บทที่ 479

บทที่ 479

เมื่อถังหยินหนีออกมาจากสามคนนั้นได้ ในระหว่างทาง เขาก็เจอกับหลีเทียนและเจียงฟานเข้า

“นายท่านไปไหนมาหรือขอรับ?” ทั้งสองคนถามขึ้นมา

ถังหยินเงยหน้าขึ้น “กลับไปแล้วเดี๋ยวข้าบอก”

ได้ยินเช่นนั้น พวกเขาก็กลับไปที่ห้องของถังหยิน ก่อนที่ผู้เป็นนายเหนือหัวจะเริ่มกล่าวถึงเรื่องทั้งหมด

หลีเทียนและเจียงฟานต่างตกตะลึง คิดไม่ถึงว่าคนที่ลักพาตัวเด็กจะเป็นผู้ใช้ศาสตร์มืด ในตอนนี้เอง ถังหยินก็หยิบแผ่นเหล็กขึ้นมาวางบนโต๊ะ “สิ่งนี้น่าจะหล่นมาจากเจ้าโจรนั่น”

เจียงฟานก้มหน้าลงมอง แต่เขาไม่เคยเห็นตราแบบนี้มาก่อน ในขณะที่หลีเทียนเอ่ยขึ้น “ข้าเคยเห็นมันมาก่อนนายท่าน”

ถังหยินกับเจียงฟานเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจ “เจ้าเคยเห็นที่ไหนรึ?”

“จากพวกคนกลุ่มหนึ่ง” หลีเทียนตอบแล้วชี้นิ้วลงไปที่แผ่นเหล็กนั่น

“ลวดลายของมันมีความคล้ายคลึงกันอยู่บ้าง ถึงจะมีจุดที่แตกต่างกันเล็กน้อยก็ตาม ทว่าข้าแน่ใจว่าลวดลายยอดเขาคือดาบ ส่วนเส้น ๆ เหล่านี้คือตัวแทนของทุ่งหญ้า”

ถังหยินมองมันแล้วหยิบขึ้นมาดูใกล้ ๆ “เจ้าหมายความว่า…เจ้าโจรนั่นอาจจะมาจากสระน้ำศักดิ์สิทธิ์?”

หลีเทียนตกตะลึงแล้วส่ายหัวในทันที “ข้าไม่แน่ใจหรอกขอรับ”

และตอนนั้นเจียงฟานก็พูดขึ้นมา “เป็นไปไม่ได้ กลุ่มนั่นมีหน้าที่จัดการพวกผู้ใช้ศาสตร์มืด นับเป็นเรื่องยากที่พวกเขาจะมีศัตรูในกลุ่มของตัวเองได้”

สิ่งที่เขาพูดออกนั้นมาฟังดูมีเหตุผล แต่ก็ยังไม่ถูกต้องเสียทีเดียว แม้ว่าสระน้ำศักดิ์สิทธิ์จะเป็นแหล่งของพวกผู้ใช้พลังแสง แต่มันก็ยังมีกลุ่มที่ใกล้เคียงกันอย่างผู้ใช้ศาสตร์มืดด้วย ถ้าหากว่า ข่าวเรื่องสระน้ำศักดิ์สิทธิ์มีผู้ใช้ศาสตร์มืดในกลุ่มของตัวเองก็นับว่าเป็นการตบหน้าพวกเขาแล้ว

หลีเทียนพยักหน้า และน้ำเสียงก็จริงจังมากขึ้นกว่าเดิม เขาก้มศีรษะลงให้เจ้าเหนือหัว “นายท่าน ข้าคิดอะไรออกแล้ว”

“อันใด?”

“แม้ว่าสระน้ำศักดิ์สิทธิ์จะเป็นกลุ่มของพวกแสง แต่มันก็เป็นแค่มณฑลเล็ก ๆ ที่มีประชาไม่ถึงแสนคน เขาจะไปเอาคนเก่ง ๆ แบบนั้นมาจากที่ไหนกัน? อีกอย่าง พวกเขาต้องการคนเท่าไหร่ หรือจะบอกว่าสวรรค์เป็นคนมอบไพร่พลให้งั้นหรือ? ยังมี เหตุใดทุกคนถึงสามารถเข้ารวมที่นี่ได้? หากเป็นเช่นนั้นแล้ว เกิดว่าคนที่ลักพาตัวเด็กเอาไปเป็นคนของสระน้ำศักดิ์สิทธิ์ล่ะ? นี่มิใช่ว่ามันจะกลายเป็นอีกเรื่องไปเลยหรือ”

ถังหยินครุ่นคิดหนักมาก และเจียงฟานเองก็ถามด้วยความสงสัย “นั่นหมายความว่า ทางนั้นขโมยเด็กไปเพื่อฝึกฝนงั้นรึ? ประชาชนของเฮาเตียนรู้ดีว่าสระน้ำศักดิ์สิทธิ์ถูกก่อตั้งขึ้นโดยเหล่าทวยเทพ นี่นับว่าไม่มีใครสงสัยเป็นแน่”

คำอธิบายของหลีเทียน สามารถกล่าวถึงความจริงของเรื่องนี้ได้ในทันที

หลีเทียนยักไหล่แล้วพูดต่อ “ข้าแค่เดาเอา หามีสิ่งใดมายืนยันได้เสียหน่อย”

จากนั้นมือก็หยิบแผ่นโลหะขึ้นมาแล้วเอ่ยปาก “มันไม่เหมือนกับของที่มาจากที่แห่งนั้นเลย หากแต่ก็ถือว่าทำขึ้นมาดีอยู่ ข้าคิดว่า ไม่น่าจะมีคนทำของแบบนี้โดยเปล่าประโยชน์หรอก”

ถังหยินพยักหน้าอย่างเห็นด้วย “เจ้าคาดเดาได้ดีมาก ข้าเองก็คิดว่าในจักรวรรดิแว่นแคว้นนั้นมีคนอยู่หลากหลายแบบ และทุกคนย่อมมีด้านมืดของตัวเอง อีกอย่าง คนที่ดูดีในสายตาคนอื่นก็อาจจะมีเบื้องหลังที่น่ากลัวอยู่ก็ได้ ใครจะรู้”

เขาหยุดพูดก่อนจะหันไปมองทั้งสอง “ข้าก็ไม่อยากสร้างปัญหาหรอกนะ แต่เรื่องนี้ไม่ว่ามันจะเกี่ยวข้องกับพวกสระน้ำศักดิ์สิทธิ์หรือไม่ ต่อไปห้ามพูดถึงมันอีกเด็ดขาด เข้าใจใช่ไหม”

ทั้งสองก้มหัวให้ “ขอรับนายท่าน”

ถังหยินเงยหน้าแล้วกล่าว “เราไม่ควรยุ่งกับเรื่องของคนอื่นไปมากกว่านี้ แล้ว ข้าก็ไม่อยากจะข้องแวะกับพวกที่มีอำนาจเบื้องหลังเสียด้วย แต่หากพวกมันขัดขวางการเป็นราชาของข้า เท้าคู่นี้ก็จะตามไปกระทืบมันเอง”

ในวันต่อมา ทั้งสามตื่นแต่เช้า พวกเขาอยากออกจากแคว้นเจ้าปัญหานี้ให้เร็วที่สุด แต่เมื่อพวกเขาเดินลงมาชั้นล่างก็เจอเข้ากับกลุ่มทหารแคว้นอัน กำลังยืนอยู่ทั้งข้างนอกและข้างในเต็มไปหมด

เกราะของพวกเขาดูดีและมีลวดลายที่สวยงาม ทว่าไม่น่าจะใช้ในสนามรบได้สักเท่าไหร่

เมื่อถังหยินเห็นภาพตรงหน้าก็ให้รู้สึกตกตะลึง เขาไม่คิดว่านี่จะเป็นเกราะของทหารได้ เทียบกับพวกเฟิงของเขาแล้ว เกราะยากจนของพวกเขายังนับว่าดูดีกว่านี้เสียอีก

ถังหยินถอนหายใจแล้วเดินไปที่ด้านหน้า “คิดเงินด้วย”

วินาทีนั้น นายทหารผู้นั้นก็แสดงสีหน้าแปลก ๆ ออกมาเมื่อเห็นชายหนุ่ม “ถังชู?”

เพียงแค่ได้ยินชื่อปลอมนี้ ถังหยินก็ตัวสั่นสะท้าน นี่มันเป็นเรื่องบังเอิญเกินไปที่เขาจะมาเจอกับนายทหารเมื่อคืนนี้

สามในสี่ทหารของแคว้นอันได้ปะทะกับเขาเมื่อคืนนี้ พวกเขาใส่เกราะปราณทั้งตัวจึงทำให้ไม่เห็นใคร

ถังหยินทำใจให้สงบก่อนจะพูดขึ้นกับนายทหารผู้นั้น “อ้าว พวกเจ้าก็อยู่ที่นี่ด้วยหรือ?”

นายทหารคนอื่นมองพวกเขา และไม่คิดว่านี่จะเป็นคนรู้จักของแม่ทัพ ส่วนถังหยินเองก็ไม่คิดว่าพวกเขาจะมีสีหน้าตกใจขนาดนี้

“อ๋อ พวกเจ้าเป็นทหารนี่นะ คงจะมาทำหน้าที่ตามเดิมสิท่า” ถังหยินถอนหายใจแล้วหยิบแท่งเงินยื่นให้กับบริกร “ที่นี่ไม่มีอะไรผิดปกติหรอก ข้าอยู่มาทั้งคืนแล้ว”

เสี่ยวเอ้อร์ที่รับเงินมาสบตากับถังหยิน แล้วพยักหน้าให้อย่างรู้กัน

ชายหนุ่มมองเพื่อนของเขา แล้วเดินกลับออกไปอย่างรวดเร็ว

กลุ่มทหารข้างนอกที่เห็นว่าพวกถังหยินเป็นเพื่อนกับแม่ทัพของพวกเขาจึงได้ปล่อยไป

ระหว่างที่เขากำลังเดินอยู่ ก็ได้ยินเสียงเรียกจากด้านหลัง “เจ้าน่ะ หยุดก่อน!”

จากนั้นพวกแม่ทัพของแคว้นอันก็ได้สติแล้วรีบวิ่งไล่ตามถังหยินออกมา

ถังหยินหันกลับมามองด้วยสีหน้ามึนงง “เจ้ามีเรื่องอะไรกับข้า?”

สามแม่ทัพเดินเข้ามาใกล้กับถังหยิน หลีเทียนกับเจียงฟานขมวดคิ้ว พวกเขาจับฝักดาบใต้ชุดรอรับคำสั่ง แต่ถังหยินก็ส่งสัญญาณลับ ๆ ไว้ว่าอย่าเพิ่งผลีผลาม