[ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ : จักรพรรดิ์เทพมังกร]

บทที่ 382 : ลงมือคืนนี้!

“ได้โปรด.. งั้นเหรอ? ไม่มีประโยชน์หรอก.. มันช้าไปแล้วเว้ย!”

ถังเมิ่งจ้องหน้าหลัวจ้งอย่างแค้นใจ และพูดกับมันด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรังเกียจเหยียดหยัน

หลัวจ้งรีบหันไปมองหลิงหยุนพร้อมกับอ้อนวอนเสียงอ่อน “หลิงหยุน.. พวกเราไปหาที่อื่นคุยกันไม่ดีกว่าเหรอ?”

หลิงหยุนยิ้มมุมปากก่อนจะตอบไปด้วยน้ำเสียงค่อนข้างเบา “ตอนนี้แกรู้จักฉันดีหรือยัง? คิดจะจัดการกับฉันด้วยปืนกระจอกๆพวกนั้น ฉันจะบอกแกให้เอาบุญว่ายังห่างไกลนัก!”

“ฉัน.. ฉันผิดไปแล้ว! ฉันผิดไปแล้วจริงๆ..” น้ำเสียงของหลัวจ้งเต็มไปด้วยการวิงวอนร้องขอ

ในเมื่อเป็นฝ่ายเสียเปรียบและตกอยู่ในกำมือของอีกฝ่ายแล้ว เขาจึงไม่สนใจสถานะและตำแหน่งหน้าที่ที่สูงส่งของตนเองอีก หลัวจ้งจึงยอมก้มหัวงกๆให้กับหลิงหยุนอย่างสิโรราบ

“ไสหัวไปซะ!”

หลิงหยุนขี้เกียจที่จะฟังคำพูดไร้สาระของหลัวจ้งต่อ จึงรีบไล่เขาไป..

“พี่หยุน!”

เมื่อถังเมิ่งเห็นหลิงหยุนปล่อยหลัวจ้งไป ก็รู้สึกกระวนกระวายใจขึ้นมาทันที เพราะกว่าที่จะบีบหลัวจ้งให้จนมุมได้ หากปล่อยไปง่ายๆแบบนี้ ก็คงน่าเสียดายแย่

หลิงหยุนหันไปมองถังเมิ่งนิ่ง.. ถังเมิ่งจึงเริ่มเข้าใจว่าหลิงหยุนคงจะมีแผนอื่นรอรับอยู่ เขาจึงไม่พูดอะไรอีก

“แล้วคลิปนั่น..” หลัวจ้งพูดพร้อมกับมองไปยังโทรศัพท์ในมือของถังเมิ่ง

หลิงหยุนตอบกลับไปเพียงว่า “แกยังไม่รีบไสหัวไปอีกเหรอ? ฉันยุ่งมาก ไม่มีเวลามาฟังแกพล่ามไร้สาระหรอกนะ!”

หลิงหยุนพูดจบก็หันไปมองหัวหน้าแก๊งมังกรเขียว-หลงคุน และไม่สนใจหลัวจ้งอีก..

ดวงตาที่คมราวกับเหยี่ยวของตี้เสี่ยวอู๋จับจ้องอยู่ที่หลัวจ้ง และพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ผู้อำนวยการหลัว.. ขอบคุณที่กักขังผมไว้ถึงสี่วันเต็มๆ ผม.. ตี้เสี่ยวอู๋รับรองว่าต้องตอบแทนคืนอย่างสาสมแน่!”

รูปร่างของตี้เสี่ยวอู๋นั้นสูงใหญ่กว่าหลัวจ้งมาก เขาจึงต้องโน้มตัวลงไปพูด และหลัวจ้งเองก็สัมผัสได้ถึงกระแสความดุร้ายที่แผ่ซ่านออกมา เขาถึงกับผงะและถอยหลังออกไปไกลถึงสองก้าว

หลัวจ้งจ้องมองหลิงหยุน ถังเมิ่ง และตี้เสี่ยวอู๋อยู่ครู่หนึ่งคล้ายครุ่นคิดอะไรอยู่ แต่แล้วก็กลับหน้าซีดขึ้นมาและร้องสั่งลูกน้องว่า

“ถอนกำลัง!”

ทันทีที่บรรดานักข่าวได้ยินว่าหลัวจ้งสั่งถอนกำลัง พวกเขาต่างก็เข้าไปรุมล้อมหลัวจ้งเพื่อสัมภาษณ์ แต่หลัวจ้งกลับเอาแต่เดินก้มหน้าไม่พูดไม่จา และผลักนักข่าวที่พากันกรูเข้ามารุมล้อมออกไป แล้วรีบเดินไปขึ้นรถตำรวจที่จอดอยู่ และรีบขับหนีนักข่าวอย่างรวดเร็ว

“เร็วเข้า.. รีบออกไปจากที่นี่!” ทันทีที่ขึ้นไปนั่งบนรถได้ หลัวจ้งก็ส่งคนขับรถทันที

รถตำรวจคันที่หลัวจ้งนั่งอยู่นั้น รีบกลับรถ และขับทะยานออกไปราวกับหมาป่าที่กำลังหนีการไล่ล่า!

ทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยพิเศษพร้อมอาวุธต่างก็ถอนกำลังออกจากที่เกิดเหตุด้วยความรู้สึกที่ไร้เกียรติและพ่ายแพ้อย่างยับเยิน

“ลุงหลงครับ.. ขอบคุณที่ช่วยเหลือผมในวันนี้ ถ้าวันนี้ไม่มีสมาชิกของแก๊งมังกรเขียวจำนวนมากมาย เรื่องราวอาจจะไม่จบลงราบรื่นแบบนี้แน่..” หลิงเอ่ยขอบคุณหลงคุณด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

ความสุภาพอ่อนน้อมของหลิงหยุนนั้น หลงคุนรับรู้ได้จากใจ เพราะลูกน้องที่เขานำมาด้วยนั้นแทบจะไม่ได้ช่วยเหลืออะไรหลิงหยุนเลย

หลิงคุนส่ายหน้าพร้อมตอบกลับไปอย่างยิ้มแย้มเช่นกัน “ไม่จริงหรอกหลิงหยุน.. เธอทำได้ดีมากต่างหาก เธอนี่เก่งมาก เก่งอย่างไม่น่าเชื่อ!”

“ไม่จริงหรอกครับลุงหลง.. หากไม่ใช่เพราะคุณลุงอยู่ที่นี่ หลัวจ้งคงจะไม่ยอมคุยกับผมดีๆแบบนี้แน่..”

หลิงหยุนพูดให้หน้าหลงคุนอีกครั้ง ก่อนจะพูดต่อว่า “ลุงหลงครับ.. วันนี้ผมยังมีธุระที่ต้องไปสะสางอีกมาก แต่ไม่มีคนเพียงพอที่จะจัดการกับขยะสองชิ้นนั่น..”

หลิงหยุนพูดคำว่าขยะสองชิ้นพร้อมกับโบ้ยปากไปทางกู่เหลียนซันและเถียนป๋อเตา..

หลงคุนเข้าใจคำพูดของหลิงหยุนได้ทันที เขาพยักหน้าพรัอมกับตอบไปว่า “ไม่เป็นไร.. เธอไปจัดการธุระของเธอให้เสร็จ ส่วนสองคนนั่นฉันจะเป็นคนจัดการให้เอง รับรองว่าพวกมันหนีไปใหนไม่ได้แน่..”

หลิงหยุนยิ้มออกมาพร้อมกับเอ่ยขอบคุณ “เป็นพระคุณมากครับลุงหลง ไว้ผมจัดการธุระเสร็จเรียบร้อยเมื่อไหร่ จะไปขอบคุณลุงหลงด้วยตัวเองอีกครั้ง”

หลงคุนพยักหน้ายิ้มๆ จู่ๆแขนยาวๆของหลงคุนก็เอื้อมไปคว้าตัวหลงหวู่เข้ามาพร้อมกับพูดขึ้นว่า

“หลิงหยุน.. ฉันขอแนะนำเธออย่างเป็นทางการ นี่ลูกสาวของฉัน ชื่อ..หลงหวู่ หวังว่าพวกเธอทั้งคู่จะสามารถเข้ากันได้ดีนะ..”

“เอ่อ.. ครับผม.. ครับ!”

หลิงหยุนค่อนข้างงุนงงและไม่เข้าใจว่าเพราะอะไรหลงคุนจึงต้องพูดว่า ‘เข้ากันได้ดี’ ออกมา แต่เขาก็ได้แต่พยักหน้ายิ้มๆ

หลงหวู่มองหลิงหยุนตาโต แต่จู่ๆก็ทำเสียงฮึดฮัดพร้อมกับเอยปากต่อว่าหลิงหยุน “หลิงหยุน.. นายสั่งให้คนตบหน้าฉัน ฉันจะคิดบัญชีนี้กับนายทีหลัง!”

เมื่อหลงหวู่พูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ชายหนุ่มทั้งสามคนต่างก็ทำหน้าไม่ถูก เพราะตอนที่หลิงหยุนสั่งให้เสี่ยวเม่ยเม่ยตบหน้าหลงหวู่นั้น ทั้งตี้เสี่ยวอู๋และถังเมิ่งต่างก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วยทั้งคู่

แต่ชายหนุ่มทั้งสามคนก็ไม่เบาเลยทีเดียว เพราะการแสดงของพวกเขานั้นยิ่งกว่านักแสดงมืออาชีพ ทั้งสามคนต่างก็แสร้งทำเป็นมองหน้ากันด้วยสายตางุนงงไม่เข้าใจ และทำราวกับคนความจำเสื่อมที่จำอะไรไม่ได้แล้ว

หลงหวู่หันกลับไปมองเหลียงเฟิงอี้กับฉางหลิที่อยู่ไม่ไกลนัก จากนั้นก็หันกลับมามองหน้าหลิงหยุนพร้อมกับพูดขึ้นว่า

“ส่วนบัญชีพวกนั้นก็จะเก็บไว้คิดกับนายทีหลังเหมือนกัน! ไปกันได้แล้ว!”

หลงคุนก้าวเข้าไปหาชายหนุ่มทั้งสามคนพร้อมพูดกับพวกเขาสองสามคำ จากนั้นก็ยิ้มและพยักหน้าให้กับหลิงหยุนและตี้เสี่ยวอู๋ ก่อนจะพาหลงหวู่เดินออกจากวงล้อมของฝูงชนและขึ้นรถกลับไป

ถังเมิ่งจ้องมองรถที่หลงคุนและหลงหวู่นั่งแล่นออกไปอย่างช้าๆ พร้อมกับเอ่ยถามขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ

“พี่หยุน.. นี่มันเรื่องอะไรกัน? ฉันงงไปหมดแล้ว? ทำไมจู่ๆหัวหน้าแก๊งมังกรเขียวถึงได้ออกโรงช่วยพี่ด้วยตัวเอง และถึงกับประกาศตัวเป็นศัตรูกับหลัวจ้งอย่างไม่ลังเลด้วย?!”

หลิงหยุนมองตี้เสี่ยอู๋ด้วยสีหน้าประหลาดใจเช่นกัน “ฉันเองก็แปลกใจเหมือนกัน ฉันเดาว่าที่เขามาน่าจะเพราะต้องการรักษาหน้าของทายาทแก๊งมังกรเขียวอย่างตี้เสี่ยวอู๋นะ?”

ถังเมิ่งเองก็มองหลิงหยุนด้วยสายตางุนงงไม่ต่างจากตี้เสี่ยวอู๋พร้อมกับแย้งขึ้นว่า “เพราะตี้เสี่ยวอู๋งั้นเหรอ? เป็นไปไม่ได้! ตี้เสี่ยวอู๋ถูกจับไปขังที่สำนักงานรักษาความมั่นคงถึงสี่วัน แต่ไม่มีคนของแก๊งมังกรเขียวไปช่วยเขาเลยสักคน แต่พอพี่กลับมา หัวหน้าแก๊งมังกรเขียวถึงกับออกโรงมาช่วยด้วยตัวเอง.. เรื่องนี้น่าสงสัยมาก..”

ถังเมิ่งวิเคราะห์พร้อมกับมองหน้าตี้เสี่ยวอู๋ จากนั้นก็มองหน้าหลิงหยุนสลับกัน ก่อนจะพูดยิ้มๆว่า

“พี่หยุน.. ฉันว่านะ หัวหน้าแก๊งมังกรเขียวคงจะอยากได้พี่ไปเป็นลูกเขยแน่!”

หลิงหยุนกระพริบตาพร้อมกับร้องออกมาอย่างตกใจ “สมองนายนี่มีแต่เรื่องพวกนี้หรือยังไง? ระวังอย่าไปพูดให้หนิงน้อยได้ยินล่ะ ไม่งั้นนายซวยแน่..!”

หลิงหยุนนึกถึงเด็กสาวจอมวายร้ายแล้วก็ได้แต่เตือนถังเมิ่งให้ระวังคำพูด ไม่เช่นนั้นเสี่ยวเม่ยหนิงคงต้องเอาถังเมิ่งตายแน่

“พี่หยุน.. พี่อู๋.. หัวหน้าใหญ่สั่งให้เราสองคนมาพาตัวสองคนนั่นกลับไป? ถ้าพวกพี่ไม่มีอะไรกับมันสองคนแล้ว พวกเราจะได้พาตัวมันกลับไป..”

เมื่อหลงคุนกลับไป เขาก็ได้สั่งให้ลูกน้องสองคนให้จัดการพากู่เหลียนซันและเถียนป๋อเตาไปขังไว้

หลิงหยุนหันไปถามถังเมิ่งว่า “กุญแจบ้านหลังสุดท้ายของเถียนป๋อเตาอยู่ที่นายหรือยัง?”

ถังเมิ่งส่ายหน้าพร้อมกับตอบไปว่า “พี่หยุน.. ทั้งเนื้อทั้งตัวของมันมีแค่กางเกงในสีแดงตัวเดียว จะไปเอากุญแจบ้านมาจากใหนล่ะ?”

หลิงหยุนขมวดคิ้วเล็กน้อยพร้อมกับสั่งว่า “ถ้างั้นหลังจากที่จัดการโอนบ้านหลังนั้นเรียบร้อยแล้ว ให้เปลี่ยนกุญแจบ้านก่อน จากนั้นค่อยประกาศขายทิ้ง แล้วค่อยเอาเงินจากการขายบ้านหลังนี้ไปซื้อบ้านหลังใหม่ให้กับหลิวลี่!”

ก่อนที่หลิงหยุนจะลงไปที่หลุมยักษ์ เขาได้ไปพบกับครอบครัวของหลิวลี่ และรับปากว่าจะซื้อบ้านหลังใหม่ให้ แต่จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่มีเวลาไปจัดการเลย เพราะมีเรื่องที่ต้องสะสางอีกมากมาย..

จากนั้นหลิงหยุนก็หันไปสั่งคนของแก๊งมังกรเขียวทั้งสองคน ให้นำตัวกู่เหลียนซันและเถียนป๋อเตากลับไปได้

เมื่อคนของแก๊งมังกรเขียวทั้งสองคนออกไปแล้ว หลิงหยุนก็หันไปพูดกับตี้เสี่ยวอู๋ว่า “ตี้เสี่ยวอู๋.. วันนี้เตาฉีก็ส่งคนของเขามาช่วย”

“ฉันเห็นแล้วพี่หยุน!” ตี้เสียวอู๋เงยหน้าขึ้นมอง ก็พบกับมังกรและพยัคฆ์

ตอนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจต่างก็ถอนกำลังออกจากพื้นที่จนหมดแล้ว ส่วนพี่น้องแก๊งมังกรเขียวหลายร้อยคนก็ทยอยกลับไปแล้วเช่นกัน เหลือเพียงฝูงชนบางส่วน และนักข่าวจากสำนักต่างๆที่พากันกรูเข้ามาหลิงหยุน

“หลิงหยุน.. ตอนนี้คุณได้กลายเป็นฮีโร่ในสายตาของชาวบ้านแล้ว ไม่ทราบว่าคุณรู้สึกยังไงบ้างคะ?”

“หลิงหยุน.. พวกเราอยากให้คุณเปิดเผยว่า คุณทำการรื้อถอนบ้านทั้งสองหลังด้วยมือเปล่าได้ยังไงกัน?”

“หลิงหยุน.. คุณช่วยนำไข่มุกราตรีในตำนานออกมให้พวกเราได้ชมอีกครั้งจะได้ไม๊ครับ?”

“หลิงหยุน.. ทำไมคนของแก๊งมังกรเขียวถึงเลือกที่อยู่ข้างคุณ? คุณกับแก๊งมังกรเขียวมีความสัมพันธ์กันยังไงคะ?”

…………….

นักข่าวต่างพากันรุมล้อมหลิงหยุน และยื่นไมโครโฟนพร้อมกับคำถามที่ตามมามากมาย

หลิงหยุนได้แต่คิดในใจว่า นักข่าวพวกนี้ช่างน่ากลัวจริงๆ เขาเพียงแค่ยิ้มบางๆ และเลือกที่จะปฏิเสธการให้สัมภาษณ์และตอบคำถามใดๆ

ในเมื่อเขาเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะแล้ว เขาก็ไม่จำเป็นต้องพูดและอธิบายอะไรอีก และสำหรับเรื่องของหลัวจ้งนั้น เขาก็ได้บรรลุเป้าหมายที่ต้องการไปเรียบร้อยแล้ว โดยไม่ต้องใช้ความพยายามมากมายอะไรนัก

หลิงหยุนยกมือขึ้นแหวกวงล้อมของนักข่าวอย่างเบามือไม่ต่างจากกำลังแหวกวกิ่งไม้ที่ขวางหน้า และเพียงไม่นานเขาก็ฝ่าวงล้อมของนักข่าวออกไปได้

เขารีบวิ่งไปหาเหลียงเฟิงอี้และฉางหลิงพร้อมกับยิ้มให้ทั้งคู่ “เอาล่ะ.. ที่นี่ไม่มีอะไรแล้ว พวกเรากลับกันดีกว่า”

“ที่นี่มีคนมากเกินไป ผมจะออกไปก่อน และจะรอพวกคุณอยู่ที่หน้าทางเข้าหมู่บ้าน”

จากนั้นหลิงหยุนก็สั่งให้ตู้กู่โม่นำหน้าไปก่อน ส่วนฝูงชนที่เห็นหลิงหยุนกำลังจะเดินทางกลับ ต่างก็พากันหลีกทางให้ และบางคนถึงกับปรบมือให้พร้อมกับเอ่ยชื่นชม

“หลิงหยุน.. เธอเก่งมาก!”

“หลิงหยุนช่วยพวกเราจัดการกับมัจจุราชเถียน เขาคือฮีโร่ของพวกเรา!”

“คราวนี้พวกเราคงจะได้เงินชดเชยค่ารื้อถอนเพิ่มมากขึ้นกว่าเมื่อก่อนแล้ว”

หลิงหยุนพยักหน้าพร้อมกับยิ้มให้ทุกคน และรีบเดินฝ่าฝูงชนออกไป เขาเร่งฝีเท้าและเพียงแค่สองนาทีก็เดินออกมาถึงหน้าหมู่บ้าน

หลิงหยุนวิ่งตามตู้กู่โม่มาอย่างรวดเร็ว และทั้งคู่ก็ไปถึงรถฮัมเมอร์เกือบจะพร้อมกัน ตู้กู่โม่พูดกับหลิงหยุนราวกับคนขวัญอ่อน

“หลิงหยุน.. ข้าตกใจแทบแย่ นึกว่าเจ้าจะจัดการฆ่าตำรวจพวกนั้นกลางวันแสกๆซะอีก!”

หลิงหยุนเกาศรีษะพร้อมกับพูดขึ้นมาอย่างไม่ใส่ใจ “ก็ถ้าหลัวจ้งมันไม่ฉลาด และยืนยันที่จะจับฉันให้ได้ ฉันก็จะฆ่าพวกมันแน่!”

ตู้กู่โม่พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาและไม่พอใจ “นี่เจ้าทำแบบนั้นไม่ได้นะ.. ถ้าบรรดาผู้อาวุโสในตระกูลเห็นข้าทำแบบนั้นเข้า มีหวังพวกเขาคงต้องขับไล่ข้าออกจากตระกูลแน่..”

หลิงหยุนมองตู้กู่โม่อย่างครุ่นคิดก่อนจะยิ้มอย่างสบายอกสบายใจ และพูดขึ้นว่า “แล้วคืนนี้ล่ะ.. นายจะลงมือฆ่าคนได้ไม๊?”