บทที่ 285 เกาะมลายู

บัญชามังกรเดือด

บัญชามังกรเดือด บทที่ 285 เกาะมลายู
ฉินเทียนกระโดดขึ้นเครื่องบินลำหนึ่งไปก่อน

ส่วนคนอื่นๆ ดำเนินการอย่างรวดเร็ว ทั้งหมดก็กระโดดขึ้นมา

 

ทุกคน ต่างพกอาวุธที่ตนเองชำนาญการ

  

โดยเฉพาะ ไม้เท้าเหล็กของฉานเจี้ยน โซ่เส้นใหญ่ของผีหวูฉาง ดาบซามูไรยาวห้าฟุตของหม่าหงเทา

  

สิ่งเหล่านี้ ถ้าไม่ใช่เครือข่ายความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่ง อีกทั้งได้รับการยอมรับจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เดิมทีไม่มีทางเป็นไปได้

  

แต่ว่าฉินเทียนยังคงรู้สึกว่า คำสาปสวรรค์ในตอนนี้ ยังขาดอะไรบางอย่าง

 

นั่นก็คือ นักแม่นปืนคนหนึ่ง

 

การทำสงครามของต่างชาติ ฉินเทียนเคยผ่านมามากมาย ก่อนหน้านี้อยู่ใกล้ในระยะกระชั้นชิด อยู่ท่ามกลางดงปืนและลูกกระสุนที่ตกลงมาอย่างกับฝน

 

อีกทั้งเทคโนโลยีที่ทันสมัยของอาวุธสมัยใหม่

  

ช่วงนี้คำสาปสวรรค์ กับเหลิ่งเฟิงอีกทั้งเหลยเป้า ได้เรียนรู้ความสามารถต่างๆมากมาย

 

แต่ว่า สุดท้ายแล้วก็ยังไม่ใช่มืออาชีพ

 

ดีที่ว่า ครั้งนี้ฉินเทียนพาพวกเขาออกมา ก็ไม่ได้หวังจะให้พวกเขาช่วยเหลืออะไรมากมาย

  

จุดประสงค์ของเขา คือให้คำสาปสวรรค์ ได้เปิดหูเปิดตา

  

ดูว่าผู้ก่อการร้ายต่างประเทศ ทำสงครามกันอย่างไร

  

มองดูเฮลิคอปเตอร์ค่อยๆบินขึ้น บูซานน้ำตารื้นเต็มขอบตา

เขาตะโกนออกมา:“ปลอดภัยกลับมาโดยเร็ว!”

  

“ผมกับหมาป่า แมลง เสือดาวพวกนี้ต่างรอพวกคุณกลับมา!”

  

พูดจบ ชายอกสามศอก ในที่สุดก็กลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่

  

เฮลิคอปเตอร์ได้กลายเป็นจุดสีดำแล้ว ไม่นานก็ไม่เห็นแล้ว

  

เปรียบเทียบกับท้องฟ้า เพียงแค่เฮลิคอปเตอร์ไม่กี่ลำเดิมทีเล็กน้อยมาก

  

งั้นถ้าเปรียบเทียบกับสิ่งมีชีวิตทั้งหมด คำสาปสวรรค์สิบกว่าคนนี้ จะเทียบอะไรได้อีกล่ะ?

  

มีกี่คนที่รู้จักชื่อเสียงเรียงนามของพวกเขา?

  

ทว่าพวกเขายังคงทำเรื่องเหล่านี้อย่างเงียบๆ ยังมีจิตใจเที่ยงตรงต่อฟ้าดิน

  

ถึงแม้ว่าบูซานจะเป็นคนของคำสาปสวรรค์อย่างเป็นทางการ แต่ก็ไม่เคยเข้าร่วมภารกิจของคำสาปสวรรค์มาก่อนเลย

 

เขารับผิดชอบเพียงดูแลฐานสวนสัตว์ร้ายแห่งนี้

 

แต่ว่า เขาก็รู้สึกเป็นเกียรติมากแล้ว

 

ทันใดนั้น เขามองเห็นตรงถนนหน้าประตู ชายชราคนหนึ่งยืนอยู่อย่างมีชีวิตชีวา

  

เขายืนอยู่ตำแหน่งที่เฮลิคอปเตอร์หายไป ทำความเคารพอยู่นาน

 

“นายท่าน!”

 

“คุณมาได้ยังไง!”บูซานรีบวิ่งเข้าไป

  

ที่แท้คือ เถียสง

 

ประธานสมาคมการค้าหลงเจียงบิดาของเถียหลินเฟิง และก็คือปู่ของเถียหนิงซวงด้วย

 

เถียสงถอดหายใจออกมา ถามว่า:“หนิงซวงก็ไปด้วยแล้ว?”

  

บูซานพยักหน้า ลังเลสักพักหนึ่ง ถามว่า:“นายท่าน คุณเห็นด้วยจริงๆเหรอ ที่คุณหนูใหญ่เลือกเดินทางนี้?”

 

ในนัยน์ตาของเถียสง แสดงออกอย่างขัดแย้ง

  

ใครจะไม่รักและทะนุถนอมลูกของตัวเองล่ะ?

  

ยิ่งไปกว่านั้น เถียหนิงซวงเป็นแก้วตาดวงใจของเขา

  

คุณหนูใหญ่อันดับหนึ่งของหลงเจียง มากมีทรัพย์สมบัติที่ไม่จำกัด

  

เดิมทีทั้งชีวิตนี้ไม่ต้องฝ่าฟันอะไร ก็สามารถใช้ชีวิตอยู่อย่างสุขสบายได้ ไม่ขาดตกบกพร่อง

 

แต่ว่า เถียหนิงซวงกลับเลือกเดินทางเดินนี้

  

หญิงสาวแสนสวยที่มีเสน่ห์ ต่อสู้อยู่กับพวกเดรัจฉานอยู่ตลอด เป็นเพื่อนพ้องกับเหล่าผู้ชาย

  

มีความเสี่ยงว่าหัวจะหลุด ได้ตลอดเวลา

  

อีกทั้งไม่ว่าเธอจะลงแรงไปมากเท่าไหร่ ทั้งหมดทั้งมวล ก็ไม่มีใครได้รับรู้ตลอดไป ว่าเธอเถียหนิงซวงคือใคร

  

รวมทั้งคนของคำสาปสวรรค์ พวกเขาต่างก็รู้ดี เทียบไม่ได้กับสาวน้อยเน็ตไอดอลคนหนึ่งที่เพียงแค่ส่ายเอว โพสต์ท่ามาดึงดูดผู้คน

 

“นี่คือโชคชะตาของเธอ!”

 

“ผมเถียสง จะภาคภูมิใจแทนเธอ!”เถียสงเสียงดังกังวาน น้ำเสียงแก่ชราสะท้อนกลับมายังเขาลูกนี้

 

วีรบุรุษเก่าแก่ท่านนี้ที่ใช้ชีวิตในสนามรบเกินกว่าครึ่ง ความภาคภูมิใจไม่เคยลดลง แต่ว่าเขาก็อดที่จะขอบตาแดงไม่ได้

 

หลงเจียงเล็กมาก สายการบินนานาชาติเดิมทีน้อยมาก

 

ดังนั้น ราชาม้าจึงได้จัดเตรียมเฮลิคอปเตอร์ พาฉินเทียนและคนอื่นๆ มายังสนามบินนานาชาติของเมืองหลง

  

ในพื้นที่ลงจอด ถูกปิดกั้นไว้นานแล้ว

  

หลังจากพักผ่อนรอดำเนินการ ภายใต้การนำพาของเจ้าหน้าที่มืออาชีพ พวกเขาจึงขึ้นเครื่องบินโดยสารที่ปลดประจำการลำหนึ่งมา ที่ได้ปรับเปลี่ยนเป็นเครื่องบินส่งสินค้า

  

บนลำเครื่องมีอักษรตัวใหญ่:สายการบินเทียนหม่า

  

ในห้องเครื่อง ใส่สินค้าเพียงครึ่งลำ เหลือพื้นที่ไว้ให้พวกเขาเพียงพอ

  

อีกทั้งราชาม้าดูแลอย่างรอบคอบ รู้ว่าการเดินทางยาวนาน ยังเตรียมอาหารไว้สำหรับพวกเขาหลายอย่าง รวมทั้งไวน์

  

เพื่อจะคลี่คลายบรรยากาศความตึงเครียด เหมยหงเซว่อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้:

  

“ไม่กลัวพวกคุณหัวเราะเยาะหรอกนะ ผมยังไม่เคยนั่งเครื่องบินเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงไปต่างประเทศ”

  

“ครั้งนี้ไปกับพี่เทียน ก็ถือว่าได้เห็นโลกภายนอก เปิดหูเปิดตา”

  

ฟังคำพูดของเขา เถียเจี้ยงที่ค่อนข้างเงียบพูดเสียงโทนต่ำออกมา:“ก่อนหน้าที่จะรู้จักพี่เทียน ผมไม่เคยออกจากซีเป่ยมาก่อน”

  

และคนอื่นๆ หลังจง อะเปิน หม่าหงเทา ถงชวน ต่างก็ไม่เคยไปต่างประเทศ

  

แต่เถียปี้ ก่อนหน้าเขาอยู่กับรองผู้นำพันธมิตรฉู่ เคยไปเยี่ยมเยียนเหล่าชมรมศิลปะการต่อสู้ของการประเทศ

 

เหมยหงเซว่เผยรอยยิ้มพูดว่า:“ฉันยังนึกว่าตัวฉันเพียงคนเดียว ที่แท้ต่างก็เป็นคนบ้านนอก”

 

“พูดขึ้นมาแบบนี้แล้ว คุณหนูใหญ่หนิงซวงน่าจะได้ไปเห็นโลกภายนอกมากที่สุด”

  

“คุณหนูใหญ่ คุณเคยไปประเทศไหนบ้าง?”

 

เถียหนิงซวงยิ้มแล้วพูดว่า:“ฉันไม่ชอบต่างประเทศ ไม่ค่อยจะได้ไปหรอก”

  

“ก็แค่วันเกิดตอนอายุสิบแปดปีตอนนั้น ไปเที่ยวที่รัฐฮาวายสองสามวัน”

  

อีเจี่ยนเหมยยิ้มแล้วพูดว่า:“ดูซิ มิน่าล่ะถึงได้เป็นถึงคุณหนูใหญ่ของพวกเรา วันเกิดตอนอายุสิบแปดปีของฉัน แม้แต่เค้กยังไม่มีจะกิน”

 

“พี่เทียน ต่อไปนี้ทำภารกิจที่ต่างประเทศกันบ่อยๆนะ”

  

“พวกเราไม่ต้องซื้อตั๋ว ก็สามารถไปทั่วโลกได้ น่าดีใจมากเลย”

  

ฉินเทียนยิ้มแล้วพูดว่า:“ต่อไปนี้มีโอกาสอีกมากมาย”

  

“รอให้ภารกิจครั้งนี้สำเร็จลุล่วง ผมสามารถให้คนในเครือข่ายมืดเลือกภารกิจบางอย่างให้กับพวกคุณได้”

 

ทุกต่างพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ต่อมาไม่มีอะไรทำแล้ว จึงหาไพ่โป๊กเกอร์มาสองตลับ หลังจากนั้นเล่นโต้ตี้จู่[]กัน

อย่างไม่รู้สึกอะไร เครื่องบินก็ลงจอดที่ประเทศหนึ่งในทวีบยุโรป

  

พวกเขาขึ้นเครื่องบินส่วนตัวที่ราชาม้าได้จัดเตรียมเอาไว้

 

บนใบหน้าของทุกคน มีสีหน้าหนักแน่น

  

เพราะว่าพวกเขารู้ว่า จุดหมายปลายทาง กำลังจะถึงแล้ว

 

ผ่านการบินมาช่วงเวลาหนึ่ง เครื่องบินก็ได้บินเข้ามาในมหาสมุทรกว้างใหญ่

  

ด้านล่าง มีเกาะหนึ่ง ในที่สุดก็เข้ามาอยู่ในสายตา

  

“ว้าว เกาะนี้สวยมาก!”

 

“นี่คือมหาสมุทรแอตแลนติกใช่ไหม?” อีเจี่ยนเหมยเกาะอยู่ที่หน้าต่าง ตื่นเต้นอย่างมาก

  

เถียหนิงซวงก็ตื่นเต้นเล็กน้อย พูดว่า:“เกาะมลายู ถือว่าเป็นไข่มุกแห่งมหาสมุทรแอตแลนติก”

 

“ปรากฏว่าไม่ได้มีเพียงแค่คำกล่าวขาน”

  

ฉินเทียนก็มาที่นี่เป็นครั้งแรก

  

จากหน้าต่างมองไป เกาะมลายู มีเกาะสี่เกาะเป็นส่วนประกอบ ตามที่ได้พูดกันมีอยู่สองเกาะ ไม่มีคนอาศัยอยู่

  

มองดูแล้ว เปรียบเทียบกับครั้งที่แล้วที่เขาไปที่เกาะซิซิลี ใหญ่กว่ามากจริงๆ

  

ทูตสวรรค์คนนี้กลับหลบอยู่ในสถานที่แบบนี้ ร้ายกาจอย่างเหลือเชื่อ

  

เครื่องบินค่อยๆร่อนลงบนพื้นที่ส่วนตัว ด้านนอก มีเบนซ์หลายคันมาจอดรออยู่นานแล้ว

  

ฉินเทียนและคนอื่นๆนั่งรถ มายังคฤหาสน์ขนาดใหญ่

  

ในที่สุด ก็ได้พบเจ้าของแล้ว

  

เขาชื่อว่าหลู่ตี๋ เป็นชาวมัวร์

  

ก่อนที่จะมาราชาหนูได้สั่งการเอาไว้แล้ว หลู่ตี๋เป็นสายของเขาที่อยู่ที่นี่ จะรับผิดชอบดูแลงานเบื้องหลังของฉินเทียนและคนอื่นๆ ในขณะที่ปฏิบัติภารกิจอยู่ที่นี่

  

“สถานการณ์ตอนนี้เป็นอย่างไร รีบบอกฉันมา” ฉินเทียนรีบร้อนอดทนต่อไม่ไหวแล้ว

  

เพราะว่าเขาพบว่า ราชินีงูกับทูตสวรรค์ที่ถูกจับตัวมา ไม่ได้อยู่ที่นี่

หลู่ตี๋ยังคงทำตามธรรมเนียมปฏิบัติของคนในพื้นที่ ทำความเคารพฉินเทียน แล้วพูดเสียงโทนต่ำ:“ราชาของข้า ทูตสวรรค์ถูกจับตัวได้ที่เกาะร้าง”

 

“วันนี้ สาวน้อยน่ายจื่อกับคนของเธอ ยังคงเฝ้าดูอยู่ที่เกาะแห่งนั้น”

  

“ตอนนี้ฟ้ามืดลงแล้ว คุณกับเหล่าเพื่อนพ้องพักผ่อนเสียก่อนเถอะ พรุ่งนี้ผมจะให้คนขับสปีดโบ๊ทไปส่งพวกคุณ”

 

“บนเกาะไม่เหมาะสำหรับพักอยู่จริงๆ”

  

“ไม่ต้องหรอก!”ฉินเทียนลุกขึ้น พูดว่า:“ไปตอนนี้เลย”

  

สาวน้อยน่ายจื่อ ก็คือราชินีงู ชื่อเต็มคือเหลิ่งน่ายจื่อ อีกชื่อคือเหลิ่งหยุน

  

ก่อนหน้านี้ ฉินเทียนไม่ได้ติดต่อกับเหลิ่งหยุนมาโดยตลอด

 

ตอนนี้ ในที่สุดก็อดไม่ได้ที่จะส่งข้อความไป:ผมมาถึงแล้ว ตอนนี้สถานการณ์เป็นอย่างไร?”

  

ผ่านไปสักพัก เหลิ่งหยุนตอบกลับมา:คุณมาดูเองก็รู้แล้วไม่ใช่เหรอ