วันรุ่งขึ้น
วันเสาร์ ฉินหร่านเข้าเรียนเสร็จก็อยากจะไปห้องปฏิบัติการทางฟิสิกส์
เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาดูบัญชีโซเชียลอีกครั้ง นักวิจัยเลี่ยวยังไม่ยืนยัน
ตอนเที่ยงที่โรงอาหารชั้นสามของมหาวิทยาลัยเมืองหลวง
ในโรงอาหารมหาวิทยาลัยเมืองหลวง ที่นี่ราคาอาหารแพงที่สุด วันธรรมดาจึงมีคนไม่ค่อยเยอะ
ฉินหร่านได้ข้าวมาหนึ่งเซ็ตก็หาที่นั่งตรงมุมหนึ่งแล้วนั่งลง
“รุ่นน้อง” หงเทาเดินออกมาจากกลุ่มคน หางตาเห็นฉินหร่านแล้วจึงยกถาดมานั่งตรงข้ามเธอ
ฉินหร่านที่กำลังหยิบตะเกียบเงยหน้าขึ้นมองหงเทา เธอทักทายอย่างสุภาพ หน้าตาแจ่มใส “รุ่นพี่”
เนื่องจากเขาเป็นเพื่อนของซ่งลี่ว์ถิง ฉินหร่านจึงมีความอดทนต่อเขาเพิ่มขึ้นมาหนึ่งส่วน
“เธอเป็นน้องสาวของซ่งลี่ว์ถิงจริงๆ ด้วยสินะ เจ้าหมอนั่นทำการทดลองได้ถึงระดับS แต่เธอเจ๋งกว่าที่ไม่ได้ทำแค่ระดับSเท่านั้น ยังทำการทดลองตั้งแต่ระดับEถึงระดับAด้วยแน่ะ” หงเทากินหมูน้ำแดงเข้าไปหนึ่งคำ สองวันที่ผ่านมาพวกอาจารย์เอาแต่พูดถึงวีรกรรมที่น่าทึ่งของฉินหร่าน
เธอสามารถตามคะแนนของมหาวิทยาลัยAด้วยช่องว่างที่ห่างกันถึงสี่คน ด้วยเหตุนี้อาจารย์ของมหาวิทยาลัยเมืองหลวงถึงได้เล่าลือกันไม่ขาดสาย
พอได้มาเจอฉินหร่าน หงเทาก็อดไม่ได้ที่จะคุกเข่าคารวะต่อหน้าเธอสักรอบ
สองพี่น้องคู่นี้แต่ละคนไม่ใช่มนุษย์
“จริงสิเธออยู่ห้องปฏิบัติการชั้นไหน?” หงเทามองฉินหร่านพลางสอบถาม “ฉันอยู่ชั้นหนึ่ง เธอมีอะไรก็มาหาฉันได้”
สถานที่ทำกิจกรรมสำหรับนักศึกษาใหม่ทุกคนหลักๆ จะอยู่ที่ห้องปฏิบัติการที่อยู่ภายใต้ชื่อนักวิจัย
หากต้องการยื่นคำร้องขอห้องปฏิบัติการของตัวเองจะต้องบรรลุผลสำเร็จบางอย่างหรือเขียนบทความSCIหลายฉบับให้เป็นที่ยอมรับทั้งในและต่างประเทศ หากปัจจัยกระทบมีมากพอ ก็สามารถให้ห้องปฏิบัติการอนุมัติห้องวิจัยส่วนบุคคลได้
“นักวิจัยเลี่ยวยังไม่ตอบฉันเลย” พอพูดถึงเรื่องนี้ ฉินหร่านก็หยุดชะงัก นิ้วที่เห็นข้อต่อเคาะตะเกียบ เธอมองหงเทา “ตอนแรกพวกคุณเข้าได้เมื่อไหร่?”
“เธอก็โทรหาอาจารย์เธอสิ” หงเทายิ้ม “ภายใต้สถานการณ์ปกติ อาจารย์ในสถาบันวิจัยเป็นบ้ากันทั้งนั้นแหละ ไม่แคร์โลก และยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องดูโปรแกรมโซเชียลพวกนั้นด้วย ตอนนั้นฉันโทรติดต่อศาสตราจารย์ท่านนั้นที่ดูแลฉันโดยตรง”
“ฟังจากที่เธอพูด อาจารย์ท่านนั้นที่ดูแลเธอคงเป็นนักวิจัย”หงเทาไม่ใช่คณบดีเจียง เขาจึงไม่ค่อยรู้เรื่องสถาบันวิจัยมากนัก “น่าจะเป็นนักวิจัยระดับสูง เธอพยายามขอเขาให้รับเป็นศิษย์ให้ได้เลยนะ”
ฉินหร่านหลุบตาลง
เธอกลับมาคิดอยู่หลายครั้ง ระบบให้ช่องทางการติดต่อเธอมาแค่บัญชีโซเชียลอย่างเดียว ไม่ได้ให้เบอร์โทรศัพท์มา
แต่วันนี้วันศุกร์ พรุ่งนี้วันเสาร์และวันอาทิตย์ ฉินหร่านจึงไม่ได้ถามอะไรมาก
ประโยคสุดท้ายที่หงเทาพูดถึง ฉินหร่านไม่ได้ตั้งใจฟังและก็ไม่ได้เก็บมาใส่ใจ
ที่เธอเข้าห้องปฏิบัติการไม่ใช่เพราะหาอาจารย์
วันศุกร์ตลอดทั้งวัน ฉินหร่านก็ยังไม่ได้รับการตอบรับจากนักวิจัยเลี่ยว อีกฝ่ายยังไม่กดรับเป็นเพื่อนเลยด้วยซ้ำ
**
วันเสาร์ เฉิงมู่ไปที่ห้องฉินหร่านตั้งแต่เช้าตรู่ เขาย้ายต้นไม้ในห้องของเธอออกมาแล้วบอกกับเธอว่า “คุณหนูฉิน รายการไอดอล24ชั่วโมงจะออกอากาศคืนนี้แล้ว คุณชายเจวี้ยนเตรียมจอยักษ์ไว้ที่ห้องโถงชั้นล่างด้วยนะครับ”
ฉินหร่านเดินลงไปข้างล่างโดยไม่ได้สนใจ เธอพูดอย่างเฉยชา “อ้อ”
เธอหยิบแก้วไปกดน้ำอุ่น วันนี้ตื่นเช้ากว่าที่เคย ตอนที่เธอพิงตู้กดน้ำแล้วดื่มน้ำ เฉิงเจวี้ยนก็ยังไม่กลับมาจากจ๊อกกิ้งยามเช้า
เฉิงมู่ย้ายกระถางดอกไม้ออกมาเสร็จก็ทำการรดน้ำ จากนั้นก็วางกาน้ำในมือลงแล้วไปล้างมือที่ห้องน้ำ เดินมาหาฉินหร่าน “คุณหนูฉิน คุณจะลงไปดูจอยักษ์ที่คุณชายเจวี้ยนเตรียมไว้หน่อยไหม?”
ฉินหร่านดื่มน้ำหมดไปหนึ่งแก้ว เธอคิดอยู่ครู่หนึ่งก็ถือขนมปังเดินตามเฉิงมู่ลงไปข้างล่าง
เฉิงเจวี้ยนติดตั้งหน้าจอขนาดใหญ่ไว้ที่พื้นที่ของเฉิงจินชั้นล่าง
ทีแรกเฉิงมู่ยังรู้สึกซาบซึ้งมาก
ต่อมาเฉิงเจวี้ยนบอกว่าจะเสียงดังเกินไปถ้าติดไว้ข้างบน
“นี่ก็คือจอยักษ์นั่นเอง” เฉิงมู่เดินมาถึงห้องโถง ชี้ให้ฉินหร่านดู
ฉินหร่านกัดขนมปัง พิงราวบันไดอย่างเฉยชา มองจากบนลงล่างด้วยท่าทางเอื่อยเฉื่อย
ผนังห้องโถงแขวนหน้าจอคริสตัลกว้างขนาดหนึ่งเมตรยาวสองเมตร
มีโซฟาแถวยาวอยู่ตรงข้ามหน้าจอ
โดยมีผลไม้และชาวางอยู่บนโซฟา
มีพร้อมหมดทุกอย่าง
เฉิงจินที่เพิ่งตื่นถือผ้าขนหนูออกมาก็เห็นฉินหร่าน เขาหยุดฝีเท้าทันที น้ำเสียงเคร่งขรึม ถอยออกไปหนึ่งก้าวพร้อมกับพูดอย่างสุขุม “คุณหนูฉิน”
ฉินหร่านกินขนมปังเสร็จแล้ว เธอทักทายเขาโดยไม่ได้สนใจ
หลังจากดูเสร็จก็เดินไปข้างบนอย่างเชื่องช้า
จนกระทั่งฉินหร่านไปแล้ว เฉิงจินถึงได้ถอนหายใจมองมาทางเฉิงมู่ เขาขมวดคิ้วพูดกับเฉิงมู่เสียงขรึม “เช้าขนาดนี้นายพาคุณหนูฉินลงมาทำไม?”
โชคดีที่ตอนนี้เป็นฤดูหนาว ตอนเช้าเขาถึงได้สวมเสื้อผ้าเรียบร้อย
ถ้าเป็นฤดูร้อน…
“ก็ให้คุณหนูฉินมาดูจอยักษ์นี่ไง” เฉิงมู่ตอบกลับด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “คืนนี้พวกเราจะดูทีวีกัน”
คิดอยู่ครู่หนึ่ง เฉิงมู่ก็ถามเฉิงจิน “พี่ พี่จะดูไหม?”
“ดูแล้วมันสนุกตรงไหน?” เฉิงจินถือผ้าขนหนูเช็ดหัว จากนั้นก็ไปที่ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วหยิบเสื้อผ้าออกมาเปลี่ยน
“คุณหนูฉินไปออกรายการวาไรตี้ ‘ไอดอล24ชั่วโมง’ด้วยนะ”
เฉิงจินปิดประตูเปลี่ยนเสื้อผ้าไม่สนใจ “เรื่องของพวกผู้หญิง ไม่ดู”
คนที่ดูเรื่องของพวกผู้หญิงอย่างเฉิงมู่ “…”
**
ไม่ใช่แค่ที่ถิงหลาน ยังมีคอนโดเฉิงเวินหรู บ้านประจำตระกูลเฉิง และคนในสตูดิโอฉินซิวเฉิน…
รายการไอดอล24ชั่วโมงเริ่มออกอากาศวันนี้ มีชาวเน็ตกำลังรออยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์จำนวนนับไม่ถ้วน
นี่ไม่ใช่แค่รายการเรียลลิตี้โชว์ครั้งแรกของฉินซิวเฉิน แต่ยังพาหลานสาวเขามาด้วย นอกจากแฟนคลับทั่วไปของซุปตาร์ฉินแล้ว ยังมีขาจรและพวกชาวเน็ตกระหายดราม่าส่วนหนึ่งที่ต้องการดูหลานสาวซุปตาร์ฉินด้วยตาตัวเอง
เขตที่พักอวิ๋นจิ่น
ตอนเย็น
อาไห่กำลังดูฉินหลิงเขียนโปรแกรมอยู่ในห้องฉินหลิง
หลังจากดูอยู่นาน อาไห่ก็ถอยออกมาแล้วมองไปทางพ่อบ้านฉินที่อยู่ข้างนอก เขาลดเสียงลง พูดเสียงเข้มว่า “คุณชายหกบอกไหมว่าเรื่องเชิญครูให้คุณชายน้อยได้เบาะแสอะไรมาบ้าง?”
ตั้งแต่พวกฉินหลิงกลับมาร่วมสัปดาห์หนึ่งแล้ว อาไห่และคนอื่นๆ ล้วนได้เห็นพรสวรรค์อันน่าสะพรึงของฉินหลิงแล้ว
“การจะหาครูสักคนเป็นเรื่องง่าย แต่จะหลบเลี่ยงคุณชายสี่ยังไงนั้นยาก” พ่อบ้านฉินทอดถอนใจ
ด้วยสถานการณ์ตระกูลฉินในปัจจุบัน เส้นสายฉินซิวเฉินส่วนใหญ่ก็ล้วนเป็นคนในวงการบันเทิง การจะหาคุณครูให้ฉินหลิงสักคนจึงยากมาก
อาไห่มองไปทางห้องฉินหลิง แววตาสั่นไหว “ไม่แปลกใจเลยที่คุณชายน้อยเป็นคนตระกูลฉิน พรสวรรค์ด้านคอมพิวเตอร์ยอดเยี่ยมมาก อีกนิดเดียวก็เกือบจะเจาะไฟร์วอลล์ของผมได้แล้ว ตอนนี้เขากำลังลองโค้ดที่ผมสอนอยู่ หวังว่าคุณชายหกจะหาครูที่สามารถสอนคุณชายน้อยได้โดยเร็วที่สุด”
ช่วงนี้พ่อบ้านฉินได้ยินพวกอาไห่พูดถึงฉินหลิงมาหลายครั้งแล้ว
ขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกัน
ฉินฮั่นชิวก็วางเอกสารในมือลงกะทันหัน ลากเก้าอี้ลุกขึ้น จากนั้นก็ไปหารีโมทเปิดทีวีอินเทอร์เน็ตที่แขวนอยู่บนผนังฝั่งตรงข้าม
“คุณชายสอง?” พ่อบ้านฉินมองไปทางฉินฮั่นชิว
ฉินฮั่นชิวหันข้างแล้วตอบว่า ”ดูทีวีน่ะ”
เพิ่งจะพูดเสร็จได้ไม่นานก็มีคนเคาะประตูห้องโถง
พ่อบ้านฉินอยู่ใกล้ประตู เขาสงสัยว่ายังมีใครที่มาหาฉินฮั่นชิวดึกขนาดนี้
ทันทีที่เปิดประตูก็เห็นรูปร่างสูงเพรียวของฉินซิวเฉิน เขาดึงผ้าปิดจมูกลงพร้อมกับเดินเข้ามาในห้อง ทักทายพ่อบ้านฉิน
“คุณชายหก ทำไมคุณถึงมาเอาตอนนี้?” พ่อบ้านฉินหลีกทางให้ รอจนเขาเข้ามาก็ปิดประตู
ฉินซิวเฉินยัดผ้าปิดจมูกใส่ไว้ในกระเป๋า พอเห็นฉินฮั่นชิวเปิดทีวีอินเทอร์เน็ตแล้วจึงหาที่นั่งนั่งลง พูดลอยๆ ว่า “ดูทีวี”
ขณะนี้เป็นเวลา 7.55 น. ใกล้จะสองทุ่มแล้ว
ฉินหลิงก็วางการเขียนโปรแกรมในมือลง วิ่งเหยาะๆ ออกมานั่งข้างๆ ฉินซิวเฉินอย่างว่าง่าย สายตามองไปทางโทรทัศน์
นี่ก็มาดูทีวีอีกคนหรอ?
ขณะนี้พ่อบ้านฉินก็นึกขึ้นได้ว่ารายการไอดอล24ชั่วโมงออกอากาศวันนี้เป็นวันแรก
“คุณชายน้อยไม่พิชิตโค้ดต่อแล้วเหรอครับ?” อาไห่หยิบเสื้อคลุมตัวเองขึ้นมาพลางทักทายฉินซิวเฉินและคนอื่นๆ ตอนที่กำลังจะไปก็มองมาทางฉินหลิงด้วยสายตาที่อบอุ่น
ฉินหลิงส่ายหน้า พูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ผมจะดูพี่สาวก่อน”
อาไห่ผงะ
พ่อบ้านฉินหลุดหัวเราะ เขาอธิบายให้อาไห่ฟังว่าฉินหร่านไปถ่ายรายการแทนฉินหลิงมาสองวัน
“คุณอาไห่อยู่ดูด้วยกันไหม?” ฉินฮั่นชิวยกกาน้ำชาออกมา จากนั้นก็ถือกองขนมขบเคี้ยวออกมาด้วย เขาต้อนรับอาไห่อย่างอบอุ่น
อาไห่รีบโบกมือ “ไม่ล่ะครับ ผมจะกลับไปดูโปรเจกต์ก่อน”
ในหัวของเขามีแค่ข้อมูลตัวเลข เมื่อเห็นความหวังที่จะฟื้นฟูตระกูลฉินในตอนนี้ก็มีแรงจูงใจมากกว่าใครๆ
รอจนอาไห่ไปแล้ว พ่อบ้านฉินจึงปิดประตู
ขณะนี้เป็นเวลาสองทุ่มแล้ว โทรทัศน์กำลังฉายโฆษณาช่วงสุดท้าย
“นั่งสิ” ฉินซิวเฉินเจียดเวลามองพ่อบ้านฉิน ชี้ไปยังที่นั่งว่างข้างๆ
พ่อบ้านฉินเองก็ให้ความสนใจกับรายการนี้และย่อมรู้ดีว่าที่ฉินซิวเฉินกลับมาดึกขนาดนี้เพียงเพื่อมาดูรายการของฉินหร่าน
ฉินหลิงกับฉินฮั่นชิวก็เช่นกัน
พ่อบ้านฉินเงียบไปครู่หนึ่ง คำพูดของอาไห่ทำให้เขาตกใจมาก ตอนนี้เขาต้องรีบหาครูให้ฉินหลิง ใจนึกอยากจะลองถามฉินซิวเฉินว่ามีเบาะแสอะไรไหม จึงไม่มีอารมณ์ดูโทรทัศน์
แต่ฉินซิวเฉินและคนอื่นๆ กลับจ้องโทรทัศน์ตาไม่กะพริบ
พ่อบ้านฉินไม่อยากกวนใจพวกเขา จึงนั่งอยู่อีกด้านและดูโทรทัศน์กับพวกซุปตาร์ฉิน