บทที่ 235 ทหารไล่โจมตี
อีกฟากฝั่งหนึ่ง กู้ชูหน่วนพาฝูกวง เดินทางไปยังเขาสูบวิญญาณ

ทั่วทั้งเขาสูบวิญญาณแผ่นดินสั่นสะเทือน นางโซเซไปมา มองไปยังสิ่งมหึมาที่ลอยอยู่กลางอากาศอย่างตกตะลึง

ถ้าหากไม่ได้เห็นด้วยตาตนเอง นางคงไม่มีทางเชื่อ มีคนสามารถเปลี่ยนน้ำเป็นมังกร เปลี่ยนใบไม้เป็นหงส์ได้ และยังคล่องแคล่วปราดเปรียวราวกับมีชีวิตจริงๆด้วย ไอสังหารคุกรุ่น ราวกับมังกรและหงส์ตัวเป็นๆจริงๆ

“พลังแข็งแกร่งจริงๆ “กู้ชูหน่วนรู้สึกตื่นตะลึงในใจ

เป็นยอดฝีมือฝืนกฎธรรมชาติอะไรกันแน่ จึงได้มีความสามารถเช่นนี้

สีหน้าของฝูกวงไม่สู้ดีนัก ใบหน้าน่ารักดุจตุ๊กตา มีแววเคียดแค้นพาดผ่าน

“เป็นเผ่าเทียนเฟิ่น คนของเผ่าเทียนเฟิ่นต่อสู้กับเทพสงคราม นั่นเป็นหนึ่งในกระบวนท่าไม้ตายของหัวหน้าเผ่าเทียนเฟิ่น แช่แข็งหมื่นลี้”

“แช่แข็งหมื่นลี้”

“ใช่ ถ้าพลังถึงจุดสูงสุด สามารถแช่แข็งเขาสูบวิญญาณได้ทั้งหมด แย่งชิงทุกสิ่งของที่นี่ไปได้ในชั่วพริบตา “แต่หลังจากผ่านการแช่แข็งแล้ว ตัวเขาเองก็บาดเจ็บหนัก ฉะนั้นเขาจึงไม่เคยใช้กระบวนท่านี้อย่างง่ายดายมาก่อน

ในชีวิตของเขา บางทีอาจจะเคยใช้แค่ครั้งเดียว ครั้งนั้นเป็นการใช้เพื่อต่อสู้กับเจ้าสำนักของพวกเขา

“เผ่าเทียนเฟิ่นมีตัวตนอยู่อย่างไรกันแน่”พลังจึงได้น่ากลัวเช่นนี้

“คนของเผ่าเทียนเฟิ่นเชี่ยวชาญด้านเวทมนตร์ เป็นกลุ่มคนที่ต่ำช้าไร้ยางอาย เสแสร้งและโหดเหี้ยม เข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์”

กู้ชูหน่วนพลางมุ่งตรงไปยังเขาสูบวิญญาณ พลางลูบใต้คางตนเอง

เห็นว่าเมื่อฝูกวงเอ่ยถึงเผ่าเทียนเฟิ่น ในสายตาล้วนเต็มไปด้วยความเกลียดชัง

“เสี่ยวฝูกวง เจ้ากับเผ่าเทียนเฟิ่นมีความแค้นอะไรกันแน่”

“นายหญิงกู้ วันหน้าท่านจะรู้เอง”

นางจำได้ว่าครั้งที่แล้ว นางก็เคยถามคำถามนี้กับฝูกวง ฝูกวงปฏิเสธที่ตอบคำถาม ครั้งนี้ก็ปฏิเสธอีก มีเรื่องอะไรปิดบังอยู่กันแน่

“ทำไมวันนั้นคนของเผ่าเทียนเฟิ่นจึงได้ต่อสู้กับเย่จิ่งหาน”

“เหมือนว่าจะเป็นเพราะคนของเผ่าเทียนเฟิ่นฆ่าเสด็จแม่ของเทพสงคราม ฉะนั้นระหว่างพวกเขาจึงมีบัญชีแค้นต่อกัน ส่วนเรื่องที่ว่าคนของเผ่าเทียนเฟิ่นฆ่าเสด็จแม่ของเทพสงครามทำไม ข้าน้อยก็ไม่ชัดเจนนัก”

เรื่องนี้สำหรับกู้ชูหน่วนแล้วถือว่าเป็นข่าวที่น่าตื่นตกใจมาก

ทำไมนางจึงคิดไม่ถึงว่า มารดาของเย่จิ่งหานนั้นถูกคนฆ่าตาย

กู้ชูหน่วนมองไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ที่เกิดการต่อสู้อย่างดุเดือดด้วยความกังวลอยู่บ้าง ที่นั่นมีเสียงต่อสู้ปะทะกันโครมครามส่งมาไม่ขาดสาย หลังจากคลื่นแสงกวาดผ่าน ก้อนหินก้อนแล้วก้อนเล่าระเบิดจนเละราวกับเต้าหู้ ฝุ่นผงของหินปลิวกระจายไปทั่ว

แม้แต่ปราการชั้นฟ้าก็แทบจะถูกพวกเขาทุบทำลายแล้ว

โครมคราม

ทั้งๆที่ท้องฟ้าปลอดโปร่งไร้เมฆ แสงจันทร์สว่างสดใส

แต่บนฟ้ากลับมีเสียงและแสงของสายฟ้าฟาด เสียงลมกรรโชกรุนแรง

กู้ชูหน่วนหยุดฝีเท้าลง

สู้กันดุเดือดปานนั้น

เย่จิ่งหานจะได้รับบาดเจ็บหรือไม่

นางเข้าใจเย่จิ่งหานผิดไป

เขามาที่เขาสูบวิญญาณด้วยตนเองจริงๆ ที่ไม่ได้พาเจี่ยงเสวียมาด้วย คงคาดการณ์ไว้ก่อนแล้วว่าคนของเผ่าเทียนเฟิ่นจะฉวยโอกาสที่สถานการณ์วุ่นวายบุกเข้ามา

ระหว่างที่ครุ่นคิด ไกลออกไปก็มีกลุ่มคนขบวนหนึ่งเดินมา

กู้ชูหน่วนเงยหน้าขึ้นมอง คนเหล่านั้นเป็นคนของเย่จิ่งหาน

คนเหล่านี้คุ้มกันชายหนุ่มที่มีบาดแผลเต็มร่าง รวมไปถึงหญิงชราสูงอายุคนหนึ่งกำลังออกจากเขาสูบวิญญาณ

กู้ชูหน่วนตาเป็นประกาย เมื่อเห็นว่าเป็นเย่เฟิง ก็รีบก้าวเข้าไปหา

“เย่เฟิง”

ชุดสีเขียวของเย่เฟิงถูกเลือดย้อมจนแดงฉานไปทั้งตัว บนร่างไม่รู้ว่าถูกฟันไปกี่แผล สีหน้าขาวซีด ร่างกายโซเซแทบจะล้มลงแล้ว เห็นกู้ชูหน่วนแล้วรู้สึกคาดไม่ถึงอยู่บ้าง

ที่อยู่ข้างกายเย่เฟิง ยังมีท่านยายตาบอดของเขา ท่านยายเย่เหมือนจะได้รับบาดเจ็บ ถูกองครักษ์ลับแบกเอาไว้

“ข้าน้อยคำนับพระชายา พระชายาทรงพระเจริญพันปีพันปีพันพันปี”เหล่าองครักษ์ต่างก็คุกเข่าลง

“ลุกขึ้นเถอะ”กู้ชูหน่วนเดินผ่านพวกเขา มาถึงข้างกายของเย่เฟิง

“ทำไมจึงได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้ รีบกินยาซะ นี่เป็นยาห้ามเลือด ข้าจะช่วยเจ้าห้ามเลือดก่อน”

“รีบไป ไป……”ไม่รู้ว่าเย่เฟิงกำลังกลัวอะไร เอาแต่เหลียวหลังมองเป็นระยะ

สีหน้าของเหล่าองครักษ์เหมือนจะมีความตื่นเต้น จัดกองกำลังส่วนหนึ่งคุ้มกันกู้ชูหน่วน

“พระชายา ที่นี่อันตราย รีบตามข้าน้อยออกไปจากที่นี่โดยเร็วที่สุด”

กู้ชูหน่วนแม้จะโง่แค่ไหนก็เข้าใจแล้ว

ข้างหลังมีทหารไล่ตามมา และเป็นทหารที่ร้ายกาจมาก