บทที่ 475

บทที่ 475

อาจบอกได้ว่าอู่หยูนั้นอยากสอบสวนซ่งเทียนยิ่ง ด้วยเขารีบไปหานักโทษคนนี้ทันทีที่มาถึงคุกใต้ดิน และแม้ว่าถังหยินจะอยู่ที่สวนกับอู่เหมยเป็นเวลานานถึง 3 ชั่วยาม หากแต่อู่หยูก็ยังไม่กลับมาเสียที

และเมื่อดวงตะวันเริ่มลับขอบฟ้าอีกครา ถังหยินก็พลันพูดขึ้น “อู่เหมย ข้าต้องออกเดินทางไปฝึกตนในวันพรุ่งนี้ ดังนั้นจึงอาจไม่ได้เจอเจ้าสักพัก”

อู่เหมยตะลึงก่อนจะพูด “ฝึกเหรอ ? เจ้าจะฝึกอะไรอีกกัน ?”

ถังหยินตอบ “ถ้าข้าไม่ฝึก งั้นแล้วข้าจะปกป้องทุกคนได้ยังไงกันล่ะ ?”

อู่เหมยรู้สึกขมขื่นในใจ “เจ้าก็มีทหารตั้งมากมายจะต้องมากังวลอะไรอีก ?”

ถังหยินส่ายหัว “ยิ่งมีตำแหน่งและอำนาจมากเท่าไหร่ก็ยิ่งอันตราย ต่อให้ข้ามีทหารทั้งกองทัพแต่ก็รับประกันไม่ได้หรอกว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น ข้าหวังว่าเจ้าจะเข้าใจนะ”

อู่เหมยไม่คิดจะพูดอะไรมาก และเบี่ยงประเด็น “ถ้างั้นเจ้าจะไปนานแค่ไหน ?”

ถังหยินคำนวณดูก่อนจะลุกขึ้น “อาจจะประมาณ 2 เดือนหรือไม่ก็ 1 เดือน และนี่มันก็ดึกมากแล้วด้วย ดังนั้นข้าขอตัวก่อน”

อู่เหมยเริ่มกังวลใจที่เขากำลังจะไป แถมยังจะไม่ได้เจอหน้ากันอีกนานเลยด้วย ดังนั้นนางจึงได้พูด “เจ้าอยู่กับข้าคืนนี้ได้ไหม ?” ใบหน้าของนางแดงก่ำทันที

ถังหยินครุ่นคิดก่อนจะตอบ “ได้หรือ ?”

ถังหยินดึงมือของอู่เหมยเข้ามา ใบหน้าจับจ้องไปที่หญิงสาว ทำให้นางเขินอายยิ่งเข้าไปอีก และเมื่อเป็นเช่นนั้น ชายหนุ่มก็พลันเอื้อมมืออกไป..

ทันใดนั้นก็มีเงาดำปรากฏตัวออกมาจากกำแพงสวน มันเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วแล้วออกไปจากที่นี่ภายในชั่วพริบตาโดยที่ไม่มีใครอื่นทันสังเกต

แท้จริงแล้วเงาดำที่ว่าก็คือหน่วยลับของถังหยินที่มาเพื่อดูแลความปลอดภัยของชายหนุ่ม ซึ่งพวกเขาไม่ได้มาเพราะคำสั่งของถังหยินแต่เป็นเพราะเฉิงจินที่สั่ง และถึงแม้ถังหยินจะเห็นพวกเขา หากแต่ชายหนุ่มก็เลือกที่จะเมินคนเหล่านั้นไป

และถ้าให้ว่าตามตรงแล้ว พวกหน่วยลับเองก็ไม่ได้หายไปไหนไกล พวกเขาเพียงกระโดดข้ามกำแพงไปหลบอีกทีหนึ่งแทนก็เท่านั้น

ชายหนุ่มก้มหน้าจูบอู่เหมยอย่างอ่อนโยน พวกเขากอดกันในศาลาท่ามกลางหมู่ดาวนับร้อยบนฟากฟ้า ราวกับเวลาหยุดนิ่งและโลกไร้การเคลื่อนไหว มีเพียงพวกเขาสองคนในโลกใบนี้เท่านั้น

อู่เหมยรู้สึกว่าร่างกายร้อนผ่าว ก่อนที่นางจะดันร่างของตัวเองให้ออกห่างถังหยินอย่างเขินอาย

“เจ้าไม่อยากทำหรือ ?” ถังหยินกระซิบ

“ไม่… ไม่ใช่ที่นี่”

ได้ยินแบบนี้ถังหยินก็อุ้มอู่เหมยแล้วกำลังจะเดินออกจากที่นี่ แต่แล้วเขาก็ได้ยินเสียงเรียก “ท่านถังอยู่ที่นี่หรือเปล่า ?”

ชายหนุ่มตัวแข็งทื่อจนเกือบจะปล่อยอู่เหมย

อู่อิง ? ถังหยินชะงักไป ด้วยเขาไม่คิดว่าน้องสาวของอู่เหมยจะมาที่นี่ได้ แถมมาได้จังหวะเหมาะพอดีเสียด้วย

อู่อิงที่เข้ามาจากข้างนอกเห็นถังหยินกำลังอุ้มอู่เหมยและกำลังจะเข้าไปในห้อง นางก็พลันหน้าแดงแล้วมองไปที่อื่นกลบเกลื่อน “ท่ะ… ท่านถังยังไม่กลับอีกหรือ ?”

ถังหยินเองก็เขินอายเหมือนกัน หากแต่เขาก็ปรับอารมณ์ได้อย่างรวดเร็ว “อู่อิงนี่เอง ข้าได้ยินว่าเจ้าไปสอบสวนซ่งเทียนไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงกลับมาเร็วเช่นนี้กัน ? เป็นยังไงบ้างเล่า ?”

อู่อิงตอบกลับตามมารยาทผนวกด้วยท่าทางลุกลี้ลุกลนไม่เป็นธรรมชาติ “ก็… ก… ก็ไม่เลวท่านถัง ถ้างั้นข้าไปก่อนนะ ฮ่าฮ่า”

“ไม่ต้องหรอก ข้ากำลังจะกลับแล้ว” ถังหยินยิ้มออกมาแล้วกระซิบให้กับหญิงสาวในอ้อมแขน “ครั้งหน้ามาที่จวนข้านะ”

จากนั้นถังหยินก็วางอู่เหมยลงก่อนจะเดินกลับออกมา

สองพี่น้องจ้องมองถังหยินจนเขาลับตาไป แล้วอู่อิงก็พูดขึ้น “ท่านพี่ ข้าไม่… ข้ากลับมาผิดเวลาใช่ไหม ?”

“รู้ตัวก็ดีแล้ว !” อู่เหมยกลอกตาแล้วเดินกลับเข้าไปในจวนด้วยความหงุดหงิด

โชคดีที่เป็นอู่อิง ถ้าเป็นอู่หยู.. อีกฝ่ายอาจจะใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างวางแผนอะไรอีกก็ได้

ระหว่างที่ถังหยินกำลังเดินกลับมาที่จวนของตนเอง เขาก็ได้หันไปบอกกับหน่วยลับ “ทำไมไม่บอกข้าว่ามีคนมา ?”

พวกหน่วยลับมองหน้ากัน ด้วยพวกเขาไม่รู้ว่าจะตอบยังไงดี

แต่แล้วก็มีคนออกมาแก้ตัว “ท่านอู่อิงไม่ได้มีเจตนาร้าย พวกเราก็เลยไม่ได้ห้ามนาง…”

ถังหยินชักสีหน้าพร้อมกับปลดปล่อยหมอกสีดำออกมาก่อนจะหายตัวไปในฉับพลันนั้น

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรวดเร็วมาก ทำให้พวกหน่วยลับต่างก็ตะลึงก่อนที่คนเป็นหัวหน้าหน่วยจะรีบควบม้าตามไปและเอ่ยถาม “นายท่านจะไปที่วังหลวงหรือ ?”

“วังหลวง ? ไปทำไมกัน ?” ถังหยินถามกลับ

หัวหน้าหน่วยกระซิบบอก “ฮัวหลงส่งคนมาเชิญท่านไปที่นั่น”

ถังหยินเกือบจะลืมเรื่องนี้ไปแล้ว เขาก้มหัวคิดแล้วปฏิเสธไป “เวลานี้ไม่ควรอย่างยิ่ง”

ตอนนี้เขายังไม่คิดจะใช้งานนาง ถังหยินจึงเลือกที่จะเมินนางเสีย ยิ่งไปกว่านั้นนี่เป็นช่วงเข้าด้ายเข้าเข็มสำหรับเรื่องบัลลังก์ ดังนั้นถ้ามีเรื่องไม่ดีล่ะก็ทุกอย่างจะพังทลายลงมาได้

ถังหยินมุ่งหน้ากลับไปที่จวนของเขาทันที

วันต่อมา ท้องฟ้าแจ่มใส หลีเทียนและเจียงฟานมาถึงจวนของถังหยินก่อนที่ชายหนุ่มจะตื่นเสียอีก และที่มา ก็เพราะทั้งสองต้องติดตามถังหยินไปด้วย ดังนั้นการมาของพวกเขาในครั้งนี้จึงมาพร้อมกับสัมภาระสำหรับการเดินทางไกล

เมื่อชายหนุ่มตื่นขึ้น เขาก็กินข้าวเช้าแบบง่าย ๆ ร่วมกันแล้วเก็บสัมภาระที่จำเป็นก่อนจะออกเดินทางจากประตูหลัง จากนั้นจึงควบม้าวิ่งออกไปอย่างเงียบเชียบ โดยมีเป้าหมายเป็นชางจิง !!!

…การเดินทางครั้งนี้เป็นความลับที่มีแค่คนวงในเท่านั้นที่รู้ และแม้ว่าถังหยินจะเพิ่งออกตัวไปเท่านั้น หากทว่าภัยร้ายบางอย่างก็ได้เริ่มก่อตัวขึ้นที่เมืองหยานอย่างช้า ๆ เสียแล้ว

และนี่ มันก็คือก้าวแรกของตำนานมหาบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ ชายหนุ่มผู้ที่ต่อมาจะผงาดคือเป็นราชันเทพสงครามผู้ยิ่งใหญ่ !!!!

จบราชันเทพสงคราม ภาค 1 ปฐมบทราชัน

สารจากนักแปล

ในที่สุดก็มาถึงกับแล้วกับบทสรุปของราชันเทพสงคราม ทว่านี้ก็เป็นเพียงก้าวเพียงก้าวแรกของชายที่ชื่อถังหยินเท่านั้น เส้นทางนองเลือดและหนทางแห่งราชันย์ผู้ยิ่งใหญ่ของเขายังคงอีกอย่าวไกลนัก !! และสำหรับทุกคนที่อ่านมาถึงตรงนี้ ก็คงต้องขอขอบคุณ หวังว่าจะได้มีโอกาสพบกับนักอ่านที่รักในผลงานเรื่องอื่น ๆ อีก สำหรับเรื่องนี้ ขอบคุณมากครับ

สนพ.เอนจอยบุ๊คต้องขอขอบคุณนักอ่านที่น่ารักทุกท่าน ตลอดการเดินทางที่ยาวนานของนิยายเรื่องนี้ ถ้าหากมีข้อผิดพลาดประการใด ทางทีมงานก็ต้องอภัยมา ณ ทีนี้ และจะปรับปรุงพัฒนายิ่ง ๆ ขึ้นไปจนกว่าจะเป็นที่พอใจของนักอ่านทุกท่าน

ทางนักแปลและสนพ.ขอขอบคุณนักอ่านที่เชื่อมั่นและให้การสนับสนุนนิยายแบบถูกลิขสิทธิ์ของเรา เพราะการสนับสนุนของทุกท่าน จะกลายเป็นแรงผลักดันให้เรานำนิยายสนุก ๆ เรื่องอื่น ๆ มาเผยแพร่ให้ได้อ่านกันต่อไป ส่วนเรื่องใหม่จะเป็นอะไรนั้น ทุกสามารถไปติดตามได้ที่ Facebook Fanpage : Enjoybook !