บทที่ 478
บทที่ 478
ชายชุดดำไม่คิดว่าตนเองจะรับมือถังหยินไหว รีบอาศัยจังหวะนี้หนีไปทันที ส่วนตัวถังหยินเอง เมื่อเห็นท่าทีอีกฝ่ายที่คล้ายไม่อยากพูดจาด้วย เขาจึงเลือกนิ่งเฉยทั้งแบบนั้น
ถังหยินมองตามชายชุดดำที่หายไปก่อนจะส่ายหัวแล้วกำลังจะเดินกลับ ทว่าทันใดนั้นก็เห็นแสงสีดำสะท้อนเข้าตา ชายหนุ่มหันไปดูแล้วก็พบว่ามันคือแผ่นเหล็ก เขาจึงหยิบมันขึ้นมา
มันเป็นแผ่นป้ายที่ทำจากโลหะสีดำ มีลวดลายและอักษรอยู่บนนั้น โดยด้านหนึ่งคือภาพภูเขาและแม่น้ำ อีกด้านคือภาพก้อนเมฆและน้ำตก
ภาพภูมิทัศน์เช่นนี้ มันหมายความว่ายังไงกัน? ถังหยินหยิบแผ่นเหล็กขึ้นมาแล้วครุ่นคิดอยู่นาน ก่อนจะปลดเกราะปราณของเขาออก บางทีอาจจะหล่นจากชายชุดดำเมื่อครู่ และมันอาจจะสื่อถึงสำนักหรือพรรคอะไรทำนองนั้นก็ได้
กลุ่มบ้าอะไรจะลักพาตัวทารกไปในช่วงเดือนนี้ล่ะ? เขาคิดพลางเดินออกจากป่า …ยังมีเรื่องมากมายที่เขาไม่อาจรู้ได้ในโลกนี้
เมื่อเดินออกมาก็พบกับพวกทหารอีกสามคนที่กระโดดออกมาจากพุ่มหญ้าตัดหน้าเขาไป
ทั้งสามมองถังหยินด้วยสายตาประหลาด ก่อนจะใช้เนตรทิพย์ส่องดู
“ผู้ใช้ศาสตร์มืด!” ทั้งสามพูดออกมาพร้อมกัน
แย่แล้ว! ถังหยินรู้เลยว่าต้องมีการเข้าใจผิดเกิดขึ้นแน่ ๆ เขาจึงรีบแก้ตัว “พวกเจ้าจะเชื่อข้าหรือไม่ หากข้าบอกว่ามีคนผ่านไปเมื่อครู่?”
ทั้งสามคนประหลาดใจและโกรธในเวลาเดียวกัน พวกเขาพูดออกมา “เจ้าคิดว่าจะหลอกพวกเราได้หรือไร?”
หญิงสาวคนหนึ่งเอ่ยปาก “เจ้ากล้ามากเลยนะที่ก่อเรื่องเช่นนั้น เหตุใดยังไม่ยอมรับอีก?”
พวกเขาเห็นระดับพลังของถังหยิน ก็รู้เลยว่าอีกฝ่ายเป็นยอดฝีมือแน่ ๆ แต่พวกเขาหารู้ไม่ว่าพลังที่ถังหยินได้มานั้นหาได้มาจากการฝึกตน แต่มาจากการกินคนอื่นเข้าไปต่างหาก!
ถังหยินที่เห็นว่าตนเองไม่อาจหนีปัญหาได้ จึงพลันถอนหายใจ ก่อนจะ…
“หากพวกเจ้าไม่เชื่อคำพูดของข้า และถึงขนาดตามมาถึงนี้ เช่นนั้นแล้วจะทำอะไรก็ทำเลย!” ถังหยินโบกมือแล้วเรียกเกราะปราณออกมา
เกราะปราณของเขาออกมาเพียงครึ่งตัวเท่านั้น ทั้งสามที่ได้เห็นภาพนั้นจึงหันมองหน้ากันอย่างประหลาดใจ ก่อนที่คนตรงกลางจะถามออกมา “แสดงดาบของเจ้ามา!”
ถังหยินยักไหล่ “ไม่จำเป็น”
คำพูดของถังหยินทำให้ทุกคนรู้สึกหงุดหงิดในใจ ทั้งสามมองหน้ากันแล้วล้อมชายหนุ่มเอาไว้ ก่อนที่จะหันคมดาบปรี่เข้าใส่ถังหยินพร้อมกัน
ทว่า ถังหยินกลับยืนนิ่ง ๆ แล้วโยกตัวหลบไปมาอย่างง่ายดาย ส่วนดาบที่มุ่งตรงมาจากด้านหน้า เขาก็ใช้มือเปล่าจับมันเอาไว้
ดาบของหญิงสาวถูกหยุดเอาไว้ด้วยมือเปล่า นางที่เห็นเช่นนั้นจึงใส่พลังทั้งหมดเข้าไปในดาบแล้วเพิ่มกำลังฟาดฟันเข้าใส่อีกฝ่าย
อาวุธปราณแข็งแกร่งกว่าเกราะปราณอยู่แล้ว แต่มันก็ยังมีความต่างกันของระดับพลังที่ส่งผลอยู่ และเพราะนางมีขั้นพลังที่ต่ำกว่าถังหยินหลายขั้น นางจึงไม่สามารถสะบัดดาบให้หลุดจากมือถังหยินได้เลย!
ต่อให้นางใช้กำลังเต็มที่ ถังหยินก็ยังจับดาบเอาไว้อย่างเหนียวแน่น อีกสองคนที่เหลือหมายจะเข้ามาช่วย หากแต่ในจังหวะนั้นถังหยินก็ได้คว้าจับและบิดดาบที่อยู่ในมือของเขาทิ้งก่อนที่จะยิ้มออกมา
หญิงสาวเห็นแบบนั้นก็โกรธจัด หมัดง้างต่อยเข้าใส่ใบหน้าของอีกฝ่ายหมายให้คนตรงหน้าทรุดลงไป
ชายหนุ่มไร้ซึ่งเกราะหมวก และหากโดนต่อยเข้าหัวอาจจะแตกได้แน่ คิดแล้วถังหยินจึงเตะตัดขาอีกฝ่ายในทันที ก่อนที่จะเรียกหมอกสีดำออกมาแล้วพลันเร้นกายหลบไป
“เป็นอะไรหรือเปล่า?” อีกสองคนที่เหลือรีบเข้ามาช่วยหญิงสาว
นางเหงื่อแตกด้วยความตื่นตระหนก ใบหน้าของหญิงสาวฉายชัดถึงความไม่อยากจะเชื่อ ว่าชายคนตรงหน้าจะเก่งกาจได้ถึงเพียงนี้! โดยขณะเดียวกัน พวกคนที่เหลือก็พากันกู่ร้องแล้วพุ่งเข้าใส่ถังหยินทันที!
ครั้งนี้หญิงสาวจับแขนทั้งสองเอาไว้ “เขาไม่ใช่โจรนั่น ไม่ต้องสู้แล้ว”
ได้ยินแบบนั้นทั้งสองก็ตะลึงแล้วหันกลับมาถาม “ทำไม?”
“ถ้าเป็นโจรคนเดียวกัน ข้าคงตายไปแล้ว แต่เขากลับไม่ทำเช่นนั้นใช่ไหมล่ะ?” มันยากที่จะยอมรับว่าอีกฝ่ายแข็งแกร่งกว่าตัวเอง และหากอีกฝ่ายเป็นผู้ร้ายตัวจริง ก็คงลงมือสังหารพวกตนเป็นการปิดปากไปแล้ว!
อีกสองคนที่เหลือก็ได้แต่สงสัยก่อนจะเริ่มคิดตาม
ไม่รอช้า หลังได้ยินที่ทหารกลุ่มนั้นคุยกัน ถังหยินก็พลันพูดออกมา “นางดูฉลาดกว่าพวกเจ้าเสียอีก เช่นนี้พวกเจ้าอยากจะลองดีกับข้าอีกหรือไม่?”
อีกสองคนไม่อาจยอมรับความเย่อหยิ่งนี้ได้ พวกเขากล่าวอยากไม่ยินยอม “ต่อให้เจ้าจะไม่ใช่โจรร้ายนั่น มันก็ไม่ได้หมายความว่าเจ้าไม่เกี่ยวข้องกับมัน!”
ถังหยินหัวเราะออกมาด้วยความโกรธ “ดูเหมือนว่าพวกเจ้าจะอยู่กันอย่างสงบสุขมากเกินไปสินะ ถ้าคนจากแคว้นอันโง่เง่าเช่นเจ้า ป่านนี้ก็คงจะล่มสลายไปแล้วล่ะ”
ทั้งสามเปลี่ยนสีหน้าทันที
“ข้า ถังชู! เป็นนักเดินทาง”
ถังหยินแนะนำตัวด้วยชื่อปลอมพร้อมพ่วงด้วยอาชีพหลอก ๆ ของเขาเอาไว้ ก่อนจะพูดต่อ “พวกเจ้าต้องลงทุนลงแรงให้มากกว่านี้อีกนะ”
พูดจบชายหนุ่มก็หายตัวไปแล้วปรากฏตัวอีกที่ใกล้กับที่เดิม ก่อนที่จากนั้นจะหายตัวไปอีกครั้ง
มันเร็วมากจนทั้งสามตัดใจที่จะไล่ตามไม่ทันขยับตัว เพียงพริบตาเดียวถังหยินก็หายลับไปจากสายตาของพวกเขาแล้ว คนทั้งสามจึงได้แต่มองหน้ากันก่อนจะพูด “ถังชู?”