บทที่ 284 ออกรบ

บัญชามังกรเดือด

บัญชามังกรเดือด บทที่ 284 ออกรบ
ออกจากบ้านไป ฉินเทียนกระโดดขึ้นไปบนแลนด์ ครุยเซอร์

  

หลังจากนั้น โทรหาเหลยเป้า

  

“ฉันจะออกเดินทางไกลสักหน่อย”

  

“ฉันไม่อยู่ในช่วงนี้ พวกคุณแก๊งเขี้ยวมังกรมีเพียงคำสั่งเดียว ช่วยเหลือหลินเซวี่ย ดูแลความปลอดภัยของคุณผู้หญิง”

  

“พวกคุณรับผิดชอบแค่ตอนกลางวันก็พอ”

 

“ไม่มีเหตุการณ์พิเศษอะไร อย่าให้คุณผู้หญิงออกจากหลงเจียง”

  

“มีสถานการณ์อะไร โทรศัพท์หาฉันทันที!”

 

เหลยเป้าประหลาดใจอย่างมาก

  

น้อยมากที่ฉินเทียนจะออกคำสั่งกับเขาอย่างหนักแน่น ดังนั้นเขารู้ได้ทันที เรื่องราวไม่ปกติ

  

“คุณวางใจเถอะ!”

 

“ผมใช้หัวเป็นประกัน!”

 

ฉินเทียนวางสายไป ในตอนที่มาถึงประตูใหญ่หน้าอุทยานมังกร เรียกเหลิ่งเฟิงออกมาอีก

  

ออกคำสั่งเดียวกัน พูดออกไปอีกครั้ง

  

เพียงแต่ว่า ให้เหลิ่งเฟิงกับทีมหมาป่าเดียวดาย อีกทั้งเหล่าคนใหม่ที่มากด้วยความสามารถที่เขาได้ทดสอบผ่านเข้ามา รับผิดชอบความปลอดภัยในกลางคืน

 

เหลิ่งเฟิงพูดออกมาเสียงดัง :“พี่ใหญ่ ถ้ามีเหตุการณ์ผิดพลาดอะไร คุณตัดหัวผมขาดได้เลย!”

  

ฉินเทียนพยักหน้า

 

กลางวันมีเหลยเป้าแล้ว กลางคืนมีเหลิ่งเฟิงแล้ว เขาสามารถวางใจลงได้แล้ว

 

อุทยานมังกรแข็งแกร่ง แต่ว่าลูกน้องของเหลิ่งเฟิงในตอนนี้ นับดูแล้ว น่าจะประมาณห้าสิบคน

  

หน้าประตูใหญ่ ไม่มีทางถูกพังทลายได้

 

อย่างอื่นที่ต้องเป็นกังวล ก็คือรอบด้านเป็นกำแพงสูง เพราะว่าพื้นที่ค่อนข้างใหญ่ กำแพงสูงไม่สามารถใช้ความสามารถของคนเฝ้าดูอยู่ได้

  

เหลิ่งเฟิงนำเข้าอุปกรณ์ที่ทันสมัยที่สุด เหนือกำแพงสูง นอกจากลวดตาข่ายแล้ว นอกจากนี้ยังติดตั้งกล้องอินฟราเรดสามารถส่งสัญญาณเตือนอัตโนมัติ

  

แม้แต่นกตัวหนึ่ง บินเข้ามาจากกำแพงด้านนอก เพียงแค่บินต่ำหน่อย ก็สามารถส่งสัญญาณไปยังห้องควบคุมหลักได้แล้ว

  

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนแล้ว

  

ไม่ใช่ว่าฉินเทียนระมัดระวังมากไป ทั้งตื่นตัวและเข้มงวด แต่ทว่า ปรมาจารย์พิษนั้นเจ้าเล่ห์เหนือมนุษย์

  

ลูกน้องของเขาดวงตาแห่งนางฟ้า มีเครือข่ายของมือดีมากมาย เพื่อที่จะบรรลุวัตถุประสงค์ ต่างไม่เลือกวิธีการ

 

ดังนั้น เขากังวล ปรมาจารย์พิษจะใช้โอกาสในตอนที่ตัวเองไม่อยู่ที่หลงเจียง จะลงมือกับฐานของเขา

  

ซูซูเป็นโลกทั้งใบของเขา

  

เขาไม่ยินยอมให้เธอเป็นอะไรแน่นอน แม้แต่ถูกทำให้ตระหนกตกใจ เขาก็ยอมรับไม่ได้

 

หลังจากวางแผนเหล่านี้เสร็จแล้ว ฉินเทียนจึงขับแลนด์ ครุยเซอร์ด้วยตนเอง ออกจากเมืองไป มายังสวนสัตว์ร้าย

  

ตอนนี้ ฟ้าก็พึ่งจะสว่าง

  

ช่วงเริ่มเข้าสู่ฤดูหนาว อากาศบนภูเขาหนาวเย็น

  

เมื่อเขาขึ้นมาบนเขา มองเห็นบนลานกว้าง ฉานเจี้ยนกับคำสาปสวรรค์ทั้งหมด รวมทั้งบูซานหัวหน้าฝ่ายธุรการแนวหลังก็อยู่ด้วย ต่างมารออยู่แล้ว

 

เป็นไปได้ว่ารู้แล้วว่ามีเรื่องใหญ่ต้องทำ บนใบหน้าของพวกเขาทุกคน ต่างเคร่งขรึม

  

อีกทั้งความเศร้าโศกของการเดินทางของวีรบุรุษ

  

ฉินเทียนกระโดดลงมาจากรถ แววตาค่อยๆมองไปยังเหล่าพี่น้องโดยรอบ

  

เมื่ออยู่บนสนามรบ พวกเขาก็เป็นเพื่อนร่วมรบ ร่วมกันเผชิญหน้ากับศัตรู ต่างเชื่อใจกันและกัน

  

เขาถามเสียงทุ้ม:“รู้ไหมว่าภารกิจครั้งนี้คืออะไร?”

  

ฉานเจี้ยนกัดฟัน เสียงทุ้มพูดออกมา:“เจ้าสำนัก ไม่ใช่ว่าปรมาจารย์พิษมีข้อมูลแล้วเหรอ?”

  

ปรมาจารย์พิษ?

นอกเหนือจากชุยหมิงกับผีหวูฉางสองคนนี้ที่มาจากวิหารพญายมเก่า คนอื่นๆ ยังไม่เคยได้ยินชื่อนี้

  

พวกเขาแสดงสีหน้าสงสัยอย่างมาก

  

ฉินเทียนพูดเสียงทุ้ม:“ลุงฉาน คุณแนะนำให้ทุกคนรู้จักหน่อย ความเป็นมาของอาชญากรร้ายแรงคนนี้”

  

“แล้วก็ภารกิจของพวกเราคำสาปสวรรค์คืออะไร”

  

ฉานเจี้ยนพูดเสียงทุ้ม:“ปรมาจารย์พิษ เมื่อก่อนเป็นองค์กรอาชญากรรมที่ชั่วร้าย แกนกลางของดอกไม้แห่งความมืด”

  

“เขาวิจัยออกมามีสารเสพติด ผ่านการดำเนินการของดอกไม้แห่งความมืด นอกเหนือจากอาณาจักรมังกรของพวกเราแล้ว น่าจะแพร่กระจายไปทั่วโลก”

 

“ทำลายล้างอย่างไร้ขอบเขต ทำลายหลายครอบครัวให้แตกหักและตายอนาถไปไม่น้อย”

 

“เมื่อสิบปีก่อน สงครามใหญ่ครั้งหนึ่ง ในที่สุดก็ได้ทำลายองค์กรนี้ลง”

 

“คนที่ทำลายพวกเขา ก็คือวิหารพญายม”

  

“วิหารพญายม?”หม่าหงเทาตกใจอย่างมาก ถามออกมา:“ก็คือวิหารพญายมของคำสาปสวรรค์นั้นหรือ”

   

“คำสาปสวรรค์!”เถียปี้กัดฟันพูด:“ที่พูดถึงก็คือพวกเรา!”

  

ฉานเจี้ยนพยักหน้า:“สงครามครั้งนั้น ถึงแม้ว่าจะได้ทำลายดอกไม้แห่งความมืด แต่ว่าวิหารพญายม ก็บาดเจ็บและตายไปไม่น้อย”

 

“อย่างวันนี้ สามารถหาคนผู้รอดชีวิตมาได้ ก็คือผม ชุยหมิงกับผีหวูฉางแล้ว”

  

ได้ยินถึงตรงนี้ ผีหวูฉางกับชุยหมิง ขอบตาแดงแล้ว พวกเขากัดฟัน ในแววตาแสดงความเจ็บปวดกับความโกรธออกมา

  

อีเจี่ยนเหมยอดที่จะถามออกมาไม่ได้:“ถึงแม้ว่าดอกไม้แห่งความมืดจะสลายตัวไปแล้ว แต่ว่าปรมาจารย์พิษ พวกนี้ยังไม่ตาย ใช่หรือไม่?”

  

ฉานเจี้ยนพยักหน้า:“เขาไม่เพียงไม่ตาย อีกทั้งยังมีพลังลึกลับบางอย่างสนับสนุนอยู่ จึงก่อตั้งสำนักที่เรียกว่าดวงตาแห่งนางฟ้าขึ้นมาอีกครั้ง

  

“สำนักอันนี้ กับดอกไม้แห่งความมืดเมื่อก่อน ไม่แตกต่างอะไร ถ้าพวกเขายังดำรงอยู่ ก็จะทำลายล้างอย่างไร้ขอบเขต”

  

ฉินเทียนพูดแทรก:“ยังจำได้ไหมก่อนหน้านี้ที่พวกเราได้ทำลายองค์กรงูเห่า?”

 

“พวกเขา ก็คือเป็นคนของปรมาจารย์พิษส่งมาฆ่าฉัน”

  

“พวกเราอยากฆ่าพวกเขา พวกเขาก็เช่นกันอยากจะแก้แค้นพวกเรา”

  

“บนโลกใบนี้ ไม่สามารถดำรงอยู่ด้วยกันได้”

 

ชุยหมิงกัดฟันพูด:“เจ้าสำนัก อย่าพูดอีกเลย!”

  

“รีบบอกพวกเรามาเถอะ ปรมาจารย์พิษอยู่ที่ไหน!”

  

ผีหวูฉางเสียงต่ำตะโกนออกมา โซ่เหล็กขนาดใหญ่บนคอแกว่งไปแกว่งมา เสียงเพี๊ยะดังออกมา หินสีฟ้าก้อนหนึ่งที่อยู่ด้านข้างแตกละเอียด

 

ตกใจจนเสือที่อยู่ในเขตสัตว์ร้ายในระยะไกลร้องคำรามออกมา

  

ครั้งที่แล้วปะทะกับองค์กรงูเห่า ผีหวูฉางต่อสู้กับสิงโตแอฟริกาคนของงูเห่าคนหนึ่ง โซ่เหล็กถูกดึงขาดแล้ว

  

หลังจากกลับมา เถียเจี้ยงได้ใช้โลหะหนักจากท้องทะเลลึก ตั้งใจตีขึ้นรูปให้เขาเส้นหนึ่งโดยเฉพาะ

  

เปรียบเทียบกับเส้นเดิม หนักกว่าสองกิโลครึ่ง

  

ทุกวันทุกคืนผีหวูฉางฝึกอย่างหนัก ก็เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เหตุการณ์ก่อนหน้านี้เกิดขึ้นอีก

  

“พวกเราคือคำสาปสวรรค์!”

  

“ชีวิตของพวกเรา ก็เพื่อทำลายล้างปรมาจารย์พิษกับดวงตาแห่งนางฟ้า คำสาปสวรรค์จะกลับมารุ่งโรจน์อีกครั้ง!”

  

“หัวหน้า สั่งการเถอะ!”

 

ถงชวนกับเถียปี้ ดวงตาแดงฉานแล้ว

 

คนอื่นๆ เถียหนิงซวง อีเจี่ยนเหมย อะเปิน เถียเจี้ยง หลังจง ต่างก็กำลังเลือดร้อนอย่างมาก

 

พวกเขาต่างรู้ดี ฉินเทียนฝึกฝนพวกเขามาตั้งนาน ก่อนหน้านี้ต่างเป็นแค่การตบตีเล็กๆน้อยๆถือว่าเป็นเมนูเรียกน้ำย่อย

  

ตอนนี้ ถึงเวลาที่ต้องต่อสู้จริงๆแล้ว!

  

วิหารพญายมมีชื่อเสียงไปทั่วล้า เมื่อพวกเราเป็นคนรุ่นใหม่ที่รับช่วงต่อวิหารพญายม จะทำใจได้อย่างไร อาศัยอยู่เพียงในเขาเล็กๆลูกนี้เท่านั้น

  

พวกเขาหวังว่าจะได้ไปออกรบด้านนอก!

  

ใช้การฆ่ากับความเลือดร้อน ทำให้วิหารพญายมกลับมารุ่งโรจน์!

  

ฉินเทียนถอนหายใจ เขาเองก็มีความเลือดร้อนอย่างเหลือล้น

  

เวลานี้ ขอบฟ้าที่ไกลออกไป มีเสียงใบพัดดังมา

  

เฮลิคอปเตอร์สีดำสามลำ บินตรงเข้ามา

  

ฉินเทียนพูดเสียงทุ้ม:“จุดหมายของครั้งนี้ คือเกาะมลายู”

 

“สำหรับรายละเอียดเรื่องตำแหน่งกับแผนการ ถึงแล้วค่อยว่ากัน”

  

“พี่น้องคนอื่นของฉัน ได้ควบคุมสถานการณ์เอาไว้แล้ว”

 

“ทุกคนขึ้นเครื่องบินก่อน”

  

ราชาม้าโทรศัพท์มา รายงานแผนการเดินทาง:“หัวหน้าใหญ่ คุณใช้เฮลิคอปเตอร์ไปก่อน รับพวกคุณไปถึงสนามบินนานาชาติ”

  

“พวกคุณนำพาอาวุธ อีกทั้งยังไม่มีหนังสือเดินทาง เที่ยวบินปกติคงจะไม่ได้ ทำได้เพียงลำบากใจคุณกับเหล่าพี่น้อง นั่งเที่ยวบินขนส่งสินค้าของทางบริษัท”

  

“หน่วยงานที่เกี่ยวข้องผมได้ติดต่อเอาไว้หมดแล้ว สามารถปล่อยผ่านไปได้”

 

“ถึงทวีปยุโรปเปลี่ยนเครื่อง”

 

“ผมจะให้พี่น้องในพื้นที่ ขับเครื่องบินส่วนตัวมารับพวกคุณ หลังจากนั้นค่อยไปเกาะมลายูด้วยเครื่องบินส่วนตัวลำหนึ่ง”

  

“ถ้าราบรื่น การเดินทางจะใช้เวลาสิบกว่าชั่วโมงโดยประมาณ”

 

ฉินเทียนพยักหน้า พูดว่า:“ลำบากคุณแล้ว”

  

หลังจากนั้นเบิกมือเล็กน้อย:“บูซานอยู่ดูแลที่นี่ ส่วนคนอื่นๆ ขึ้นเครื่องบิน!”