เมื่อเห็นเจียวเหนียงตกอยู่ในอาการงงงวย ฉีเฉิงเฟิงหัวเราะออกมาแผ่วเบา และแสร้งพูดออกมาว่า “เจ้าดูไม่ออกหรืออย่างไรว่าเขาแกล้งปลอมตัวเป็นข้า?”

เจียวเหนียงผงะไป ตอนที่นางเจอซุนฮวนครั้งแรกเขาดูเหมือนฉีเฉิงเฟิงมาก ทว่าดูท่าทางของเขาในตอนนี้ก็รับรู้ได้ทันทีว่าเป็นลูกชายของตระกูลใหญ่! อีกทั้งฉีเฉิงเฟิงยังเอ่ยชื่อของนางออกมา เพราะฉะนั้นแล้วคนคนนี้ต้องเป็นซุนฮวนตัวจริงแน่นอน!

เมื่อคิดได้แบบนี้เจียวเหนียงก็ยิ้มอย่างดีใจ “คุณชายซุน เหตุอันใดนำพาให้ท่านมาที่นี่ได้? ท่านไม่ได้เป็นคนบอกเองหรอกหรือว่าขายผู้หญิงคนนี้ให้กับข้าแล้ว? ข้าเกือบจะให้เงินผิดคนเสียแล้ว ท่านดูสิ!”

เจียวเหนียงหยิบเงินจากมือของซุนฮวนไปส่งให้กับฉีเฉิงเฟิง นางจ้องไปที่ซูหวานหว่านและพูดว่า “ส่วนแม่นางนี้ พวกเราจะไม่ทำร้ายนางก็ได้ เงินนี้ข้าขอมอบให้ท่าน ดังนั้นท่านกลับไปได้แล้ว อย่าปล่อยให้แม่นางสือรอท่านนานเลย”

เมื่อเจียวเหนียงพูดจบ ลูกน้องของนางก็จับซูหวานหว่านเอาไว้ทันที

หากแต่ชายหนุ่มกลับเอาตัวเองเข้ามาขวางหน้าซูหวานหว่าน เขาเตะชายที่เดินเข้ามาอย่างแรง ทำให้คนอื่นตกตะลึง

“คุณชายซุน ท่านทำแบบนี้มันหมายความว่าอย่างไร? อย่าคิดว่าท่านมีแม่นางสือคอยถือหางให้แล้วข้าจะไม่กล้าทำอะไรท่านนะ!” เจียวเหนียงเกิดอาการขุ่นเคือง “ข้าให้เงินท่านไปแล้ว นังหญิงผู้นี้เป็นของข้า! ท่านปกป้องมันทำไม! ระวังข้าจะนำเรื่องนี้ไปบอกกับแม่นางสือ!”

ซูหวานหว่านเหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว ซุนฮวนอยากจะใช้ชีวิตคู่กับสือเป้ยเอ๋อร์ เขาจึงปลอมตัวเป็นฉีเฉิงเฟิง อย่างเงียบ ๆ แม้แต่หน้าของเขาก็คล้ายฉีเฉิงเฟิงและสือเป้ยเอ๋อร์ก็คงมองไม่ออกเลยแม้แต่น้อย!

ซูหวานหว่านสบตาฉีเฉิงเฟิงและพูดออกมาว่า “อย่ามัวแต่พูดเรื่องไร้สาระอยู่เลย รีบจัดการนางซะ!”

เมื่อพูดจบซูหวานหว่านกระโดดทุบไปที่ลำตัวชายร่างใหญ่ นางมุ่งหน้าไปจัดการกับเจียวเหนียง พลันใดนั้นฉีเฉิงเฟิงก็กระซิบบางอย่างข้างหูซูหวานหว่านทำให้นางยั้งมือเอาไว้ก่อน

เจียวเหนียงตกใจกับการกระทำของซูหวานหว่านมาก นางรู้สึกหายใจไม่ออกราวกับลำคอถูกบีบรัด ซูหวานหว่านถอนหายใจระบายความโกรธ นางตบเข้าที่ใบหน้าของเจียวเหนียง ทำให้นางสามารถอ้าปากกว้างและกลับมาหายใจได้อย่างปกติอีกครั้ง

ภายในห้องไม่มีคนรับใช้ของเจียวเหนียงอยู่แม้แต่คนเดียว นางมองหน้าทั้งสองด้วยใบหน้าขมขื่น เมื่อจ้องไปที่ฉีเฉิงเฟิง นางพลันรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติไป และเริ่มสงสัยว่าฉีเฉิงเฟิงนั้นไม่ใช่คุณชายซุน

กลับกันฉีเฉิงเฟิงได้เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของตนออกมา “เจ้ากำลังพยายามจะฆ่าคู่หมั้นของข้า เจ้าคิดว่าข้าจะทำอย่างไรกับเจ้าดี? หืม? แม่เล้าแห่งหอซิงฮวา”

ใบหน้าของเจียวเหนียงถึงพลันซีดเผือก นางยืนยันได้แล้วว่าฉีเฉิงเฟิงคนนี้ไม่ใช่ซุนฮวน หญิงวัยกลางคนรู้สึกกลัวขึ้นจับใจ พร้อมกับยกมือขึ้นปาดเช็ดเหงื่อ นางรีบถอดต่างหูและสร้อยข้อมือออกด้วยความลนลาน “พวกท่านอย่าฆ่าข้าเลย ของพวกนี้ข้ายกให้พวกท่านหมดเลย!”

คิดว่าเขาอยากได้เครื่องประดับไร้ราคาเช่นนี้หรือ? ชายหนุ่มหัวเราะเบา ๆ และพูดว่า “เพียงแค่เจ้ายอมทำตามคำสั่ง ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า”

“ข้าจะเชื่อฟังคุณชายฉีทุกอย่าง” เจียงเหนียงพยักหน้า

ฉีเฉิงเฟิงสั่งอะไรบางอย่าง และซูหวานหว่านก็ได้ให้ยาแก้ชากับซุนฮวนเอาไว้ จากนั้นทั้งสองก็เดินเข้าไปในบ้านเพื่อหลบซ่อนตัว

เมื่อซุนฮวนตื่นขึ้นมา เจียงเหนียงก็บอกกับซุนฮวนทันทีว่าซูหวานหว่านได้ถูกนางจัดการเรียบร้อยแล้ว นางจะถูกส่งตัวไปขายให้กับพ่อค้าในเมืองโจวในวันพรุ่งนี้

หลังจากได้ยินเรื่องนี้ซุนฮวนก็รู้สึกพึงพอใจ ทว่ายังไม่ถึงขั้นพอใจมาก เขาหยิบเงินออกมามอบให้เจียวเหนียง “ข้าเปลี่ยนใจแล้ว ข้าอยากจะให้เจ้าพาตัวซูหวานหว่านไปที่หอซิงฮวาของเจ้าในวันพรุ่งนี้! ข้าอยากจะลงมือทำลายนางด้วยมือของข้าเอง!”

“ข้าเข้าใจแล้ว! ท่านต้องทำมันสำเร็จอย่างแน่นอน” เจียวเหนียงรับเงินมา และซุนฮวนก็จากไปทันที

พอหลังจากที่เขาเดินออกไป เจียวเหนียงก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและเตรียมหาทางหนีทีไล่ ทว่าถูกฉีเฉิงเฟิงนั้นจับเอาไว้ก่อน นางจึงพูดออกมาอย่างโกรธเคืองว่า “ท่านไม่ได้เป็นคนพูดเองหรอกหรือ หากข้าเชื่อฟังคำสั่งของท่าน ท่านจะไว้ชีวิตของข้า!”

“ข้าบอกว่าข้าจะไว้ชีวิตเจ้าก็จริง แต่ข้าจะให้เจ้ามีชีวิตรอดอย่างไรต้องคอยดูกันต่อไป” ฉีเฉิงเฟิงจับนางมัดเอาไว้ จากนั้นซูหวานหว่านก็ยัดยาเม็ดสีแดงเข้าไปในปากตอนที่เจียงเหนียงกำลังร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ

ซูหวานหว่านกล่าวว่า “มีเพียงข้าเท่านั้นที่สามารถแก้พิษนี้ได้ หากเจ้าต้องการที่จะมีชีวิตรอด เจ้าจะต้องเชื่อฟังข้า เข้าใจหรือไม่?”

“เข้าใจแล้ว! ข้าเข้าใจ!” ถึงแม้ว่าเจียวเหนียงจะโกรธมากเพียงใด แต่นางก็ต้องทำเพื่อความอยู่รอดของตัวเอง และกลายเป็นสุนัขที่เชื่อฟังคำสั่งของเจ้านายทันที

ซูหวานหว่านรู้สึกพึงพอใจที่สามารถควบคุมนางได้ ทั้งสองสบตากันก่อนจะเดินออกไป

ไม่ว่าอย่างไร ทุกคนล้วนแต่มีหน้ากากที่ต่างกันออกไป ทำให้มองไม่เห็นใบหน้าและนิสัยที่แท้จริงของแต่ละคน

เมื่อพวกเขาเดินทางกลับถึงบ้านฮวงเหล่า ฉีเฉิงเฟิงจับมือของซูหวานหว่านตรึงเอาไว้บนกำแพงทันที ชายหนุ่มพูดออกมาด้วยน้ำเสียงตำหนิ “เหตุใดวันนี้เจ้าจะต้องทำดีกับไอ้บ้านั่นเช่นนั้น? จะวางยาเขาก็ลงมือไปหรือจะต่อยเขาก็ทำไป แต่เหตุใดเจ้าจะต้องเอาอกเอาใจป้อนอาหารให้เขาด้วย!”

ดวงตาของชายหนุ่มเต็มไปด้วยความสบสันและความโกรธ ทำให้ซูหวานหว่านรู้สึกประหลาดใจ แต่แล้วนางก็ยกยิ้มและเอ่ยถามออกมาแทนว่า “นี่เจ้ากำลังกินน้ำส้มสายชู*[1] งั้นหรือ?”

“น้ำส้มสายชูคือสิ่งใด? อร่อยหรือไม่?” ฉีเฉิงเฟิงขมวดคิ้วก่อนจะก้มหน้าลงประกบปากจูบซูหวานหว่าน ชายหนุ่มกดริมฝีปากค้างอยู่เช่นนั้นครู่ใหญ่ก่อนจะผละออก

เมื่อเห็นริมฝีปากของซูหวานหว่านบวมเป่งขึ้นมา เขาก็รู้สึกพึงพอใจเล็กน้อยและถอนหายใจออกมาเบา ๆ จากนั้นก็หมุนตัวเดินเข้าไปในห้องโดยไม่สนใจหญิงสาวอีก

ซูหวานหว่านนิ่งชะงัก หญิงสาวไม่รู้จะทำอย่างไรต่อหากไม่ใช่เพราะเป็นแผนที่จะจัดการซุนฮวน นางคงไม่ต้องเปลืองแรงมากถึงเพียงนี้! ตอนนี้เขากำลังโกรธและหึงหวงนางอยู่ นางควรทำเช่นไร? นางต้องทำให้เขาหายโกรธให้จงได้!

ซูหวานหว่านครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง หญิงสาวรีบเดินเข้าครัวไปทำอาหาร เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยก็เรียกฉีเฉิงเฟิงออกมาทานอาหารด้วยกัน

ตอนนี้ก็เป็นเวลาค่ำแล้ว ทุกคนจึงแยกย้ายกันไปพักผ่อน

วันรุ่งขึ้นตอนรุ่งสาง ซูหวานหว่านได้ไปที่หอซิงฮวา นางสามารถลงมือฆ่าซุนฮวนได้ในทันที เพียงแต่ว่า… นางอยากจะเห็นสือเป้ยเอ๋อร์เสียหน้า

ฉีเฉิงเฟิงขอติดตามนางมาด้วย ซึ่งซูหวานหว่านเองก็ไม่สามารถห้ามเขาได้และได้แต่ปล่อยให้เขาตามมา อีกทั้งยังกำชับให้เขาห้ามถอดหน้ากากออกเด็ดขาด แล้วจึงเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมพร้อมสำหรับ ‘เริ่มปฏิบัติการ’

เจียวเหนียงเป็นตัวละครที่สำคัญจริง ๆ เมื่อนางเห็นสือเป้ยเอ๋อร์และซุนฮวนเดินเข้ามาก็ได้พาพวกเขาเข้าไปที่ห้องทานอาหารส่วนตัวทันที

ซูหวานหว่านไม่แปลกใจที่เห็นสือเป้ยเอ๋อร์ปรากฏตัวที่นี่ เพราะถึงแม้ว่าสือเป้ยเอ๋อร์นั้นจะถูกควบคุมตัวเอาไว้ แต่ว่านางเป็นถึงลูกสาวของอัครมหาเสนาบดี และเรื่องที่ก่อเหตุก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ท่านนายอำเภอจึงไม่กล้าทำอะไรนาง

แต่สิ่งที่ทำให้ซูหวานหว่านแปลกใจก็คือนางยังไม่กลับไปที่เมืองหลวง! นางยังอยู่ที่นี่!

ขณะที่นางพยายามคิดหาเหตุผล เจียวเหนียงก็เข้ามาแจ้งข่าวสาร และตามนางไป

เมื่อเดินมาถึงห้องอาหารส่วนตัว หญิงสาวก็ได้ยินเสียงหัวเราะดังลั่นอยู่ภายใน นางมองจากรอยลวดลายของประตูห้องอาหารก็เห็นเป้ยเอ๋อร์นั้นถูก ‘ฉีเฉิงเฟิง’ กอดเอาไว้ในอ้อมแขนของเขา แต่ที่แน่ ๆ ฉีเฉิงเฟิงคนนั้นไม่ใช่ฉีเฉิงเฟิงตัวจริงและซูหวานหว่านกลัวว่านางจะอดใจของตัวเองไม่อยู่จนบุกเข้าไปทำร้ายพวกเขา!

เจียวเหนียงเดินเข้าไปในห้องส่วนตัว และกระซิบบางอย่างกับสือเป้ยเอ๋อร์เบา ๆ เมื่อเห็นอีกฝ่ายพยักหน้าเป็นการตอบรับ นางจึงเดินออกมา เมื่อหญิงวัยกลางคนพบกับซูหวานหว่าน นางก็ได้ดึงเด็กสาวไปหลบด้านข้างและถามออกมาเสียงต่ำว่า “แม่นางซู ข้าได้ทำตามคำสั่งของเจ้าแล้ว งั้นเจ้าปล่อยข้าไป…”

ก่อนที่เจียวเหนียงจะพูดจบประโยค ก็มีเสียงตะโกนดังออกมาจากข้างในห้องว่า “ซูหวานหว่านล่ะ! เหตุใดนางยังไม่มาอีก! ต้องให้ข้าไปเชิญมาด้วยตัวเองหรือไม่!”

น้ำเสียงนี้หากฟังผิวเผินจะฟังดูเหมือนฉีเฉิงเฟิงเป็นคนพูดอย่างแน่นอน แต่ถ้าตั้งใจฟังให้ดี ๆ มันคือเสียงซุนฮวนต่างหาก!

“อย่าเพิ่งรีบร้อน ข้ากำลังกำชับให้นางดูแลพวกท่านทั้งสองเป็นอย่างดี!” เจียวเหนียงมองที่ซูหวานหว่านอย่างกังวล แต่ซูหวานหว่านนั้นกลับเดินเข้าไปโดยที่ไม่มีท่าทางกลัวอะไรเลยสักนิด!

นางไม่รู้ว่าสือเป้ยเอ๋อร์กำลังคิดจะทำอะไรอยู่กันแน่ แต่แน่นอนว่าพวกเขานั้นไม่สามารถทำอะไรซูหวานหว่านได้! เมื่อเห็นซูหวานหว่านก้าวเข้าไปในห้องอาหารส่วนตัว เจียวเหนียงก็รู้สึกกลัวขึ้นมาเล็กน้อย

[1] 吃醋 chi1 cu4 กินน้ำส้มสายชู มีความหมายว่า หึงหวง