ตอนที่ 319 อำนาจของคุณหนูใหญ่
เมื่อโดนอันหลิงเกอถามต่อหน้าทุกคน อันหลิงอีก็รู้สึกหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาทันที
นางมิกล้าสบตาอันหลิงเกอจึงเบนสายตาไปยังเจียวซูหมิ่นแทน ขณะที่นางตัดสินใจเปิดโปงแผนการที่พวกนางวางไว้ก็เห็นเจียวซูหมิ่นทำสัญญาณมือด้วยการใช้มือข้างหนึ่งชี้ไปที่อันผิงกงจู่
สีหน้าของอันหลิงอีจึงเปลี่ยนไปเล็กน้อย นางลืมไปได้อย่างไรว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังคืออันผิงกงจู่ หากนางพูดเรื่องที่เจียวซูหมิ่นเข้าหาพร้อมแผนการนี้ ก็เท่ากับดึงอันผิงกงจู่เข้ามาเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย
ว่ากันว่าอันผิงกงจู่เป็นคนหยิ่งผยอง เคยมีคุณหนูหลายคนทำให้พระองค์มิพอใจ ทุกคนล้วนต้องทรมานราวกับตายทั้งเป็น บ้างถึงขั้นโกนศีรษะบวชเป็นชี บ้างถึงขั้นผูกคอตายเลยทีเดียว
หากนางดึงอันผิงกงจู่เข้ามาเกี่ยว อีกฝ่ายต้องมิปล่อยนางไว้แน่
อันหลิงอีขบคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงตัดสินใจบางอย่าง
เทียบกับอันผิงกงจู่แล้ว หลานสาวราชครูเยี่ยงเฉินเฉินคงมิเท่าไรหรอก หากต้องเลือกผิดใจกับคนใดคนหนึ่งระหว่างสองคนนี้ นางยอมเลือกผิดใจกับเฉินเฉินยังดีเสียกว่าไปล่วงเกินอันผิงกงจู่เข้า
หลังจากนางไตร่ตรองอย่างดีแล้ว ทุกคนในที่นั้นก็เห็นแค่ว่านางก้มหน้าลงมิกล้าสบตากับอันหลิงเกอ มือทั้งสองกุมกันอยู่ด้านหน้าและมีท่าทีกระสับกระส่าย “พี่หญิงใหญ่ ข้ามิได้ผลักคุณหนูเฉินตกน้ำเจ้าค่ะ”
“ข้าแค่เห็นว่าในทะเลสาบมีปลาหลีฮื้อตัวหนึ่งที่สวยงามมาก ลำตัวของมันเป็นสีทองมองแล้วน่าจักหายากจึงอยากเข้าไปดูชัด ๆ แต่ข้ามิทันสังเกตว่าคุณหนูเฉินอยู่ด้านข้างและพอดีกับที่ข้าสะดุดผู้ใดก็มิทราบ ทำให้ยืนมิมั่นคงจึงเผลอไปผลักคุณหนูเฉินโดยมิเจตนา คุณหนูเฉินถึงได้…”
นางกล่าวสักพักก็เหมือนพูดต่อมิออก น้ำเสียงสะอึกสะอื้นกล่าวไปพลางร้องไห้ไปพลางแล้วหันไปทางเฉินเฉิน “คุณหนูเฉิน เรื่องนี้ข้าผิดเอง เป็นข้าเองที่ทำให้ท่านตกน้ำ ข้าต้องขออภัยด้วย”
“เมื่อครู่ตอนที่คุณหนูใหญ่อันถามคุณหนูเจียว เหตุใดเจ้ามิกล่าวออกมา ? ” ซุนเมิ้งอวิ๋นเห็นอันหลิงอีร้องไห้อย่างน่าสงสารก็ได้แต่ถอนหายใจเบา ๆ แต่ยังมิลืมเรื่องที่เจียวซูหมิ่นโดนเข้าใจผิดเมื่อครู่
หากมิใช่เพราะอันหลิงอีมิยอมรับว่าเรื่องนี้ตนเป็นคนทำ เจียวซูหมิ่นคงมิถูกอันหลิงเกอเข้าใจผิดเช่นนั้น
มิเพียงแต่ซุนเมิ้งอวิ๋นที่คิดเช่นนี้ ซุนเมิ้งเซียนก็นึกถึงเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน
นางส่งเสียง หึ ออกมา ใบหน้าจิ้มลิ้มเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม “น้องสาวผลักคนตกน้ำ พี่สาวใส่ร้ายผู้บริสุทธิ์ คนจวนโหวช่างมีความสามารถยิ่งนัก ช่างเปิดหูเปิดตาข้าเสียจริง”
อันหลิงเฉว่ที่ทำเหมือนได้ดูเรื่องสนุกจึงหน้าตึงขึ้นมาทันที นางมีความสุขที่อันหลิงอีและอันหลิงเกอพ่ายแพ้ต่อหน้าผู้คนเช่นนี้ แต่ซุนเมิ้งเซียนลากจวนโหวเข้ามาเกี่ยวด้วยก็เท่ากับลากนางเข้าไปยุ่งเช่นกัน
อันหลิงเกอยังยืนอยู่ที่เดิม แววตาที่มองอันหลิงอีเต็มไปด้วยความสับสนคล้ายกำลังตกใจ ผิดหวัง มิอยากเชื่อ อีกทั้งยังรู้สึกผิด
นางมิรอให้อันหลิงอีได้กล่าวอันใดอีกจึงยกมือขึ้นแล้วฟาดลงไปที่ใบหน้าของอันหลิงอีทันที
เสียงฝ่ามือกระทบใบหน้าของอันหลิงอีดังจนก้องศาลา เหล่าคุณหนูที่เห็นภาพนี้ก็พากันตกตะลึง บางคนถึงขั้นยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาปิดปากเพื่อมิให้ตนส่งเสียงตกใจออกมา
อันหลิงอีที่โดนตบหน้าก็ถึงกับยืนอึ้ง อันหลิงเกอตบนางเต็มแรงจนในหูบังเกิดเสียงวิ้งวิ้ง
ผ่านไปมินานนางจึงได้สติแล้วยกมือกุมแก้มของตนเอาไว้ จากนั้นหันไปมองอันหลิงเกอด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้น “อันหลิงเกอ เจ้ากล้าตบหน้าข้าหรือ ? ”
ตอนนี้นางมิเรียกอันหลิงเกอว่าพี่หญิงใหญ่อีกแล้วเพราะกำลังโกรธจนขาดสติ ตอนนี้นางยกมือขึ้นเตรียมตบอันหลิงเกอด้วย
แต่มือของนางยังมิทันแตะโดนอันหลิงเกอก็โดนอีกฝ่ายตบเป็นครั้งที่สองด้วยความรวดเร็วและแม่นยำ
ฝ่ามือของอันหลิงเกอตบมาบนตำแหน่งเดียวกันถึงสองครั้งทำให้ใบหน้าของอันหลิงอีบวมแดงอย่างรวดเร็ว
นางโดนตบจนเจ็บและมีน้ำตาเอ่อคลอ มือทั้งสองข้างสั่นด้วยความโกรธแล้วกรีดร้องออกมา “อันหลิงเกอ เจ้าบ้าไปแล้วหรือไร ? ”
อันหลิงเกอมิสนใจ มีเพียงแววตาที่เย็นเฉียบราวกับมิได้ยินคำพูดของอันหลิงอี จากนั้นก็ใช้ฝ่ามือตบบนใบหน้าของอันหลิงอีอีกครั้งด้วยเสียงอันดังอย่างคงเส้นคงวา
“ตบสามครั้งถือเป็นการสั่งสอนจากที่ข้า ตบครั้งที่หนึ่งเพราะเจ้าผลักคุณหนูเฉินตกน้ำ ตบครั้งที่สองเพราะเจ้ารู้ว่าทำผิดแต่มิยอมรับจนทำให้ข้าเข้าใจคุณหนูเจียวผิดไป ทำให้จวนโหวเสื่อมเสียชื่อเสียง และตบครั้งที่สามเพราะเจ้ามิเคารพพี่หญิงใหญ่ มิรู้จักที่ต่ำที่สูง ถือว่าข้าช่วยสั่งสอนเจ้าแทนหลี่อี๋เหนียง ! ”
นางกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบง่าย แม้พูดจบแล้วทุกคนที่อยู่ตรงนั้นก็ยังตกตะลึงกับภาพที่อันหลิงเกอตบสั่งสอนอันหลิงอีเมื่อสักครู่จนทำอันใดมิถูก
อันหลิงเกอมิได้สนใจว่าพวกนางตั้งสติกันได้หรือยัง จากนั้นจึงเข้าไปคำนับเฉินเฉินทันที “น้องหญิงสามมิรู้ความจนทำให้คุณหนูเฉินลำบาก วันหน้าข้าจักเข้าไปขออภัยด้วยตนเองที่จวนอีกครั้ง ขอคุณหนูเฉินได้โปรดดูแลสุขภาพด้วย”
เฉินเฉินรู้สึกดีกับนางมากขึ้น เมื่อเห็นอันหลิงเกอตบสั่งสอนอันหลิงอีไปแล้วถึง 3 ครั้ง ทั้งยังออกตัวขอโทษแทนอันหลิงอี จึงเห็นแก่หน้าแล้วยอมปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไป ได้แต่หวังว่าต่อไปอันหลิงอีอย่าทำผู้ใดตกน้ำเช่นนี้อีก
จากนั้นอันหลิงเกอก็หันมาคำนับเจียวซูหมิ่นซึ่งฐานะของตนตอนนี้ถือว่าสูงกว่าอีกฝ่ายเพราะเป็นถึงหมอหญิงแห่งสำนักหมอหลวงที่นับว่าเป็นขุนนางคนหนึ่ง เดิมมิควรคำนับให้แก่เจียวซูหมิ่น แต่นางก็ยังคำนับอย่างนอบน้อมถือเป็นการให้เกียรติอย่างมาก
“เมื่อครู่ข้ามิได้ทำให้ความจริงกระจ่างเสียก่อน เห็นเพียงครู่เดียวก็เกิดความสงสัยจนเข้าใจคุณหนูเจียวผิด ข้าต้องขออภัยด้วย”
การกระทำของนางตรงไปตรงมาและจริงใจยิ่งนัก เจียวซูหมิ่นต่อให้อยากเอาเรื่องก็ไร้ข้ออ้างที่จักทำได้จึงยอมรับการขอโทษอย่างหงุดหงิด
ซุนเมิ้งอวิ๋นเห็นว่าในที่สุดเรื่องก็คลี่คลายลงแล้วจึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
นางหัวเราะออกมาเพื่อทำให้บรรยากาศดีขึ้น “เข้าใจกันก็ดีแล้ว คุณหนูเฉินไปให้หมอตรวจอาการหน่อยดีหรือไม่ ? ”
เดิมทีเฉินเฉินตั้งใจหาคนร้ายให้ได้และเมื่อรู้ว่าผู้ใดเป็นคนผลักตนตกน้ำจึงสั่งให้สาวใช้พาไปหาท่านหมอ
ส่วนคนที่เหลือก็ทำราวกับมิมีอันใดเกิดขึ้นจึงจับกลุ่มเล็ก ๆ คุยกันตามประสาผู้หญิงต่อไป
มีเพียงอันหลิงอีที่ยังยืนอยู่ที่เดิม นางยกมือขึ้นลูบใบหน้าบวมแดงของตน
ใบหน้าของนางฉายชัดถึงความเกลียดชังทำให้ดูชั่วร้ายมากขึ้นไปอีก แต่น่าเสียดายที่หลังจากเหตุการณ์เมื่อครู่คลี่คลายแล้วทุกคนก็ออกไปจากศาลาจึงมิมีใครได้เห็นสีหน้าของนางในขณะนี้