วมอยู่ตลอดเวลา ไม่ต้องเดาอีกต่อไป อาจารย์ท่านนี้เป็นอสูรระดับทองที่มีสติปัญญานั่นเอง

“การทดสอบแรกคือการต่อสู้กับข้า หากพอจะทำให้ข้าพอใจได้ก็ผ่าน”จิ้งจอกแดงว่าพลางยิ้มกว้าง ศิษย์ส่วนใหญ่ในสำนักเขี้ยวมังกรอย่างเก่งก็มีพลังระดับ หลอมรวมปฐพี ซึ่งชายร่างใหญ่เองก็เช่นกัน เรียกว่าไม่มีทางเอาชนะจิ้งจอกแดงที่มีพลังระดับทองได้หรอก

“อาจารย์จิ้งจอก อย่างน้อยก็ให้มันมาร่วมฝึกในวันพรุ่งนี้ได้ด้วยล่ะ”ชายอีกคนว่าพลางยิ้มออกมา ชายคนนั้นเองก็ไม่มีพลังวิญญาณแต่กลับมีพลังอสูรระดับทองเช่นเดียวกับจิ้งจอกแดง

“ไม่ต้องห่วงอาจารย์เต่า ข้าจะเล่นเบาๆ”จิ้งจอกแดงว่าพลางพ่นไฟออกมา วินาทีนั้นขนสีแดงของมันก็ราวกับติดไฟส่งไอร้อนออกมาเป็นจำนวนมาก นี่คือความแตกต่างระหว่างควบคุมธาตุด้วยพลังวิญญาณหรือพลังอสูร เมื่ออสูรถึงระดับทอง หรือ มนุษย์ถึงระดับหลอมรวมวิญญาณ มันผู้นั้นจะสามารถปลุกพลังธาตุในร่างได้ และพลังธาตุนั้นจะเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย อย่างน้าราชสีห์เองก็สามารถเผาตัวเองได้โดยไม่เป็นอะไรเลยเสียด้วยซ้ำ

กึก…. ร่างของชายร่างใหญ่ชะงักค้างไปชั่วครู่ มันไม่มีพลังอสูรจึงไม่สามารถสัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายมีพลังระดับใด แต่ก็รู้อย่างหนึ่งว่าอีกฝ่ายแข็งแกร่งมาก เพียงแต่ดาบในมือของมันกลับไม่สั่นแม้แต่น้อย มันหยุดเมื่อครู่ไม่ใช่เพราะความกลัว แต่เพราะอารมที่พรุ้งพร่านออกมา

“ตาย”ชายร่างใหญ่คำรามลั่นพลางใช้ดาบของตนเข้าโจมตีจิ้งจอกแดงอย่างรวดเร็ว

ฟุบ! ดาบของชายร่างใหญ่เฉี่ยวร่างของจิ้งจอกแดงไปเล็กน้อย ความเร็วของมันไม่ธรรมดาเลย

“ไม่เลว”จิ้งจอกแดงชื่นชม แต่ชายร่างใหญ่กลับไม่ฟังเลยแม้แต่น้อย มันโถมเข้าโจมตีอย่างต่อเนื่อง

ฉับ! ขนของจิ้งจอกแดงส่วนหนึ่งโดนตัดออกไปทำให้จิ้งจอกแดงเสียหน้าอย่างมาก ระดับพลังของชายร่างใหญ่อยู่เพียงระดับหลอมรวมปฐพี แต่วิชาดาบของมันกลับยอดเยี่ยมมาก แถมมันยังสามารถอ่านการเคลื่อนไหวในร่างจิ้งจอกของจิ้งจอกแดงได้เป็นอย่างดี ทำให้ระยะห่างของพลังเริ่มลดน้อยลง

“ไม่เลว ระดับนี้คงให้ผ่านการทดสอบแรกไปได้”จิ้งจอกแดงพูดพลางมองขนของมันที่ร่วงลงมา ปกติเพียงสู้กับมันได้ระยะหนึ่งก็ผ่านการทดสอบแรกได้แล้ว แต่ชายร่างใหญ่กลับสามารถฟันขนของมันจนร่วงลงมาได้นับว่าฝีมือเหนือกว่าระดับพลังวิญญาณเสียอีก

“เจ้าจิ้งจอก ระวัง”ได้ยินเสียงของอาจารย์เต่า ร่างของจิ้งจอกก็กระโจนวูบไปด้านข้างทันที

ตูม! ดาบในมือของชายร่างใหญ่ยังไม่หยุดแต่เพียงเท่านั้น มันราวกับชายร่างใหญ่ต้องการจะฆ่าจิ้งจอกให้ได้

“ตาย”ชายร่างใหญ่คำรามพลางโจมตีจิ้งจอกแดงอย่างดุดัน เจ้าหมอนี่มันไม่สนใจอะไรเลย มันพยายามจะฆ่าจิ้งจอกแดงตรงหน้าให้ได้จริงๆ

“เจ้าหนุ่ม หยุดได้แล้ว”จิ้งจอกแดงว่าพลางมองดาบที่พุ่งเข้ามาหาตนเอง ด้วยระดับพลังที่มากกว่าจิ้งจอกแดงยังสามารถรับมือได้อย่างปลอดโปร่งอยู่ แต่เพราะมันเป็นอาจารน์ของสำนักเขี้ยวมังกรทำให้มันไม่อาจลงมือทำร้ายศิษย์ที่พึ่งเข้าสำนักมาได้

ฉั๊ว! ดาบในมือของชายร่างใหญ่ปาดเอาที่ขาข้างหนึ่งของอาจารย์จิ้งจอก วินาทีนั้นสติของจิ้งจอกแดงขาดผึกจนปล่อยไฟออกมาจากร่างกายเป็นจำนวนมาก แถมพลังอสูรที่แผ่ออกมายังน่ากลัวมากอีกด้วย

“กรรร”จิ้งจอกแดงคำราวก่อนจะกระโจนเข้าใส่ร่างของชายร่างใหญ่ ด้วยกำลังที่มากกว่าหลายเท่าทำให้ชายร่างใหญ่ล้มลงในทันที แต่ก็ยังนับว่าชายร่างใหญ่ยังสามารถตอบโต้ได้ทัน เพราะมันยกดาบขึ้นมากันเขี้ยวของจิ้งจอกแดงเอาไว้

“ใจเย็นอาจารย์จิ้งจอก”อาจารย์เต่าว่าพลางลุกขึ้นยืนหมายจะห้ามปลาม แต่พลังไฟของอาจารย์จิ้งจอกร้อนแรงมาก อสูรธาตุน้ำอย่างมันเข้าใกล้ได้ไม่สะดวกนัก

ผั๊ว! ขณะโดนคร่อมอยู่นั้น ชายร่างใหญ่ก็ยกเท้าขึ้นมาเตะเข้าที่ท้องของจิ้งจอกแดงจนเขี้ยวของมันหลุดออกจากดาบ

ฉั๊ว! ดาบของชายร่างใหญ่ปาดแก้มของจิ้งจอกแดงไปอีกแผลทำให้ดวงตาของจิ้งจอกแดงดุร้ายยิ่งกว่าเดิม

“กรร”จิ้งจอแดงคำรามก่อนจะกัดลงบนแขนของชายร่างใหญ่จนดาบของมันหลุดออกจากมือ เวลานั้นอาจารย์เต่าคิดว่าการต่อสู้คงจบแค่นี้ แต่ชายร่างใหญ่กลับไม่ยอม มันใช้กำปั้นทุบหัวของจิ้งจอกแดงจนมันยอมปล่อยแขนของตน แต่ไม่นานก็ถูกขาหน้าของจิ้งจอกแดงกดร่างเอาไว้

วูม.. วินาทีนั้นเพลิงสีแดงสดก็ปรากฏขึ้นในปากของจิ้งจอกแดง มันกำลังจะพ่นไฟนั่นเอง

ผั๊ว! ขณะที่ชายร่างใหญ่กำลังจะโดนพ่นไฟใส่หน้า อยู่ๆร่างของอาจารย์จิ้งจอกก็เซไปอีกข้างพร้อมเสียงกระแทกบางอย่าง

“กรรรร”จิ้งจอกแดงราวกับเสียสติไปแล้ว มันหันมามองไป๋จูเหวินที่เข้ามาซัดมันจนมันไม่สามารถพ่นไฟได้ บัดนี้มันราวกับเลือดขึ้นหน้าหันคมเขี้ยวเข้าใส่ไป๋จูเหวินในทันที

ตูม! พริบตานั้นร่างของอาจารย์จิ้งจอกกระเด็นไปติดกำแพงด้านหนึ่งของสำนัก ฝ่ามือเพลิงพิโรธ ของไป๋จูเหวินกำลังทำลายมหาศาลจนสร้างรอยแตกเป็นทางยาวบนกำแพงหินที่อาจารย์จิ้งจอกโดนกระแทกเข้าไปสร้างความตกตะลึงให้กับทุกคนไม่เว้นแม้แต่ไป๋จูเหวินเอง

คราวก่อนมันซัดใส่อู๋หมิงที่ระดับพลังพึ่งเลื่อนเป็นหลอมรวมวิญญาณ มันสมควรจะมีพลังไม่ต่างจากอาจารยืจิ้งจอกที่อยู่ระดับทองสิถึงจะถูก แล้วเหตุใดอาจารย์จิ้งจอกถึงปลิวไปติดกำแพงนอนหมดสติเช่นนั้นเล่าทั้งๆที่อู๋หมิงยังแค่กระบี่หักเท่านั้น

“อาจารย์จิ้งจอก”อาจารย์เต่ากระโดดลงมาบนพื้นอย่างรวดเร็วก่อนจะเข้าไปหาอาจารย์จิ้งจอกที่ถูกอัดจนติดผนัก

“อาจารย์เต่า อาจารย์จิ้งจอกเป็นอย่างไรบ้าง”ชายเจ้าสำอางถามพลางกระโดดลงมาอีกคน

“มันหมดสติไปแล้ว….”อาจารย์เต่าพูดจบก็มองกลับไปทางไป๋จูเหวิน เพียงกระบวนท่าเดียวก็ซัดเอาอสูรระดับทองหมดสติ นี่มันใช้วิชาอะไรกันแน่

“ขะ ข้าต้องขออภัยด้วย ข้าไม่คิดว่าจะเป็นเช่นนี้”ไป๋จูเหวินว่าพลางเดินเข้ามาดูอาการของอาจารย์จิ้งจอก

“เรื่องนั้น….”ชายเจ้าสำอางพูดพลางมองไป๋จูเหวินที่เข้ามาดูอาการของจิ้งจอกเพลิง ภายใต้ดวงตาสีเขียวของไป๋จูเหวินมันรีบตรวจสอบความเสียหายที่มันทำลงไปในทันที แต่โชคดีที่อีกฝ่ายเป็นอสูรระดับทอง เลยมีแค่ซี่โครงร้าวเท้านั้น คราวหน้ามันคงต้องระวังเวลาใช้ฝ่ามือเพลิงพิโรธให้มากๆเสียแล้ว

 

*พลังของไป๋จูเหวินต้องใช้เวลานิดหน่อยก่อนจะทำให้อสูรเชื่องนะครับ เพราะจิ้งจอกแดงโจมตีเข้ามาทันทีเลยยังไม่ตกอยู่ภายใต้พลังของไป๋จูเหวิน