ตอนที่ 862 ผู้ชายหน้านิ่งอย่างพี่รองโดดเด่นมาก

แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย

เรื่องที่สามารถทำให้ลูกเชี่ยนของเขากลุ้มได้ขนาดนี้มีไม่มากนะเนี่ย

 

 

“เสี่ยวเฉียง ถ้ามีคนจ้องจะเล่นงานนาย นายจะทำไง?”

 

 

“อัดมัน”

 

 

เป็นวิธีแก้ปัญหาที่ง่ายๆและได้ผล

 

 

“ฉันหมายถึง ถ้านายเปิดร้าน แล้วมีลูกค้าแกล้งมาซื้อของ พอซื้อไปแล้วกลับปล่อยข่าวลือเสียๆหายๆไปทั่ว นายจะทำไง?”

 

 

“อัดมันต่อ จนกว่ามันจะหยุด”

 

 

“…ช่างเถอะ คิดเสียว่าฉันไม่ได้ถามแล้วกัน”

 

 

ทำไมเธอถึงได้ไร้เดียงสาถามตานี่ที่ชอบใช้ความรุนแรงนะ?

 

 

“ลูกเชี่ยน ใครทำคุณกลุ้มเหรอ? หรือมีคนจะมารังแกคุณ? เดี๋ยวพี่จะปิดหน้าไปเจาะยางรถมัน”

 

 

“เจาะเจาะเจาะ ทำเป็นแต่เจาะ ฉันจะบอกให้นะ ฉันเกลียดที่สุดคือใช้ความรุนแรงแก้ปัญหา ฉันคิดว่า…”

 

 

“คนที่ไร้ความสามารถในการแก้ปัญหาเท่านั้นถึงชอบใช้ความรุนแรง” อวี๋หมิงหลางแทบจะท่องคติการใช้ชีวิตของเธอได้หมดแล้ว

 

 

เสี่ยวเชี่ยนพยักหน้า ถูกต้อง

 

 

“แต่บางคนน่ะนะ ชอบก่อเรื่องโดยกำเนิด คุณไม่อัดมันมันก็ไม่สำนึกหรอก พูดกันว่าใช้กำลังไปก็ไม่มีประโยชน์ แต่ทำไมงบด้านการทหารของแต่ละประเทศถึงได้สูงขึ้น? ประเทศที่ด้อยกว่าต้องถูกโจมตี เป็นแค่เรื่องของเวลาช้าเร็วเท่านั้น”

 

 

“ประเด็นคือ ตอนนี้ใช้กำลังไม่เหมาะ เมื่อบ่ายอาจารย์มาหา บอกฉันว่า…”

 

 

เสี่ยวเชี่ยนเล่าเรื่องกฎกติการที่ศาสตราจารย์หลิวบอกมา หลังจากที่อวี๋หมิงหลางฟังจบเขาก็หัวเราะ

 

 

“หัวเราะอะไร?” เธอกำลังกลุ้มใจอยู่นะ

 

 

“หัวเราะอะไรน่ะเหรอ คุณน่ะเดินในแม่น้ำไม่ให้เปียกได้หรือเปล่าล่ะ? ตอนที่คุณทำอวดดีเคยนึกถึงตอนนี้บ้างไหม? ตอนนั้นคุณรับคำท้าเข้าแข่งขันด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม ตอนนี้รู้จักกลุ้มเป็นแล้วเหรอ?”

 

 

เสี่ยวเชี่ยนโมโห

 

 

เธอจะรู้ได้ไงล่ะว่ามันจะเปลี่ยนกติกา

 

 

เมื่อชาติก่อนเธอเคยเข้าร่วมแข่งขันระดับประเทศตั้งมากมาย ล้วนไม่เคยเจอกติกาแบบนี้มาก่อน

 

 

หรือนี่เป็นเพราะเธอกลับมาเกิดใหม่ทำได้ใจไปหน่อย สวรรค์หมั่นไส้เธอเลยเปลี่ยนกติกาการแข่งขัน?

 

 

เอาเป็นว่าครั้งนี้ประธานเชี่ยนอาจได้จบเห่แน่

 

 

แต่สีหน้ากวนประสาทของอวี๋หมิงหลางในเวลานี้ทำให้เธอหงุดหงิดมากกว่า

 

 

“คนแซ่อวี๋ นายอยากนอนพื้นใช่ไหม? สามีไม่เข้าข้างฉันแถมยังพูดจาประชดอีกมันหมายความว่าไง? ฉันล่ะเกลียดนักผู้ชายที่ดีแต่พูดตอนเรื่องเกิดแล้วน่ะ”

 

 

เดิมอวี๋หมิงหลางอยากให้เสี่ยวเชี่ยนรู้จักจำเสียบ้าง ต่อไปถ้ามีเรื่องแบบนี้ก็อย่าเพิ่งรีบด่วนตอบรับ แต่จะให้กลัวหางจุกตูดวิ่งหนีไปง่ายๆมันก็ไม่ใช่นิสัยของเมียเขา ดังนั้นจึงต้องทำสีหน้ายอมแพ้แล้วยิ้มพลางเข้าไปกอดเธอ

 

 

“เอาล่ะๆ ผมขอโทษ มามะเดี๋ยวพี่นวดใจให้เย็นลง~”

 

 

เสี่ยวเชี่ยนตีมือเขา “อย่ามาทำฉวยโอกาส ฉันกำลังอารมณ์ไม่ดี”

 

 

อวี๋หมิงหลางเข้าไปออดอ้อนต่อ อุ้มเธอมานั่งบนตัก

 

 

“มีอะไรน่ากลุ้มเหรอ? คนพวกนั้นคิดจะวางแผนก็ปล่อยไป ถึงตอนสุดท้ายด้วยความฉลาดของเมียผมก็คิดหาวิธีหลอกคนพวกนั้นได้อยู่ดี ต่อให้คนไข้สมมติเป็นคนที่ฝ่ายนั้นส่งมาเพื่อประเมินคะแนนคุณต่ำ แต่ระหว่างนั้นการรักษาถ่ายทอดสดทุกคนเห็นหมดไม่ใช่เหรอ กรรมการเขาจะโง่ตามด้วยเหรอ? ต่อให้กรรมถูกซื้อตัวแต่คิดว่าผู้ชมทั้งประเทศโง่เหรอ?”

 

 

แค่นี้เอาอยู่ เสี่ยวเชี่ยนถึงกับตีหัวตัวเอง

 

 

“ใช่ ทำไมฉันนึกไม่ถึงนะ”

 

 

เธอมัวแต่คิดเรื่องกติการเปลี่ยนจะจัดการคนไข้สมมติยังไง แต่กลับลืมเรื่องที่การแข่งขันจะถูกถ่ายทอดสดไปเลย

 

 

“เข้าไปถึงรอบตัดสินในวันสุดท้ายได้ก็แสดงว่าเป็นหกอันดับแรก ต่อให้คนพวกนั้นคัดฉันทิ้งไม่ให้รางวัลฉันก็ไม่เป็นไร ผู้ชมต้องจดจำฉันได้แน่ ถึงตอนนั้นต่อให้กรรมการไม่ยุติธรรมก็ไม่กลัว”

 

 

เสี่ยวเชี่ยนดวงตาเป็นประกาย อันที่จริงเป็นแบบนั้นยิ่งดี

 

 

ถึงตอนนั้นก็ไปหาไป๋จิ่นแล้วใช้สื่อสร้างกระแส พุ่งเป้าไปที่ความสัมพันธ์ระหว่างหมอกับคนไข้ สัมภาษณ์จากมุมมองของหมอและมุมมองของคนไข้ รับรองดังไม่น้อยไปกว่าการแข่งแน่ คนที่ไม่ได้แชมป์หลายคนบางทีดังกว่าแชมป์เสียด้วยซ้ำ

 

 

พอเห็นเธอกำลังครุ่นคิด เสี่ยวเฉียงก็แอบเอามือไปวางตรงหน้าอกเธออย่างเงียบๆ แถมยังชมออกมาด้วย

 

 

“เมียจ๋า ช่วงนี้ใหญ่ขึ้นหรือเปล่า?”

 

 

“เปล่านะ เหมือนเดิมมาตลอด” ตอนนี้เสี่ยวเชี่ยนอารมณ์ดีแล้ว ไม่หงุดหงิดใส่ น้ำเสียงก็นุ่มนวล

 

 

“เอ๋ ไหนว่ากันว่าอกใหญ่ไร้สมอง ผมเห็นสมองคุณใกล้จะหมดแล้ว อกก็ยังไม่ใหญ่ ฮ่าๆๆ”

 

 

เขายังไม่ทันจะหัวเราะเสร็จก็รู้สึกได้ถึงรังสีอำมหิต

 

 

“อกฉันน่ะไม่ใหญ่ แต่ฉันสามารถทำให้หัวนายปูดขึ้นมาได้เชื่อไหมล่ะ? อย่าหนีนะ กลับมานี่”

 

 

หลังจากที่เสี่ยวเชี่ยนกำจัดเรื่องกลุ้มได้แล้วอารมณ์ก็ดีขึ้น มีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที เธอเสนอว่าขับรถไปเดินเล่นตลาดกลางคืนแล้วหาอะไรกินกันไหม เสี่ยวเฉียงก่อนหน้านี้ไปกวนประสาทเธอจนโดนซ้อมเลยไม่กล้าขัด เธอบอกจะไปกินก็ไป

 

 

ทั้งสองคนเปลี่ยนไปใส่เสื้อคู่ จากนั้นก็ไปเดินเล่นตลาดกลางคืน

 

 

ตลาดกลางคืนห่างจากบ้านพวกเขาแค่สิบกว่านาที มีของกินเล่นนานาสารพัดเต็มไปหมด

 

 

“ผมจำได้ว่าเมื่อก่อนคุณไม่ชอบกินอะไรพวกนี้” อวี๋หมิงหลางไปต่อแถวซื้อเต้าหู้เหม็นให้เสี่ยวเชี่ยนมา เธอใช้ไม้จิ้มฟันจิ้มป้อนเขา

 

 

“เมื่อก่อนไม่ชอบ ตอนนี้ชอบ”

 

 

เสี่ยวเชี่ยนพบว่าวิถีการใช้ชีวิตของเธอไม่ค่อยเหมือนเมื่อก่อน ชาติที่แล้วเธอไม่ได้สนใจชีวิตตัวเองเท่าไร มุ่งไปที่เรื่องงานเพียงอย่างเดียว เรื่องกินหรือข้าวของเครื่องใช้อันไหนแพงก็ซื้ออันนั้น อย่างไรเสียเธอก็ไม่ร้อนเงิน

 

 

“หรือจะเป็นเพราะเสน่ห์ของพี่? แต่ผมก็ไม่ได้ชอบเต้าหู้เหม็นนะ…” อวี๋หมิงหลางเบือนหน้าหนีเต้าหู้เหม็นที่เสี่ยวเชี่ยนจะป้อนให้อีก

 

 

“ไม่เกี่ยวกับนาย ก็ไม่เชิงหรอก เป็นเพราะพวกเขา”

 

 

“เขา? มีพวกด้วย? ผู้ชายกี่คน?” เสี่ยวเฉียงไวกับเรื่องพวกนี้มาก รีบหันหน้ากลับมา ยังไม่ทันจะได้สำแดงฤทธิ์เดชราชาจอมหึงก็ถูกเสี่ยวเชี่ยนยัดเต้าหู้เหม็นเข้าปากเสียก่อน

 

 

“she ผู้หญิง ฉันหมายถึงพวกสืออวี้กับต้าอี”

 

 

อยู่กับพวกเพื่อนๆบ่อยๆ เสี่ยวเชี่ยนก็เริ่มที่จะใช้ชีวิตเหมือนคนทั่วไป ใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ ชีวิตเรียบๆง่ายๆแต่เป็นของจริง

 

 

“เอ๋ นั่นไม่ใช่…” เสี่ยวเชี่ยนหรี่ตา ดูเหมือนเธอจะเห็นคนรู้จักยืนอยู่ในแถวที่กำลังรอซื้อปลาหมึกย่าง

 

 

พอได้ยินเสี่ยวเชี่ยนพูดแบบนั้นอวี๋หมิงหลางจึงมองไป แล้วก็ เอ๋ ด้วยอีกคน

 

 

“ทำไมพี่รองมาแถวบ้านพวกเราอีกแล้ว?”

 

 

“สงสัยต้าอีจะอยากกินอีกแล้ว..จึ๊ๆ ทหารอากาศนี่ดีจริงๆ เวลาที่ไม่ต้องบินเวลาว่างเยอะแยะ”

 

 

เสี่ยวเชี่ยนจำได้ว่าเมื่อเช้าต้าอีโทรมาว่าเธอต้องการให้ช่วยรวบรวมข้อมูลไหม เสี่ยวเชี่ยนก็บอกไปว่าไม่ต้อง ต้าอีเลยพาลูกไปเที่ยวสวนสัตว์กับพี่รอง

 

 

ดูท่าทางต้าอีจะเที่ยวจนเหนื่อยไม่อยากออกมา พี่รองเลยออกมาซื้อของกินให้แทน

 

 

คนจำนวนมากยืนต่อแถวเพื่อรอซื้อปลาหมึกยักษ์ย่างที่แสนอร่อยของเจ้านี้ บุคลิกพี่รองที่ยืนยืดอกหลังตรงดูโดดเด่นกว่าใคร

 

 

“นายรู้สึกบ้างไหมว่านายหน้าคล้ายพี่รอง?” จากมุมของเสี่ยวเชี่ยนยืนเห็นหน้าพี่รองด้านข้าง

 

 

“ผลิตจากโรงงานเดียวกันไม่เหมือนได้เหรอ? ถ้าพี่ใหญ่ผอมกว่านี้หน่อยนะก็หน้าเหมือนพวกเรา”

 

 

ทั้งสองคนเดินไปทางพี่รอง เตรียมจะเข้าไปขอปลาหมึกยักษ์สักสองไม้ ปกติร้านนี้ต้องรอคิวนานมาก แต่ยังไม่ทันจะเดินไปถึงอยู่ๆก็เห็นผู้หญิงอวบคนหนึ่งพุ่งเข้าไปโอบเอวพี่รองจากทางด้านหลัง