บทที่ 286 สายเลือดเผ่ามังกร

บัญชามังกรเดือด

บัญชามังกรเดือด บทที่ 286 สายเลือดเผ่ามังกร
ได้เห็นข้อความของเหลิ่งหยุน ฉินเทียนถึงกลับพูดไม่ออก

  

ไม่ได้เจอกันเสียนาน นิสัยของผู้หญิงคนนี้ ปรากฏว่าไม่เปลี่ยนไปสักนิด

  

เมื่อนึกขึ้นมาว่าอีกสักพักก็จะได้เห็นใบหน้าอันแสนเย็นชาอันนั้นของเธอแล้ว ไม่รู้ว่าทำไม ฉินเทียนรู้สึกเกรงกลัวเล็กน้อย

  

บนโลกใบนี้ หญิงสาวที่สามารถทำให้ฉินเทียนรู้สึกเกรงกลัวได้ ในขณะนี้ ก็มีแค่เหลิ่งหยุนคนเดียวแล้วล่ะ

  

นึกถึงครั้งแรกที่ได้พบกันกับเหลิ่งหยุน ก็อดที่จะตื่นเต้นขึ้นมาไม่ได้

 

“ผมจะให้พ่อบ้านพาคนดูแลส่งคุณไป”

 

“สถานะของผมค่อนข้างพิเศษ งั้นจะไม่ไปด้วย”

 

“ผมอยู่ที่นี่ รอฟังข่าวดีของคุณ”

  

ได้ฟังคำพูดของฉินเทียน หลู่ตี๋จึงรีบร้อนจัดการ

 

เขาโบกมือเรียกคนมา เป็นผู้ชายที่ยังหนุ่มแน่นคนหนึ่ง ผิวเหลือง

  

“เขาชื่อก่วนยี่ เป็นลูกหลานของเผ่ามังกร”

  

“ความสามารถของเขาเก่งมาก ราชาของข้าสามารถวางใจได้อย่างแน่นอน”หลู่ตี๋ยิ้มไปพูดไป

  

ฉินเทียนพยักหน้า เดินออกไปอย่างทนรอไม่ไหวแล้ว

  

ตอนนี้ในประเทศ กำลังจะเข้าสู่หน้าหนาว แต่ว่าที่เกาะมลายู ถือว่าเป็นพื้นที่เขตร้อน

  

มีความชื้นจากลมทะเลที่พัดมา อุณหภูมิก็กำลังพอดี ต่างประเทศต่างวัฒนธรรม มีลักษณะจำเพาะของตัวเอง

 

แต่ว่า ฉินเทียนรวมทั้งคำสาปสวรรค์ เดิมทีไม่ได้มีกะจิตกะใจจะมาชื่นชม

  

ก่วนยี่เพิ่มรถขึ้นมาอีกหลายคัน พาหน่วยคุ้มกันมาสิบคน เตรียมพร้อมอาวุธ ดูแลไปส่งฉินเทียนและคนอื่นๆ มาถึงริมหาด

  

ที่นี่ มีสปีดโบ็ทหลายลำมารออยู่นานแล้ว

  

ทุกคนต่างกระโดดขึ้นไป ก่วนยี่โบกมือ สปีดโบ๊ทขับตัว ฝ่าลมฝ่าคลื่น ขับเข้าไปในความมืดของท้องทะเลอันกว้างใหญ่

  

ฉินเทียนนั่งเรือมาคนเดียว แววตามองไป ไม่นาน สายตา ก็พบจุดสีดำจุดหนึ่ง

 

“เกาะมลายูทั้งหมดมีสี่เกาะรวมกัน สองเกาะมีคนอาศัยอยู่ อีกสองเกาะไม่คนอาศัยอยู่”

  

“นี่คือเกาะสฟาร์บาร์ เป็นเกาะร้างไม่มีคน”

  

“พื้นที่น่าจะประมาณ5ตารางกิโลเมตร”

  

หลังจากก่วนยี่ลุกขึ้นมา อธิบายด้วยเสียงโทนต่ำกับฉินเทียน

  

ฉินเทียนพยักหน้า ถามว่า:“พวกคุณค้นพบได้อย่างไร ว่าทูตสวรรค์แอบหลบอยู่ที่นี่?”

  

ก่วนยี่ตอบด้วยเสียงโทนต่ำ:“คุณหลู่ตี๋ให้ข้อมูลมา ผมปลอมเป็นคนหาปลา ทำเป็นว่ามาพักอยู่ที่เกาะนี้ ค้นพบว่าบนเกาะมีถ้ำแห่งหนึ่ง”

  

“ตอนนั้นด้านในไม่มีคนอยู่ แต่ว่ามีข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน อีกทั้งยังมีเครื่องส่งสัญญาณขนาดเล็ก”

  

“ผมคิดว่าน่าจะเป็นทูตสวรรค์ ตอนกลางวันเขาออกไปปฏิบัติงาน ตอนกลางคืนกลับมาที่นั่น”

  

“ผมนำเอาสถานการณ์รายงานกับคุณหลู่ตี๋ เขาจึงได้รายงานต่อสำนักงานใหญ่”

 

“จากนั้น ราชางูกับแก๊งของเธอ แอบซุ่มเข้ามาตอนกลางคืน ปรากฏว่าจับตัวทูตสวรรค์ได้แล้ว”

  

ฉินเทียนเผยรอยยิ้มพูดว่า:“ครั้งนี้พวกคุณทำได้ไม่เลว”

  

“รอให้เรื่องเหล่านี้เสร็จเรียบร้อย ฉันจะให้ราชาหนูให้รางวัลกับพวกคุณ”

  

ก่วนยี่รีบร้อนพูดว่า:“รับใช้ราชาเทพ มิได้หวังผล!”

  

ฉินเทียนเห็นว่าบนใบหน้าของก่วนยี่เต็มไปด้วยความซื่อสัตย์จริงใจ อดใจไม่ได้ที่จะพูดว่า:“คุณเป็นสายเลือดมังกร ทำไมถึงได้เข้าร่วมองค์กรข่าวกรองของราชาหนู?”

 

ก่วนยี่พูดเสียงโทนต่ำ:“บรรพบุรุษของผม เหตุเพราะว่าประวัติศาสตร์ จึงมาอาศัยอยู่ที่นี่อย่างสงบ”

  

“ถึงแม้ว่า จะเปลี่ยนเป็นสัญชาติของที่นี่แล้ว ถ้าว่าด้วยทางกฎหมาย ถือว่าเป็นคนในพื้นที่”

  

“แต่ว่า คนในพื้นที่จริงๆ ไม่เคยต้อนรับขับสู้พวกเรามาก่อนเลย”

  

“ในสายตาของพวกเขาแล้ว พวกเรายังเป็นคนผิวเหลืองขี้โรคคนนั้น ที่บ้านเมืองแตกแยก คนต่างชนชั้น”

  

“พวกเขาคิดว่า พวกเราเป็นคนชั้นต่ำยากที่จะก้าวเข้าสู่สังคมชั้นสูงได้ตลอดไป ในความคิดนี้ หยั่งรากลึก”

 

“ดังนั้น ถึงแม้ว่าตระกูลของพวกเราจะวางรากฐานที่แน่นอนอยู่ที่นี่แล้ว แต่ว่าก็ยังคงถูกรังแกอยู่เรื่อยไป”

  

“มีอยู่ครั้งหนึ่ง พวกเราถูกคู่แข่งตีมาถึงหน้าบ้าน ปืนของพวกเขาจ่อมาบนศีรษะของพ่อกับแม่ของผม”

  

“ราชาหนูช่วยเหลือครอบครัวของพวกเราเอาไว้”

  

ที่แท้มีเรื่องราวความเป็นมาแบบนี้นี่เอง

  

ฉินเทียนเผยรอยยิ้มพูดว่า:“คุณเคยเจอราชาหนูหรือเปล่า?”

  

“เคยเจอครั้งหนึ่ง แต่ก็ไม่ถือว่าได้เจอ”ก่วนยี่ยิ้มอย่างขมขื่นพูดว่า:“ทั้งร่างของเขาถูกคลุมเอาไว้ด้วยชุดคลุม(แบบของจีน) ผมมองไม่เห็นเขา”

 

“น้ำเสียงเป็นผู้ชาย แต่ว่ามองจากรูปร่าง ทั้งที่เหมือนผู้หญิง”

 

“ราชาหนูลึกลับมาก”

  

ฉินเทียนยิ้มแต่ไม่เอ่ยอะไร ความลึกลับของราชาหนู นอกจากเบื้องบนแล้ว น่าจะมีแค่เขาที่รู้แล้ว

 

ถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้นละก็ ความลับอันนี้ ทั้งชีวิตนี้ของเขา น่าจะไม่มีทางพูดกับใครเลย

  

นอกเสียจากว่า——

  

ก่วนยี่รู้สึกว่าตัวเองพูดมากเกินไปแล้ว จึงพูดอย่างหวาดหวั่น:“ขออภัยด้วย ราชาเทพ!”

  

“ผมไม่ควรวิพากษ์วิจารณ์หัวหน้าของตัวเองลับหลัง ท่านโปรดลงโทษด้วย!”

  

ฉินเทียนเผยรอยยิ้มพูดว่า:“คุณไม่เลวเลยทีเดียว ต่อไปตั้งใจทำงาน”

  

“ขอบพระคุณสำหรับคำชมท่านราชาเทพ!”มองออกว่า ก่วนยี่นั้นดีใจอย่างมาก

  

เขาถอนหายใจออกมา พูดว่า:“ตอนนี้ ผมรู้สึกว่าชีวิตของตัวเองนั้นมีความหมายมาก”

  

“ถึงแม้ว่าผมจะย้ายสัญชาติ แต่ว่า เลือดที่ยังหมุนเวียนอยู่ในร่างกาย ก็ยังเป็นสายเลือดแห่งมังกรตลอดไป!”

  

“นี่เป็นสิ่งที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดไป!”

  

ฉินเทียนไม่ได้พูดอะไร เวลานี้ จุดสีดำที่มองเห็นจากทางไกลยิ่งใหญ่ขึ้นทุกที สปีดโบ๊ทของพวกเขา เข้าใกล้เกาะสฟาร์บาร์มาแล้ว

  

บนสปีดโบ๊ทลำอื่น รับผิดชอบนำทีมคือฉานเจี้ยน ชุยหมิงและผีหวูฉาง

  

พวกเขายืนอยู่บนหัวเรือ สีหน้าหนักแน่นอย่างมาก

  

“เป็นคนของราชินีงู”

  

“ราชินีงูส่งคนมาต้อนรับพวกเราแล้ว”

  

มองเห็นบนฝั่ง มีเงาของคนสองสามคน ก่วนยี่โบกมือทักทาย

  

สปีดโบ๊ทเข้าฝั่ง ฉินเทียนและคนอื่นๆกระโดดลงมา

  

“ราชาฉิน ผมคือลูกน้องของราชินีงู สัญลักษณ์แทนตัวคืองูเขียวหางไหม้ พวกเราเคยพบกันมาก่อน” ชายหนุ่มคนหนึ่งพูดออกมาอย่างยิ้มแย้ม

  

ลูกน้องคนสำคัญของราชินีงู สัญลักษณ์แทนตัวจะเรียกตามชื่อของงูพิษต่างๆ

  

ฉินเทียนพยักหน้า มองดูที่เหลืออีกสองคน

  

ทั้งสองคนนี้รีบก้มหน้าทันที พูดอย่างเคร่งขรึม:“ลูกน้องของราชินีงู หมายเลขเจ็ด งูหางกระดิ่ง”

 

ผู้หญิงคนนั้นพูดว่า:“ฉันคือหมายเลขเก้า งูทับทาง”

  

ฉินเทียนมองเห็นพวกเขาเคร่งขรึม อดที่จะยิ้มและถามงูเขียวหางไหม้ออกมาไม่ได้ว่า:“เห็นหรือยัง สองท่านนี้ถึงจะใช่สไตล์ของราชินีงูของพวกคุณ”

  

“ไม่โกรธแต่ยังเคร่งขรึมนะ”

  

“คุณเจ้าคนนี้ยิ้มร่าเริงทั้งวัน ระวังนะวันไหนราชินีงูของพวกคุณรู้สึกว่าสไตล์ของคุณไม่ใช่ขึ้นมา แล้วไล่คุณออก”

 

งูเขียวหางไหม้หัวเราะแล้วพูดออกมา:“ราชาฉินพูดว่าราชินีของพวกเราไม่โกรธยังเคร่งขรึม กำลังยกยอราชินีงูทางอ้อมหรือเปล่า?”

  

“คุณไม่ใช่ว่าเกรงกลัวเธอนะ? เธอเป็นลูกน้องของคุณนะ”

  

“ไปไกลๆไป!”ฉินเทียนตั้งใจทำใบหน้าขุ่นเคืองพูดออกมาว่า:“กล้าล้อเล่นกับข้างั้นเหรอ ระวังตัวเอาไว้เดี๋ยวจะถูกข้าจับไปดองเหล้า”

  

“ไปกันเถอะ พาฉันไปพบราชินีงูของพวกคุณ”

  

งูเขียวหางไหม้เปลี่ยนสีหน้าจริงจังทันใด:“หัวหน้าใหญ่เชิญตามผมมา!”

  

บนเกาะถึงแม้ว่าจะมืดมาก แต่ว่าคนเหล่านี้ ต่างได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี

  

ดวงตาสามารถปรับตัวได้ มากกว่าคนปกติ

  

อีกทั้งการปฏิบัติภารกิจของพวกเขา ส่วนมากต่างเป็นตอนกลางคืน ดังนั้นฟ้ามืดสำหรับพวกเขาแล้ว มีความคุ้นเคยยิ่งกว่าตอนกลางวันเสียอีก

  

ความมืดรอบด้าน เป็นสีที่ปกป้องของพวกเขา

  

ฉินเทียนให้ก่วนยี่พาหน่วยคุ้มกันสิบกว่าคน ลาดตระเวนตามแนวชายฝั่ง

  

เขาพาคำสาปสวรรค์ ตามงูเขียวหางไหม้ เดินตามเข้าไปด้านในอย่างรวดเร็ว

  

เดินอ้อมผ่านเนินหินไปสองสาวอัน โดยเร็ว ก็เห็นว่าเบื้องหน้าไม่ไกล มีถ้ำอันหนึ่ง มีแสงไฟส่องสว่าง

  

มองเห็นภายในบริเวณปากถ้ำ มีเงาของคนสองสามคนยืนอยู่ ด้านหน้าคนหนึ่ง รูปร่างสัดส่วนงดงาม เหมือนจะกลืนเป็นหนึ่งเดียวไปกับความมืด

  

แต่ว่า ดวงตาทั้งสองนั้นแสนเย็นชา ทำให้คนรู้สึกว่ากำลังถูกเทพแห่งความตายจ้องมองอยู่

  

งูเขียวหางไหม้กลืนน้ำลายลงคอ พูดเสียงโทนต่ำออกมา:“หัวหน้าใหญ่ยังคงเป็นหัวหน้าใหญ่”

  

“ราชินีงูของพวกเราพาคนออกมาต้อนรับคุณแล้ว”

  

ฉินเทียนไอออกมาเล็กน้อย เดินก้าวใหญ่ก้าวเข้าไป