ตอนที่ 460 เสน่ห์อาบโลหิต

พันธกานต์ปราณอัคคี

หญิงสาวเลิกคิ้ว ลองไปยังมั่วชิงเฉิน แล้วส่งเสียงร้องดังกังวานราวกับกระดิ่งเงินออกมาทันที “ฮิๆๆ”

 

 

มั่วชิงเฉินกุมกริชฟันปลาในมือไว้แน่น รู้สึกสยองขึ้นมาจากก้นบึ้งของหัวใจ

 

 

ทำไม หนิงหลานเคยบอกว่าอานุภาพของค่ายกลหมื่นขาดพันถวิลจะแปรผันไปตามระดับบำเพ็ญของผู้บุกรุกไม่ใช่หรือ 

 

 

นางเป็นเพียงระดับก่อแก่นปราณขั้นกลาง ไม่ว่าจะอย่างไรก็เป็นไปไม่ได้ที่จะมาพบกับศัตรูในระดับก่อกำเนิดขั้นต้น หากเป็นเช่นนี้ ค่ายกลแห่งนี้ก็ไม่เหลือความสามารถในการทดสอบความสามารถใดๆ

 

 

เดี๋ยวก่อน ตอนที่อยู่ที่ด่านแรก หนิงหลานเคยบอกว่าสามเดือนก็สามารถเดินออกมาพ้น แต่นางเดินไปเป็นเวลาสามปีเต็มๆ

 

 

ในนี้ มันเกิดปัญหาอะไรขึ้นกันแน่

 

 

หรือว่า…

 

 

มั่วชิงเฉินเม้มริมฝีปาก มีชั่ววินาทีหนึ่ง นางคิดว่าเป็นเพราะศิษย์พี่หรือไม่ หนิงหลานจึงปกปิดอะไรบางอย่างกับตน แต่เมื่อนึกถึงเรื่องราวที่ตลาดในวันนั้น รอยยิ้มอันปล่อยวางของหนิงหลานที่เผยให้เห็น รวมไปถึงนัยน์ตาสีอำพันใสดั่งน้ำนั้น ก็ลบล้างความคิดนั้นไปจนหมด

 

 

ลมหนาวเย็นเข้ากระดูกพัดเข้ามาระลอกหนึ่ง สิ่งที่ตามมาด้วยนั้นคือกระบี่คมในมือของภูตหิมะสาวระดับก่อกำเนิดขั้นต้น

 

 

มั่วชิงเฉินไม่มีเวลามาคิดถึงสาเหตุ เมื่อเผชิญหน้ากับศัตรูในระดับก่อกำเนิดขั้นต้น นางนอกจากจะรับมือเต็มกำลัง ก็ไม่มีทางเลือกอื่นอีก 

 

 

นางแสดงคาถาวารีตามรูป ร่างกายเฉียดผ่านคมกระบี่ อาภรณ์ถูกพลังกระบี่กรีดจนขาด เศษผ้ารุ่งริ่งปลิวไสวไปกับสายลม 

 

 

เสียงดังขึ้นโครมหนึ่ง มั่วชิงเฉินยกกริชฟันปลาขึ้นกันไว้ สกัดรับกระบี่ที่บุกเข้ามา

 

 

พละกำลังอันหนักหน่วงประหนึ่งสามารถผลักภูเขาคว่ำทะเลได้ปะทะเข้ามา ขาทั้งคู่ของมั่วชิงเฉินทรุดลงเล็กน้อยทันที

 

 

นางออกแรงขาทั้งคู่ แล้วทะยานขึ้น อาศัยกำลังจากกระบี่ของอีกฝ่ายที่โจมตีเข้ามาปะทะกับกริชฟันปลาตีลังกาถอยไปด้านหลัง แล้วใช้เคลื่อนเงาเลือนรางโดยตรงกลางอากาศ ลอยออกไปไกลหลายจั้ง

 

 

ในระหว่างที่ตีลังกา สายธนูถูกรั้งจนแน่น ลูกศรน้ำแข็งยะเยือกยิงออกไปดัง ฟิ้ว

 

 

ทั้งหมดเกิดขึ้นในชั่วพริบตาเดียว มั่วชิงเฉินเพิ่งพลิกกายกับก็ก้าวถอยอีกครั้งโดยไม่ลังเล ระเบิดสะท้านฟ้านับร้อยลูกถูกปาเข้าไปพร้อมกัน 

 

 

ท่ามกลางเสียงดังสนั่น เห็นข้อมือของภูตหิมะสาวระดับก่อกำเนิดกำลังสั่นไหวอยู่รำไร ไอกระบี่แผ่ออกมาจากปลายกระบี่ ลายเส้นสานเข้าด้วยกันเป็นตาข่ายบางๆ ทันทีที่ลูกศรน้ำแข็งยะเยือกทิ่มเข้าไป บริเวณหัวศรเปลวน้ำแข็งเหมันต์ก็ลุกไหม้ไปตามแนวตาข่ายบาง ส่องแสงสีน้ำเงินระยิบระยับออกมา

 

 

ภูตหิมะสาวระดับก่อกำเนิดจีบนิ้วกลางและนิ้วหัวแม่โป้งเข้าด้วยกัน เล็บมือสีขาวยาวสะท้อนแสงหิมะ แล้วดีดเบาๆ ไปยังบนตาข่าย การโจมตีของเปลวน้ำแข็งเหมันต์มอดลง ลูกศรน้ำแข็งสั่นไหวอยู่กลางตาข่ายราวกับอสูรที่ถูกจับ ครั้นแล้วก็นิ่งไป ประหนึ่งว่าสูญเสียพลังชีวิต

 

 

มั่วฉิงเฉินตะลึง ใบหน้าถอดสี

 

 

ของวิเศษเจ้าชะตานาง คือธนูเขียวซ่อนเร้นและลูกศรประกอบกัน แต่ตอนนี้ลูกศรน้ำแข็งยะเยือกไม่สามารถเรียกกลับคืนมาได้ 

 

 

ผลของระเบิดสะท้านฟ้าทำให้สะท้านไปทั้งแผ่นดิน ภูตหิมะสาวกลับไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลยสักนิด ยืนนิ่งอยู่ท่ามกลางควันโขมง เดินเข้ามาใกล้มั่วชิงเฉินทีละก้าวๆ

 

 

มั่วชิงเฉินขบฟันหนึ่งที แล้วขว้างระเบิดสะท้านฟ้านับร้อยลูกออกไป จากนั้นก็จิกปลายเท้าลง ทะยานพุ่งขึ้นด้านบน

 

 

บนกลางอากาศ นางเหนี่ยวสายธนู ลูกศรแสงนับร้อยถูกยิงออกไป

 

 

ระเบิดปะทุรุนแรงอย่างต่อเนื่อง จนทำให้ภูตหิมะสาวระดับก่อกำเนิดโกรธเกรี้ยวขึ้นมา นางถือกระบี่เปล่า เล็งไปยังพื้นแล้วปล่อยลำแสงวิญญาณออกมา พื้นหิมะบริเวณนั้นทันใดก็ปูดขึ้นสูงกลายเป็นภูเขาหิมะลูกใหญ่ลูกหนึ่ง จากนั้นภูเขาหิมะก็ทลายลง ก้อนน้ำแข็งลูกหิมะจำนวนไม่ถ้วนเหวี่ยงตัวพุ่งมายังมั่วชิงเฉินอย่างปกฟ้าคลุมดิน 

 

 

ไอเย็นเข้าจู่โจม ผิวที่เปลือยสัมผัสภายนอกของมั่วชิงเฉินถูกปกคลุมด้วยน้ำค้างแข็งบางๆ ชั้นหนึ่งในทันใด

 

 

ก้อนน้ำแข็งหิมะนี้เย็นเข้ากระดูก มันไม่ใช่น้ำแข็งหิมะธรรมดาแน่นอน ถึงแม้จะเทียบไม่ได้กับเปลวน้ำแข็งเหมันต์ แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่กายเนื้อของผู้บำเพ็ญเพียรจะสามารถทนได้ 

 

 

มั่วชิงเฉินขบฟัน แล้ววิ่งออกไปด้านหน้าอย่างสุดชีวิต 

 

 

“ฮิๆๆ” เสียงหัวเราะของภูตหิมะสาวระดับก่อกำเนิดแว่วมาอีกครั้ง 

 

 

นางไม่ได้ตามมา แต่กลับยืนอยู่บนยอดภูเขาหิมะนั้น แขนทั้งคู่ขยายใหญ่ แขนเสื้อสีขาวหิมะสะบัดพลิ้ว เสื้อคลุมหิมะทั้งตัวโป่งขึ้นมา น้ำแข็งหิมะจำนวนมากพุ่งออกมาจากแขนเสื้อ จับตัวรวมกันเป็นหงส์หิมะตัวหนึ่ง ไล่ตามไปอย่างเกรี้ยวกราดทรงพลัง 

 

 

มั่วชิงเฉินวิ่งสุดชีวิต ปาระเบิดสะท้านฟ้าออกไปด้านหลังไม่หยุด ด้านหลังของนางระเบิดขึ้นไม่ขาด แรงระเบิดทำให้เกิดหลุมหิมะขึ้นหลายหลุม จากนั้นผงหิมะปลิวว่อนไปทั่วฟ้า ลดความเร็วของหงส์หิมะลงได้เล็กน้อย

 

 

ท่ามกลางฝุ่นควันและพายุหิมะ อาภรณ์ถูกทำให้ขาดจนไม่เป็นชิ้นดี เผยให้เห็นผิวกายเป็นวงใหญ่

 

 

บนผิวกายมีรอยบาดบางๆ นับพันนับหมื่นรอยตัดสลับกัน หยดเลือดซึมไหลออกมาไม่หยุด

 

 

ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้การแน่!

 

 

มั่วชิงเฉินกัดฟัน พลิกกายหมุนอย่างแรง แววตานิ่ง สีหน้าจดจ่อ สายธนูในมือดูเหมือนถูกดึงอย่างช้าๆ แต่ความจริงแล้วรวดเร็วหาที่เปรียบไม่ได้ มองดูแล้วยังแฝงด้วยความสง่างามในการยิงธนูซึ่งไม่เคยมีมาก่อนในอดีต

 

 

ลูกศรขนนกสีทองที่อัดแน่นด้วยแสงวิญญาณดอกหนึ่งปรากฏบนมือ ครั้นแล้วก็คลายนิ้ว นางพึมพำออกมาสองสามคำว่า “รักกว้างใหญ่ไพศาล….”

 

 

แสงลูกศรทองที่ยิงออกไปสว่างจ้า แผ่แสงทรงกลดทอดยาวเป็นทาง

 

 

หากมีคนคอยดูอยู่ข้างๆ ก็คงจะค้นพบอย่างประหลาดใจว่าแสงทรงกรดนั้นเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ชั่วพริบตาเดียวก็กลายสภาพเป็นนกยักษ์ปีกดำเท้าแดงตัวหนึ่ง กางปีกบินไปรับหงส์หิมะ

 

 

วิหคทมิฬและหงส์หิมะชนปะทะกัน นกทั้งสองส่งเสียงร้องโหยหวนพร้อมกัน ตามติดด้วยภาพวิหคดำพุ่งเข้าไปอย่างหงส์หิมะปรากฏสู่สายตา พายุหิมะโหมพัดอย่างคลุ้มคลั่ง นกทั้งสองเลือนหายไปท่ามกลางพายุหิมะพร้อมกัน

 

 

“ฮิๆๆ” เสียงหัวเราะเบาๆ แว่วเข้ามาอีกครั้ง ทั้งที่อยู่ห่างออกไปไกลจากมั่วชิงเฉินแท้ๆ แต่เสียงนั้นราวกับดังอยู่ข้างหู 

 

 

สังหรณ์ไม่ดีบางอย่างเกิดขึ้นฉับพลันในใจของมั่วชิงเฉิน นางบิดตัวราวกับเป็นสัญชาตญาณ หลบขึ้นด้านบนด้วยองศาอันแปลกพิสดาร

 

 

กระบี่ยาวด้านหนึ่งเสียบพุ่งออกมาจากที่ซึ่งนางหลบออกนั้น ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ ภูตหิมะสาวก็ได้ยืนอยู่ข้างกายนานแล้ว

 

 

“ฮิๆๆ เจ้าคิดว่าจะหลบพ้นหรือ ในโลกแห่งน้ำแข็งหิมะนี้ ข้าคือเทพยดา!” ภูตหิมะสาวระดับก่อกำเนิดหัวเราะขึ้นเบาๆ ใบหน้าที่ดูไร้เดียงสา ไม่ได้เปรอะเปื้อนเลยแม้สักนิด

 

 

ทันทีที่สะบัดแขนเสื้อ ก้อนหิมะก้อนหนึ่งก็เกิดขึ้นกลางอากาศ แล้วเหวี่ยงไปยังมั่วชิงเฉินอย่างแรง กระแทกลงกลางทรวงอกนาง

 

 

ด้วยแรงกระแทกของก้อนหิมะ ทั้งร่างของมั่วชิงเฉินกระเด็นถอยหลังไป

 

 

เสียงของภูตหิมะสาวระดับก่อกำเนิดแว่วมาแต่ไกล “เจ้าก็แค่ผู้บำเพ็ญระดับก่อแก่ปราณตัวน้อยๆ ยังกล้ามาประชันกับข้า ฮิๆๆ เมื่อครู่แค่หยอกเจ้าเล่นเท่านั้น เจ้ามีความสามารถ ทำให้ข้ารู้สึกสนุกขึ้นมาแล้วสิ”

 

 

ทั้งที่น้ำเสียงดูอ่อนโยนขี้เล่น แต่มั่วชิงเฉินฟังแล้ว กลับรู้สึกเชือดเฉือนไร้จิตใจ เสียบแทงลงกลางอกนาง จนกระอักเลือดออกมาหนึ่ง 

 

 

ล้มลงกับพื้นเสียงดังโครม มั่วชิงเฉินใช้มือยันพื้นลุกขึ้นยืน 

 

 

ภูตหิมะสาวระดับก่อกำเนิดเลือนหายไปกับที่ ตามด้วยพื้นหิมะข้างๆ มั่วชิงเฉินโป่งขึ้นมาโดยฉับพลัน กระบี่ยาวด้ามหนึ่งพุ่งตรงมายังมั่วชิงเฉิน

 

 

เสียงดัง เคร้ง กริชฟันปลาคู่หนึ่งสกัดรับการโจมตีของกระบี่ยาวไว้ ข้อมือมั่วชิงเฉินสั่นสะท้าน จนเกือบทำกริชร่วงลง 

 

 

มีทั้งคู่จับเอาไว้แน่น กริชฟันปลาไม่ได้ร่วงลง แต่เล็บกลับได้ทิ่มลึกลงกลางมือแล้ว 

 

 

กลางสายตาภูตหิมะสาวระดับก่อกำเนิดฉายแววสนุก กระบี่ยาวถูกชักกลับ แล้วแทงออกไปอีกครั้งอย่างหนักหน่วง เสียงดัง เคร้ง มั่วชิงเฉินใช้กริชฟันปลาสกัดเอาไว้อีกครั้ง

 

 

ครั้งนี้ แขนของนางถูกทำให้สั่นสะท้านจนชา รู้สึกแน่นอก ของเหลวกลิ่นคาวเลือดเริ่มทะลักออกมา

 

 

“ฮิๆๆ สนุกจริงเชียว” ภูตหิมะสาวระดับก่อกำเนิดประหนึ่งว่าได้พบกับเรื่องสนุก ราวกับแมวหยอกหนู นางถือกระบี่ยาวแทงไปยังมั่วชิงเฉินครั้งแล้วครั้งเล่า

 

 

มั่วชิงเฉินถอยหลังอย่างลำบาก ด้วยกำลังอันมิอาจทัดทานเบื้องหน้า ขาทั้งคู่จมลึกลงไปกลางพื้นหิมะ

 

 

นิ้วขยับเบาๆ อักขระวิญญาณซึมเข้าสู่กริชฟันปลา แสงสว่างสายหนึ่งส่องขึ้นทันใด ส่องแสงจ้าส่องเข้าตาภูตหิมะสาวระดับก่อกำเนิดโดยตรง

 

 

ม่านแสงอาทิตย์จันทรา!

 

 

ภูตหิมะสาวระดับก่อกำเนิดหัวเราะขึ้นอีกครั้ง ตาทั้งคู่ของนางยังคงจับจ้อง ไม่ขยับแม้แต่ขนตา

 

 

พลังวิญญาณอันยิ่งใหญ่โหมเข้ามา มั่วชิงเฉินกระอักเลือดอย่างหนัก แล้วหงายหลังล้มลง

 

 

ในขณะที่หงายหลังล้ม แขนเสื้อสีครามโบกสะบัด ลูกดอกลับในแขนเสื้อทันใดนั้นก็ยิงออกมา ปักลงกลางหัวใจของภูตหิมะสาวระดับก่อกำเนิดพอดี 

 

 

ลูกดอกลับปักอยู่บนตัวนาง ทันใดนั้นก็หมุนเหมือนสว่าน หมายจะเจาะเข้าไปในตัวนาง

 

 

ดวงหน้าของภูตหิมะสาวระดับก่อกำเนิดซีดขาวราวหอมะ นางใช้มือคว้าลูกดอกลับหมายจะโยนมันออกไปด้านนอก

 

 

และในขณะนั้นเองลูกดอกลับก็ระเบิด แรงระเบิดทำให้เสื้อบริเวณทรวงอกของภูตหิมะสาวระดับก่อกำเนิดกลายเป็นไอหมอกเลือนหายไป เผยให้เห็นผิวกายเนียนดั่งหยก

 

 

พลังอันน่าสะพึงปะทุขึ้น มั่วชิงเฉินสัมผัสถึงความโกรธของภูตหิมะสาวระดับก่อกำเนิดได้อย่างชัดเจน

 

 

เพียงเห็นนางออกแรง ดึงลูกดอกลับออกจากอก โยนออกไปอย่างไม่ลังเลใจ เศษน้ำแข็งเกล็ดหิมะกระเซ็นตามออกมาเป็นสาย

 

 

บนทรวงอกเป็นรอยลูกดอกสองจุด แต่กลับไม่มีเลือดไหลออกมา เกล็ดหิมะที่ลอยว่อนข้างกายลอยเข้าไปปิด เกล็ดน้ำแข็งหลอมรวมกับผิวกายอย่างรวดเร็ว จนไม่เห็นรอยแผลอีกแม้แต่น้อย

 

 

“เจ้าทำร้ายข้าหรือ” ภูตหิมะสาวระดับก่อกำเนิดก้าวเข้ามาทีละก้าว…ทีละก้าว จนทำให้ขาทั้งสองของมั่วชิงเฉินจมลึกลงไปอีกเล็กน้อย ร่างกายราวกับรำข้าวที่ถูกร่อน สั่นไหวจนยากเกินควบคุม

 

 

“ฮิๆๆ ตอนแรกข้าแค่ต้องการให้เจ้าหลุดพ้นแต่โดยเร็ว ตอนนี้ เกิดอยากเปลี่ยนความคิดแล้ว” ภูตหิมะสาวระดับก่อกำเนิด กระบี่ในมือแทงเข้ามาอย่างแรง

 

 

ครั้งนี้ ต่อให้มั่วชิงเฉินจะใช้แรงสุดกำลังเช่นไรก็ไม่อาจหลบพ้น เสียงดึง ฉึก กระบี่ยาวแทงลึกลงไปในไหล่ซ้ายของนาง

 

 

แต่กระบี่ไม่ได้เสียบลึกลงไปต่อ แต่กลับตวัดออกไปด้านนอก เลือดกระเซ็นตามออกมาเป็นสาย สาดลงบนพื้นหิมะ ดูเหมือนกับดอกบ๊วยที่แข่งกันบานสะพรั่ง

 

 

มั่วชิงเฉินไม่ส่งเสียงร้องสักนิด นางยกขาก้าวถอย

 

 

แต่นางจะเร็วกว่าภูตหิมะสาวระดับก่อกำเนิดได้อย่างไร ได้แต่มองกระบี่แทงเข้ามาอีกครั้ง ครั้งนี้แทงลึกลงไปในไหล่ขวาของนาง

 

 

แล้วตามด้วยข้อมือทั้งสองข้างของนาง กริชฟันปลาร่วงลงกับพื้นดัง ตุบ

 

 

“ฮิๆๆๆ”

 

 

“ฮิๆๆ”

 

 

เสียงหัวเราะภูตหิมะสาวระดับก่อกำเนิดดังอยู่ทั่วทุกแห่งเช่นเดียวกับพายุหิมะ โอบล้อมมั่วชิงเฉินที่กำลังอ่อนแอลงเรื่อยๆ เอาไว้

 

 

ครั้งแล้วครั้งเล่า แล้วก็อีกครั้ง

 

 

ชั่วอึดใจเดียว ทั่วกายมั่วชิงเฉินก็เต็มไปด้วยบาดแผลนับพัน 

 

 

“ฮิๆๆ สนุกจริง เลือดมันเป็นสีแดงจริงๆ” ภูตหิมะสาวระดับก่อกำเนิดสีหน้าสนใจ ราวกับหญิงสาวผู้อ่อนต่อโลก บริสุทธิ์ไร้เดียงสา แต่กระบี่ในมือกับตวัดแทงลงไม่หยุด 

 

 

เสียงดัง ฉึก กระบี่ยาวแทงลงไปอีกครั้ง ครั้งนี้แทงลงไปกลางหัวใจของมั่วชิงเฉินพอดี 

 

 

เลือดสดๆ พุ่งออกเต็มปาก สีหน้าของมั่วชิงเฉินซีดเผือดจนแทบจะโปร่งใส ราวกับหิมะใต้แสงตะวันเจิดจ้า พร้อมจะละลายเป็นหยดน้ำใสได้ตลอดเวลา แล้วซึมหายไปในพื้นดิน 

 

 

“น่าเบื่อจริง ไม่เล่นแล้ว” ภูตหิมะสาวระดับก่อกำเนิดพูดอุบอิบ บ่นด้วยน้ำเสียงซุกซน นางสะบัดข้อมือเบาๆ กระบี่ยาวแทงยื่นออกไป 

 

 

เสียงร้องดัง “โอ๊ย” ภูตหิมะสาวระดับก่อกำเนิดปล่อยมือจากกระบี่ แล้วกุมหัววิ่งกลับไปด้านหลัง

 

 

มั่วชิงเฉินที่โลหิตโซมกาย มองภูตหิมะสาวระดับก่อกำเนิดพลางหัวเราะ เงาร่างค่อยล้มหงายไปด้านหลัง

 

 

เคล็ดวิชาฝึกจิตอนัตตา ในที่สุดก็มีโอกาสได้แสดงประโยชน์แล้ว

 

 

เพียงแต่ไม่รู้ว่าจะทำให้ศัตรูสามารถรับรู้ถึงความเจ็บปวดของนางได้หรือไม่

 

 

ในขณะที่สัมปชัญญะเลือนรางลง นางดูเหมือนจะเห็นเงาร่างในชุดสีครามอันคุ้นเคยเงาหนึ่ง เท้าเหยียบอยู่บนลงไปบนแสงสีม่วงลอยมายังนาง