บทที่ 205 เคล็ดวิชาสังหารเทวา

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]

บทที่ 205 เคล็ดวิชาสังหารเทวา

บทที่ 205 เคล็ดวิชาสังหารเทวา

เฉินซีไม่รู้สึกเสียดายที่การโจมตีของเขาพลาดเป้า เพราะถ้าเถิงหัวจีถูกการสังหารได้ง่ายดาย เช่นนั้นเขาคงไม่คู่ควรที่จะอยู่ในกลุ่มกับหวงฝู่ฉงหมิงและคนอื่น ๆ เป็นอย่างยิ่ง

ระหว่างทางที่มุ่งสู่ห้วงทะเลทรายมรณะ ครั้งหนึ่งเขาเคยได้ยินถันไถหงกล่าวว่า พี่น้องเถิงคู่นี้มีฐานการบ่มเพาะขอบเขตแกนทองคำหยินหยางขั้นสูงและเชี่ยวชาญเคล็ดวิชาที่น่าเกรงขามต่าง ๆ ทำให้จุดแข็งของพวกเขาเกือบจะเทียบเท่ากับหลินโม่เซวียนและเซียวหลิงเอ๋อร์

ยิ่งกว่านั้น พี่น้องคู่นี้ยังเป็นฝาแฝดกัน ทำให้พวกเขาต่างก็รู้ของอีกฝ่ายใจไปโดยปริยาย ยามที่พวกเขาผนึกกำลังกัน ความแข็งแกร่งของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า และแม้แต่ถันไถหงเองก็ยังกล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า ภายใต้สถานการณ์ที่พี่น้องสองคนนี้ผนึกกำลังกัน ความแข็งแกร่งของพวกเขาจะสามารถต่อสู้กับผู้บ่มเพาะขอบเขตจุติได้อย่างไม่ตึงมือ!

เฉินซีรู้ว่าเมื่อเผชิญหน้ากับศัตรูเช่นนี้ เขาต้องกำจัดศัตรูคนใดก่อน จึงจะมีโอกาสได้ชัยชนะในการต่อสู้ ด้วยเหตุนี้เขาจึงเป็นฝ่ายเปิดการโจมตีก่อน และฟาดฟันกระบี่ออกไปอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาด

ฟุ่บ!

ในขณะนี้ การโต้กลับของเถิงหัวจีได้พุ่งผ่านท้องฟ้ามาถึงที่เบื้องหน้าเขาแล้ว ดาบสีแดงเลือดกวาดไปทั่วท้องฟ้าราวกับพระจันทร์สีเลือดที่กำลังลอยขึ้น ภายในพระจันทร์สีเลือดนั้นมีเปลวเพลิงสีซีดที่น่าสยดสยองลุกโชนอยู่ เปลวเพลิงสีขาวปกคลุมท้องฟ้า และเจตนาฆ่าของมันก็ถูกควบแน่นอย่างรุนแรง ขณะที่ฟันไปทางเฉินซีด้วยความเร็วที่น่าตกตะลึง

“เปลวเพลิงวิญญาณยมโลก!” หลิงไป๋ส่งกระแสปราณไปยังเฉินซีอย่างรวดเร็ว “เปลวเพลิงวิญญาณยมโลก เป็นเปลวไฟเยียบเย็นที่หาได้ยากในสวรรค์และโลก มันทรงพลังเป็นอย่างมาก เมื่อมันสัมผัสเข้ากับร่างกายของคน มันจะกัดกร่อนวิญญาณและกระดูกทันทีก่อนจะแช่แข็งวิญญาณทั้งเป็น ทำให้คนผู้นั้นกลายเป็นหุ่นเชิดที่ได้แต่รอการควบคุมจากมัน กระบวนท่าเยี่ยงนี้ช่างโหดเหี้ยมอำมหิตเป็นอย่างยิ่ง เฉินซีเจ้าต้องระวัง อย่าได้ให้ปราณกระบี่ของมันแตะต้องร่างกายของเจ้าเป็นอันขาด”

สังหารเทวา! เดิมทีเฉินซีกำลังคิดที่จะใช้กำลังต่อต้านกำลังโดยใช้กระบี่หลีแห่งอัคคีที่มีเต๋ารู้แจ้งแห่งอัคคี แต่หลังจากที่ความคิดของหลิงไป๋ได้เข้าสู่ห้วงจิตสำนึกของเขาราวกับสายฟ้า เขาก็ตระหนักได้ในทันทีและเปลี่ยนมาใช้เคล็ดวิชาสังหารเทวาที่เขาเพิ่งได้ฝึกฝนสำเร็จในทันที

ในทะเลแห่งจิตสำนึกของเขา พลังวิญญาณมหาศาลของเขาได้ถูกควบแน่นอย่างกะทันหัน กลายเป็นใบมีดที่แหลมคมและไร้รูปร่างเพื่อพุ่งผ่านร่างกายของเขา ใบมีดนี้ดูเหมือนกระบี่ แต่ก็ไม่ใช่กระบี่ คมกระบี่ของมันเผยให้เห็นถึงรูปร่างที่คล้ายฟันเลื่อย อีกทั้งยังดูเหมือนกระบี่สวรรค์ที่ใช้ประหัตประหารวิญญาณชั่วร้ายทั้งมวล เพียงชั่วพริบตา มันก็ปรากฏขึ้นภายในห้วงจิตสำนึกของเถิงหัวจี และฟาดฟันลงไปที่จิตวิญญาณของเขาด้วยมวลพลังที่น่าเกรงขาม!

“เมื่อไอ้เด็กบัดซบสัมผัสเพียงเศษเสี้ยวของเปลวเพลิงวิญญาณยมโลกของข้า มันจะสูญเสียสติและต้องกลายเป็นหุ่นเชิดที่ถูกข้าควบคุมในทันที เมื่อถึงตอนนั้น แสดงให้ข้าดูหน่อย ว่าเจ้าจะต้านทานการควบคุมของข้าได้หรือไม่… อ๊ะ!!!” เถิงหัวจีฟันกระบี่ของเขาออกไปและกำลังหัวเราะอย่างชั่วร้ายราวกับพึงพอใจในผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้น แต่ทันใดนั้น กระแสความเจ็บปวดที่เสียดแทงอย่างรุนแรงได้ปรากฏขึ้นอย่างไม่คาดคิดภายในห้วงจิตสำนึกของเขา และดูเหมือนว่าวิญญาณของเขาจะถูกฉีกออกเป็นสองส่วน มันทำให้เขาเจ็บปวดจนการมองเห็นพร่ามัว สติของเขาปั่นป่วนทันทีทันใด และการโจมตีของเขาก็เชื่องช้าลงจนดูเหมือนจะหยุดนิ่งอย่างเห็นได้ชัด

“บัดซบ! ไอ้สารเลวนี่มีเคล็ดวิชาโจมตีวิญญาณ! น้องชาย รีบช่วยข้าเร็วเข้า!” เถิงหัวจีนั้นควรค่าแก่การถูกขนานว่าเป็นผู้ทรงพลังเสมือนทหารกล้าเจนศึกที่ช่ำชองในการสู้รบ เพราะในสถานการณ์วิกฤตเช่นนี้ เขายังสามารถอ้าปากเพื่อร้องขอความช่วยเหลือออกมาได้

“คิดร้องขอความช่วยเหลือหรือ? ข้าไม่มีวันปล่อยให้มีโอกาสเช่นนี้หรอก จงตายซะ!” เฉินซีจะปล่อยให้โอกาสอันดีเช่นนี้หลุดลอยไปได้อย่างไร? ทันทีที่เขาใช้เคล็ดวิชาสังหารเทวา เขาก็โจมตีใส่อย่างดุเดือด และปลายเท้าของเขาพลันกระทืบอากาศบนท้องฟ้าอย่างรุนแรง ก่อนที่ร่างของเขาจะพุ่งเข้าหาเถิงหัวจีเสมือนลูกศรที่ยิงออกจากคันธนูด้วยพลังที่น่าตื่นตะลึง

“กล้าดีอย่างไร! เปลวเพลิงวิญญาณยมโลก!” ในขณะนี้ เถิงหัวซวี่ ที่อยู่ใกล้ ๆ ได้ตอบสนองต่อสิ่งที่เกิดขึ้น และเมื่อเขาเห็นพี่ชายของเขาเกือบจะถูกฆ่าโดยการโจมตีลับของเฉินซี เขาก็ไม่กล้าที่จะรั้งรอเลยแม้แต่น้อยและตะโกนทันที

ทันใดนั้นเอง เปลวเพลิงวิญญาณยมโลกสีขาวซีดอันน่าสยดสยองอย่างไร้ขอบเขตก็พวยพุ่งออกมาปกคลุมท้องฟ้าและผืนดิน ลูกไฟเย็นเยียบสีขาวขนาดใหญ่นี้ได้รวมกันเป็นวิญญาณปีศาจขนาดมหึมาที่มีความสูงมากกว่าสี่สิบจั้ง

ค้างคาวผลึกเหมันต์ที่พุ่งเข้ามาอย่างไม่หยุดหย่อนจากทั่วสารทิศ ได้สัมผัสเข้ากับเปลวเพลิงวิญญาณยมโลกลูกหย่อม ๆ ทำให้พวกมันเน่าเปื่อย และค่อย ๆ ทยอยกันล้มตายลง ในขณะที่วิญญาณของพวกมันได้ถูกดูดกลืนเข้าไปในเปลวเพลิงวิญญาณยมโลกอย่างต่อเนื่อง และได้เพิ่มพลังของเปลวเพลิงวิญญาณยมโลกให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

เปลวเพลิงวิญญาณยมโลกเหล่านี้น่ากลัวถึงขีดสุด ทันทีที่พวกมันปกคลุมพื้นที่โดยรอบ วิญญาณของทุกสรรพสิ่งจะถูกมันดูดกลืนเข้าสู่เปลวเพลิงวิญญาณ และแม้แต่ปราณวิญญาณที่อยู่ทั่วท้องฟ้า ก็ยังถูกมันดูดกลืนเข้าไปจนหมด

มันช่างเป็นเปลวไฟเย็นเยียบที่โหดเหี้ยมและผลาญชีวิตของทุกสรรพสิ่ง

ในการบ่มเพาะเปลวเพลิงนี้ให้สำเร็จ จะต้องสังหารสิ่งมีชีวิตจำนวนมากเพื่อดูดซับวิญญาณและเลือดของพวกมัน จากนั้นจึงหลอมรวมเปลวเพลิงอสูรกับพลังปราณอันร้ายกาจเข้ากับวิญญาณและเลือด หลังจากผ่านการขัดเกลานับครั้งไม่ถ้วน เปลวเพลิงวิญญาณจะเติบโตเต็มที่ในที่สุดและพัฒนาเป็นเปลวเพลิงวิญญาณยมโลกที่น่าสยดสยอง

โฮก!

มันสายเกินไปที่จะพูด ทันทีที่วิญญาณปีศาจขนาดมหึมาที่ควบแน่นจากเปลวเพลิงวิญญาณยมโลกปรากฏกายขึ้น มันก็ส่งเสียงโหยหวนเสมือนภูตผีคร่ำครวญ ก่อนจะเงื้อมือขึ้นและฟาดไปที่หน้าของเฉินซีอย่างดุเดือด

การโจมตีนี้อาจกล่าวได้ว่าแยบยลยิ่งนัก เพราะมันได้บีบให้เฉินซีต้องตัดสินใจเลือก ถ้าเขาไม่หลบการโจมตีที่พุ่งเข้ามา แม้ว่าเขาจะสามารถฆ่าเถิงหัวจีได้ แต่เฉินซีก็อาจถูกวิญญาณปีศาจช่วงชิงชีวิตของเขาไป

ทว่า ดูเหมือนว่าเฉินซีจะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะล้มเลิกการฆ่าเถิงหัวจีและทำได้เพียงต้องหลบเลี่ยง…

“โอม!” ในขณะนี้ คลื่นเสียงที่เกิดจากสั่นสะท้านของกระบี่อันเยือกเย็นและแผ่วเบาดังก้องไปทั่วสวรรค์และผืนดินทันที และสิ่งที่มาพร้อมกับคลื่นเสียงนี้ คือดวงแสงสีทองที่โผล่ออกมาจากร่างของเฉินซี และพุ่งตรงไปยังมือของวิญญาณปีศาจที่กำลังฟาดลงมา

ดวงแสงสีทองนี้ย่อมคือหลิงไป๋ หากเป็นในแง่ของการบ่มเพาะ เจ้าตัวน้อยนี้มีฐานการบ่มเพาะที่สูงกว่าเฉินซีและเทียบเท่ากับได้ผู้บ่มเพาะขอบเขตแกนทองคำหยินหยาง ในขณะนี้ เมื่อเขาโจมตีอย่างเปิดเผย ร่างกายทั้งหมดของเขาก็ได้เปลี่ยนเป็นกระบี่ไผ่ทองคำนิลที่มีพลังของสายฟ้า อีกทั้งยังแฝงไปด้วยเต๋ากระบี่แห่งแดนนิพพานขณะที่มันแทงออกไป ทำให้สายลมและมวลเมฆปั่นป่วนยุ่งเหยิง ประกายสายฟ้าวูบวาบไปทั่วท้องฟ้า และอานุภาพของกระบี่ของเขาก็ไม่มีผู้ใดเทียบได้

ตู้ม!

มือวิญญาณปีศาจถูกทำลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยด้วยการโจมตีครั้งนี้ เศษชิ้นส่วนเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นโดยเปลวเพลิงวิญญาณยมโลก แต่ภายใต้การโจมตีอย่างดุเดือดของกระบี่ไผ่ทองคำนิลที่มีพลังของสายฟ้า ดูเหมือนว่าเปลวเพลิงวิญญาณยมโลกจะพบกับความหายนะและถูกทำลายจนหมดสิ้น

ในระหว่างที่หลิงไป๋โจมตีออกไป กระบี่ของเฉินซีได้เจาะเข้าที่ลำคอของเถิงหัวจี

ฉึก! ฟู่!

หยดเลือดสด ๆ พวยพุ่งขึ้นไปในอากาศขณะที่สาดกระเซ็นไปทั่วท้องฟ้า เถิงหัวจีไม่ทันที่จะได้สติจากการถูกโจมตีด้วยเคล็ดวิชาสังหารเทวา ทำให้เขาไม่มีโอกาสที่จะได้ดิ้นรนตอบโต้ และแทบไม่มีเวลาที่จะระเบิดแกนทองคำของเขา ดังนั้นจึงต้องล้มตายอย่างน่าอนาถโดยไม่รู้ตัว

ตั้งแต่เริ่มการต่อสู้จนถึงบัดนี้ เพียงผ่านไปไม่กี่อึดลมหายใจ แต่ความอันตรายของการต่อสู้นั้นน่ากลัวถึงขีดสุด เพราะการเคลื่อนไหวผิดพลาดเพียงครั้งเดียวอาจทำให้เฉินซีต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่ล่อแหลมและอาจต้องตายเป็นแน่แท้

โชคดีที่ความรู้ใจระหว่างเขากับหลิงไป๋มาถึงจุดที่ไม่ต้องกล่าวอะไรเพิ่มเติม ก็สามารถเข้าใจความคิดของอีกฝ่ายได้ เป็นเพราะการมีอยู่ของไพ่ตายเฉกเช่นหลิงไป๋นี้เอง ทำให้เฉินซีมีสมาธิในการสังหารเถิงหัวจีหลังจากที่ใช้เคล็ดวิชาสังหารเทวาออกไป และไม่ได้รับผลกระทบจากโลกภายนอกเลยแม้แต่น้อย มันทำให้การเคลื่อนไหวของเขาปราศจากการลังเลและไม่ติดขัดใด ๆ

หลังจากเถิงหัวจีเสียชีวิต เขาได้ทิ้งแกนทองคำที่อาบประกายสีแดงเลือดที่ดูชั่วร้ายและคลังสมบัติมิติ พวกมันทั้งหมดถูกเก็บไว้ในเจดีย์บำเพ็ญทุกข์โดยเฉินซีอย่างโจ่งแจ้ง

แกนทองคำนี้เป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยม เนื่องจากพลังระเบิดของมันสามารถทำให้ผู้บ่มเพาะขอบเขตจุติ ยังต้องหลีกเลี่ยงเสมือนเผชิญกับโรคระบาด ยกตัวอย่างเช่น ในระหว่างการต่อสู้กับหานกู่เยว่ ซึ่งเป็นผู้นำแห่งตระกูลหาน ถ้าไม่ใช่เพราะหลิงไป๋ระเบิดแกนทองคำทั้งสี่แกนในช่วงเวลาสุดท้าย ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่หานกู่เยว่จะถูกสังหารได้อย่างง่ายดาย

“ท่านพี่!!” เมื่อเขาเห็นเถิงหัวจีถูกสังหารและแกนทองคำถูกแย่งชิงไป ดวงตาของเถิงหัวซวี่แทบจะถลนออกมาและมีเลือดสด ๆ ไหลริน พี่ชายของเขาซึ่งไม่เคยแยกออกจากกันตลอดหลายปีที่ผ่านมากลับล้มตายไปต่อหน้าต่อตา โดยที่เถิงหัวซวี่ไม่อาจทำอะไรเลยสักนิด อีกทั้งยังถูกสังหารด้วยเงื้อมมือของมดปลวกตัวน้อย ๆ ที่มีฐานการบ่มเพาะเพียงขอบเขตเคหาทองคำ ดังนั้นมันจึงเป็นความทุกข์ระทมที่เขาไม่อาจอดทนได้

“บัดซบ! พวกเจ้าทุกคนล้วนสมควรตาย! ไอ้บัดซบเฉินซี เจ้าคิดว่านี่คือความแข็งแกร่งที่แท้จริงของข้าหรือ? ข้าจะกักขังวิญญาณของเจ้าไว้ในสระเลือดแห่งความชั่วร้าย เพื่อให้เจ้าต้องเผชิญกับความเจ็บปวดจากการถูกวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนกลืนกินไปทั้งชีวิต และต่อให้เจ้าปรารถนาที่จะตาย ก็จะไม่มีทางเป็นไปได้!!” เถิงหัวซวี่ตะโกนออกมาด้วยท่าทางอำมหิต เขาโกรธเกรี้ยวอย่างสุดขีดและร่างของเขาสั่นสะท้านอย่างรุนแรง ในขณะที่ปราณปีศาจอันไร้ขอบเขตพวยพุ่งออกมาจากร่างกายของเขา ทำให้เกิดเสียงโหยหวนคร่ำครวญของภูตผีวิญญาณร้ายดังก้องออกมา กลายเป็นกลิ่นอายแห่งความชั่วร้ายที่เต็มไปด้วยเลือดทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า!

ในขณะนี้ เขาไม่ได้ปกปิดตัวตนของเขาในฐานะศิษย์ของนิกายอสูรจันทร์เสี้ยวโลหิตอีกต่อไป และได้เผยการบ่มเพาะทั้งหมดของเขา