[ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ : จักรพรรดิ์เทพมังกร]

บทที่ 381 : ระเบิดสำหรับหลัวจ้ง!

“โอ้ว.. บัดสี.. นี่มีอะไรพร้อมกันทีเดียวตั้งหลายคนเลยเหรอนี่..”

“วิตถาร.. หัวหน้าหวังกล้าทำขนาดนี้เลยเหรอ..”

“แม่เจ้า.. นี่มันบ้านหรือว่าฮาเร็มกันแน่..?”

“เถียนป๋อเตาตายแน่คราวนี้.. ถูกหลิงหยุนถ่ายคลิปได้คาเตียงเลย!”

เมื่อเห็นถังเมิ่งเปิดคลิปวีดีโอที่เร่าร้อนนั่น บรรดานักข่าวต่างก็กรูกันเข้าไปล้อมรอบ พร้อมกันร้องออกมาด้วยความตกอกตกใจ

แทบไม่จำเป็นต้องพูดถึงชะตากรรมของเถียนป๋อเตา เห็นได้ชัดว่าครั้งนี้เขาคงต้องสูญสิ้นทุกสิ่งทุกอย่างจริงๆ!

หลิงหยุนแทบไม่ใส่ใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เขาเพียงแค่ชายตามองเถียนป๋อเตาด้วยแววตาที่เย็นชา พร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น

“ต้องโทษตัวแกที่แส่หาเรื่องเอง!”

พูดจบหลิงหยุนก็เดินไปไปหาผู้ประกาศข่าวสาวคนสวยที่ชื่อซูหลิงเฟย

ซูหลิงเฟยเป็นผู้ประกาศข่าวของสถานทีโทรทัศน์ท้องถิ่น และตอนนี้ก็อยู่ในท่าเตรียมพร้อมที่สัมภาษณ์อยู่ตลอดเวลา แต่ในตอนกลับไม่มีฝูงชนรายล้อมตัวเธออยู่มากนัก

เธอมองคลิปวีดีโอของถังเมิ่งด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ และเต็มไปด้วยความอับอายแทน จากนั้นจึงเมินหน้าหนีพร้อมกับคิดในใจว่า เมื่อครู่เธอไม่น่าออกหน้าแทนเถียนป๋อเตาที่ไร้ยางอายคนนี้เลย

“นี่.. คุณมองอะไร?”

ซูหลิงเฟยร้องถามพร้อมยกมือขึ้นทาบอกไว้ทันที เมื่อเหลือบไปเห็นสายตาของหลิงหยุนที่จ้องมองมองมา

แต่หลิงหยุนกลับทำท่าทาง และพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูมีลับลมคมใน “ผมมีข่าวลับสุดยอด คุณอยากจะได้ไม๊?”

ซูหลิงเฟยทำงานอยู่ที่สำนักข่าวของสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่น เรื่องสกปรกในวงราชการแบบที่เถียนป๋อเตาทำนั้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดสำหรับเธอ อย่าว่าแต่นอนกับผู้หญิงครั้งละเก้าคนเลย สิ่งที่เธอเคยได้รู้ได้เห็นมานั้น ยิ่งกว่าเถียนป๋อเตาก็มีมากมาย

ทุกวันนี้ข้าราชการไม่ว่าจะระดับใหน ล้วนใช้อำนาจจากตำแหน่งหน้าที่ในการหาเงิน หรือไม่ก็หาผู้หญิงให้กับตัวเอง บางคนมีผู้หญิงเป็นร้อยด้วยซ้ำไป!

ซูหลิงเฟยที่ไม่ค่อยพอใจกับสายตาที่ลามกของหลิงหยุนอยู่แล้ว รีบถอยออกห่างเพื่อให้หน้าอกของเธอพ้นจากสายตาของเขา แล้วจึงพูดขึ้นว่า

“คลิปข้าราชการกำลังมีอะไรกับผู้หญิงพวกนั้น สำหรับฉันนั่นไม่ใช่ข่าว แต่เป็นเรื่องน่าทุเรศ!”

หลิงหยุนหัวเราะพร้อมกับตอบไปว่า “เรื่องของเถียนป๋อเตาไม่ใช่ข่าว แล้วเรื่องของผู้อำนวยการสำนักงานรักษาความมั่นคงล่ะ.. จะถือว่าเป็นข่าวได้ไม๊?”

สีหน้าของซูหลิงเฟยเปลี่ยนเป็นสนอกสนใจขึ้นมาทันที เธอมองหลิงหยุนด้วยแววตาครุ่นคิดก่อนจะรีบตอบกลับเสียงเบา

“ห๊ะ.. เมื่อครู่คุณบอกว่าเป็นเรื่องของผู้อำนวยการหลัวงั้นเหรอ? นอกจากเรื่องที่คุณทำให้เขาอับอาย แล้วยังจะมีเรื่องอะไรอีก?”

หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับกระดิกนิ้ว “ตามผมมาสิ!”

จากนั้นก็เดินนำซูหลิงเฟยไปหาเหลียงเฟิงอี้ เมื่อไปถึงหลิงหยุนก็บอกกับเหลียงเฟิงอี้ว่า “คุณช่วยเปิดคลิปคำสารภาพที่อัดไว้ให้คุณนักข่าวคนสวยฟังหน่อยสิ..”

หลิงหยุนขอให้เหลียงเฟิงอี้ช่วยเปิดคลิปให้ซูหลิงเฟยฟัง แม้จะรู้ดีว่าเพียงแค่คลิปนี้อาจจะยังไม่สามารถดึงหลัวจ้งลงจากตำแหน่งได้ แต่อย่างน้อยก็คงจะสามารถสร้างรอยด่างพร้อยให้กับเขาได้บ้าง และอาจเป็นช่องทางให้หลิงหยุนสามารถหาทางกำจัดเขาได้ในอนาคต หรือไม่อย่างน้อยหลัวจ้งจะได้เกรงกลัวและไม่กล้าวุ่นวายกับเขาอีก

หลังจากผ่านไปหลายนาที หลิงหยุนก็ถามซูหลิงเฟยด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “คุณจะเอาคลิปนี้ไปออกอากาศได้ไม๊?”

ซูหลิงเฟยลังเลเล็กน้อยพร้อมกับเม้มริมฝีปากแน่น ก่อนจะตอบกลับไปว่า “นี่เป็นเรื่องพัวพันถึงเจ้าหน้าที่ระดับสูง ต้องให้ทางสำนักงานข่าวตรวจสอบข้อเท็จจริงของคลิปนี้ก่อน ถึงจะออกอากาศได้..”

“อีกอย่าง.. ข่าวในลักษณะนี้ ต่อให้ทางสำนักข่าวอนุมัติให้ออกข่าวได้ แต่ก็ต้องได้รับความเห็นชอบจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของฝ่ายรัฐบาลก่อน..”

มาถึงตอนนี้ หลิงหยุนเริ่มตระหนักถึงอิทธิพลและอำนาจของข้าราชการระดับสูงในประเทศนี้ และไม่เข้าใจถึงอาการกลืนไม่เข้าคลายไม่ออกของนักข่าว

หลิงหยุนเริ่มรู้สึกผิดหวัง เย็นชา และรังเกียจ เขาจึงพูดออกมาอย่างขบขัน “ดูเหมือนท่าทางก้าวร้าวแข็งขันและเต็มไปด้วยความยุติธรรมของคุณเมื่อครู่ ก็คงเป็นแค่การแสดงสินะ..”

หลังจากพูดจบ.. หลิงหยุนก็ไม่สนใจซูหลิงเฟยที่กำลังโกรธจนหน้าแดงอีกเลย แต่กลับหันไปสั่งถังเมิ่งที่เพิ่งจะทำหน้าที่ของตัวเองเสร็จ

ถังเมิ่งเดินฝ่าวงล้อมออกมาพร้อมกับยกมือขึ้นเช็ดเหงื่อบนศรีษะออก “นักข่าวพวกนั้นโหดชะมัดเลย แทบจะดึงโทรศัพท์ของฉันไปด้วย!”

“ว่าแต่มีอะไรเหรอพี่หยุน?”

หลิงหยุนหยิบโทรศัพท์ออกมาจากมือของเหลียงเฟิงอี้ และวางลงในมือของถังเมิ่ง “พวกเราไปจัดการให้หลัวจ้งมันสารภาพด้วยตัวเองจะดีกว่า!”

ซูหลิงเฟยถูกกฎหมายของประเทศนี้ และกฎระเบียบของสำนักข่าวตีกรอบไว้ แต่ถังเมิ่งไม่ได้มีกรอบอย่างเธอ เขาแทบทนรอที่จะได้เห็นหลัวจ้งฉิบหายไปในตอนนี้ไม่ได้..

เหลียงเฟิงอี้และหลงหวู่เห็นทั้งสองคนเดินไปหาหลัวจ้ง หญิงสาวทั้งสองคนจึงได้แต่เดินตามไปพร้อมกับพูดขึ้นว่า “ฉันจะไปเป็นเพื่อนด้วย..”

หลิงหยุนหันไปยิ้มให้หลงหวู่กับเหลียงเฟิงอี้ จากนั้นจึงพูดกับเหลียงเฟิงอี้ว่า “คุณไม่เหมาะที่จะออกหน้า ไม่งั้นผมคงไม่เรียกถังเมิ่งมา ไม่อย่างนั้นไอ้ชาติชั่วนั่นมันคงต้องหาทางเล่นงานคุณทีหลังแน่!”

เมื่อได้ฟังคำอธิบายที่เต็มไปด้วยความห่วงใยของหลิงหยุน เหลียงเฟิงอี้ถึงกับอ่อนไหวและใจสั่นเล็กน้อย เธอไม่รบเร้าหรือต่อต้าน และได้แต่พยักหน้าเงียบๆ

ในเมื่อหลี่ยี่เฟิงต้องพบกับความลำบาก หลัวจ้งเองก็ต้องพบกับความฉิบหายเช่นเดียวกัน หลิงหยุนรู้ดีว่าหลัวจ้งไม่กล้าที่จะแตะต้องแก๊งมังกรเขียว เขาจึงอนุญาตให้หลงหวู่ตามมาด้วย

เมื่อทั้งสามคนเดินเข้าไปยืนอยู่ต่อหน้าหลัวจ้งแล้ว แต่จู่ๆหลิงหยุนก็มองไปทางฝูงชนที่ล้อมรอบอยู่พร้อมกับพูดขึ้นมาอย่างดีใจ

“ฉางหลิงมาถึงแล้ว!”

“ตี้เสี่ยวอู๋ก็มาถึงเหมือนกันรึนี่? ไวชะมัด..!”

“ขอทางด้วยค่ะ.. ขอทางด้วย..” ฉางหลิงแทรกตัวฝ่าฝูงชนเข้ามาด้านใน!

หลังจากที่ได้รับโทรศัพท์จากเหลียงเฟิงอี้ เธอก็ตกใจอย่างมาก และรีบเรียกแท็กซี่ออกจากบ้านทันที

“นายรอฉันประเดี๋ยวนะ..”

หลิงหยุนบอกถังเมิ่ง จากนั้นก็ก้าวเท้าไปข้างหน้า เพื่อรีบเดินเข้าไปหาฉางหลิง

ฉางหลิงรีบร้อนวิ่งจนไม่ทันได้มองอะไร มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่รู้สึกว่าได้วิ่งชนเข้ากับอ้อมแขนของชายหนุ่มคนหนึ่ง และเมื่อเงยหน้าขึ้นมอง เธอก็เห็นเป็นใบหน้าของหลิงหยุนที่กำลังก้มมองเธออยู่เช่นกัน

“หลิงหยุน.. นาย.. นี่นายหายไปใหนมา ฉันเป็นห่วงแทบตายรู้ไม๊..?”

ฉางหลิงไม่สนใจผู้คนที่อยู่รอบข้าง เธอซุกตัวเข้าไปในอ้อมแขนของหลิงหยุนพร้อมกับน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม

ฉางหลิงเองก็เป็นห่วงเป็นใยหลิงหยุนไม่น้อยไปกว่าเสี่ยวเม่ยหนิง เหยาลู่ และคนอื่นๆเลย

หลิงหยุนสัมผัสได้ถึงความห่วงใยที่ฉางหลิงมีให้กับเขา เขารู้สึกอ่อนไหวอย่างไม่สามารถอธิบายได้ จึงได้แต่ยิ้มอย่างรู้สึกผิด

“เอาล่ะ.. หยุดร้องไห้ได้แล้ว! ดูหน้าผมสิ.. ผมก็กลับมาแล้วนี่ไง!”

หลิงหยุนยกมือขึ้นตั้งใจจะเช็ดน้ำตาให้ฉางหลิง แต่กลับพบว่ามือของตัวเองเปื้อนไปด้วยฝุ่น จึงได้แต่ส่ายหน้าและพูดออกไปว่า

“แย่แล้ว.. ลืมไปว่าเนื้อตัวของผมมีแต่ฝุ่นเต็มไปหมด ผมจะพาคุณไปหาน้าเล็กดีกว่า.. เธออยู่ทางโน้น”

ฉางหลิงไม่สนใจว่าหลิงหยุนจะสกปรกแค่ใหน เธอยังคงกอดหลิงหยุนไว้แน่น เพราะกลัวว่าเขาจะหายไปอีก จากนั้นก็พูดขึ้นว่า

“นายกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่? กลับมาแล้วทำไมไม่โทรหาฉัน?”

หลิงหยุนอธิบายให้ฟังว่าโทรศัพท์ของเขาแบตหมดจึงโทรหาใครไม่ได้ เมื่อเห็นว่าฉางหลิงยังคงกอดเขาแน่นไม่ยอมปล่อย เขาจึงโอบเธอไว้และพากลับไปหาเหลียงเฟิงอี้

เหลียงเฟิงอี้มองดูหลิงหยุนที่ประคองฉางหลิงมา ก็ได้แต่นึกตำหนิในใจ และได้แต่แอบถอนหายใจ

หลิงหยุนจับฉางหลิงนั่งลงที่พื้นและพูดกับเธอว่า “คุณนั่งคุยกับน้าเล็กไปก่อน ไว้ให้ผมเสร็จภารกิจ พวกเราค่อยคุยกันต่อ”

“ได้สิ..”

ฉางหลิงตอบแต่มือยังคงจับแขนของหลิงหยุนไว้แน่นพร้อมกับทักทายเหลียงเฟิงอี้ และหันไปมองถังเมิ่งอย่างตกใจ

“ถังเมิ่ง.. นี่นายหายดีตั้งแต่เมื่อไหร่?” ฉางหลิงร้องถามด้วยสีหน้าตกใจสุดขีด

ตั้งแต่ถังเมิ่งได้รับบาดเจ็บสาหัส และต้องนอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ฉางหลิงก็หมั่นไปเยี่ยมเยียนเขาอยู่หลายครั้ง และเธอย่อมดีว่าถังเมิ่งอาการสาหัสมากเพียงใด

ถังเมิ่งยิ้มให้พร้อมกับใช้มือลูบศรีษะโล้นๆของตัวเอง “พี่หยุนเป็นคนช่วยรักษาให้อาการบาดเจ็บให้!”

“แล้วหลิงหยุนกลับมาทำไมนายถึงไม่โทรบอกฉัน? นายนี่มันแย่ชะมัด!” ฉางหลิงจ้องมองถังเมิ่งอย่างไม่พอใจ

“เอ่อ.. ก็ตอนนั้นมันดึกมากแล้ว อีกอย่าง.. หลังจากนั้นฉันกับพี่หยุนก็มีแต่เรื่องยุ่งๆตลอด..”

แต่ถังเมิ่งก็ได้แต่คิดในใจว่า ‘เธอเองก็ไม่เคยบอกฉันว่าเป็นอะไรกับพี่หยุน ไม่งั้นก็คงจะส่งข้อความบอกไปแล้ว’

ด้านนอกฝูงชน เสียงรถเบรกดังเอี๊ยดลากเป็นทางยาว จนผู้คนต่างพากันหันหลังไปมอง และพวกเขาก็พบเห็นเด็กหนุ่มร่างสูงใหญ่ราวกับตึกคนหนึ่งกำลังเดินออกมาจากรถ และเขาก็ไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นตี้เสี่ยวอู๋นั่นเอง!

“พี่หยุน!”

ตี้เสี่ยวอู่ทั้งสูงใหญ่และดำคล้ำ เขามองหลิงหยุนที่ยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชนด้วยความตื่นเต้น

ใบหน้าของตี้เสี่ยวอู๋เต็มไปด้วยเหงื่อ แต่เขากลับไม่สนใจ ทันทีที่ก้าวลงจากรถ เขาก็รีบวิ่งฝ่าฝูงชนเข้าไปหาหลิงหยุนทันที แต่เพราะตี้เสี่ยวอู๋ต่างจากฉางหลิงมาก เพราะรูปร่างของเขาทั้งสูงใหญ่และกำยำ ทำให้ผู้คนต่างก็หวาดกลัวและพากันหลีกทางให้เองโดยไม่ต้องร้องขอ

“หมอนี่.. ดูเหมือนดารกะดายันจะก้าวหน้ามากแล้วสินะ นี่สามารถผ่านมาถึงสามระดับย่อยเชียวรึ..?”

ตี้เสียวอู๋วิ่งฝ่าฝูงชนเข้าไป เขาดึงร่างของตำรวจสองสามนายที่ขวางทางอยู่ออกไป พร้อมกับวิ่งตรงเข้าไปกอดหลิงหยุนทันที!

“พี่หยุน! กลับมาแล้วเหรอ? ฉันเป็นห่วงพี่แทบแย่.. ฉัน..”

ดวงตาที่ดุราวกับเสือของตี้เสี่ยวอู๋นั้นเริ่มมีน้ำตาเอ่อขึ้น และด้วยความตื้นตันเขาจึงพูดอะไรไม่ออกอีก

แต่ด้วยสายใยแห่งความเป็นพี่น้อง.. จึงไม่จำเป็นต้องมีคำพูดใดๆอีก!

“อยู่ในคุกเป็นไงบ้าง? มีใครทำอะไรนายรึเปล่า?” หลิงหยุนตบไหล่ของตี้เสี่ยวอู๋เบาๆ พร้อมกับถามด้วยความห่วงใย

ตี้เสี่ยวอู๋เช็ดน้ำตาพร้อมกับตอบไปว่า “ใครจะกล้า?! ฉันอยู่ในคุกก็ฝึกไปด้วย แต่ฉันก็มั่นใจว่ายังไงพี่ก็ต้องกลับมา..”

หลิงหยุนพยักหน้าพร้อมกับบอกตี้เสียวอู่ว่า “หัวหน้าแก๊งมังกรเขียวก็มาที่นี่ นายไปพบและทักทายเขาหน่อยสิ..”

หากแก๊งมังกรเขียวกับหลิงหยุนเป็นศัตรูกัน แน่นอนว่าหลิงหยุนคงไม่ยอมให้ตี้เสี่ยวอู๋ทำเช่นนั้นแน่ แต่ตอนนี้พวกเขาต่างก็ยื่นมือเข้าช่วยเหลือหลิงหยุนอย่างไม่มีเงื่อนไข แม้แต่หลงคุนกับลูกสาวก็มาที่นี่ด้วยตัวเอง หลิงหยุนจึงต้องการให้ตี้เสี่ยวอู๋ได้กลับไปพบและทักทายเพื่อนเก่า

ตี้เสี่ยวอู๋ผละจากหลิงหยุนเข้าไปทำความเคารพหลงคุน “ลุงหลง.. ข้า..”

ทันทีที่ตี้เสี่ยวอู๋ปรากฏตัว หลงคุนก็เอาแต่หัวเราะ เมื่อเห็นตี้เสี่ยวอู๋เดินเข้ามาทำความเคารพและทักทายเขาเช่นนี้ หลงคุนจึงได้แต่พยักหน้าพร้อมกับตอบไปว่า

“เด็กน้อย.. เจ้าก้าวหน้าขึ้นมากเลยนะตั้งแต่ติดตามหลิงหยุน ต่อไปแก๊งมังกรเขียวคงต้องขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว..”

“….”

ตี้เสียวอู๋ถึงกับอึ้งไปและค่อนข้างงุนงงกับคำพูดของหลงคุน เขาไม่เข้าใจความหมายในคำพูดนั้น ในเมื่อเขาเลือกที่จะติดตามหลิงหยุน เหตุใดแก๊งมังกรเขียวยังต้องขึ้นอยู่กับเขาอีก?

หลงคุนนึกขึ้นมาได้ว่า นี่ไม่ใช่เวลาที่จะพูดถึงเรื่องนี้ “นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาพูดเรื่องนี้ ตอนนี้เจ้าไปช่วยหลิงหยุนก่อนจะดีกว่า..”

ตี้เสี่ยวอู๋รับคำสั่งพร้อมกับเดินไปหาหลิงหยุนอย่างรวดเร็ว เขาส่งสายตาสำรวจเหตุการณ์รอบๆตัว ไม่เพียงแค่เห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนมากมาย แต่ยังเห็นพี่น้องในแก๊งมังกรเขียวอีกหลายร้อยคน

เรื่องเกี่ยวกับแก๊งมังกรเขียวนั้น แน่นอนว่าตี้เสี่ยวอู๋รู้แทบทุกซอกทุกมุม

ตี้เสี่ยวอู๋ได้แต่นึกสยดสยองอยู่ในว่า ก่อนหน้านี้หลิงหยุนคงต้องเผชิญหน้ากับปัญหามากมาย!

“ตี้เสี่ยวอู๋.. นี่นายมาทันเวลาอาหารกลางวันพอดีเลย?” ถังเมิ่งหยอกเย้าตี้เสี่ยวอู๋พร้อมกับหัวเราะเสียงดัง

“นั่นสิ.. ฉันเองก็ยังไม่ได้กินอะไรเลย..”

ตี้เสียวอู่ยิ้มพร้อมกับต่อยถังเมิ่งด้วยความขุ่นเคือง “ถังเมิ่ง.. นายนี่แย่มาก ตั้งแต่ฉันถูกจับ นายไม่เคยไปเยี่ยมฉันเลย”

ความโกรธแค้นปะทุขึ้นในดวงตาของถังเมิ่ง “ไปเยี่ยมบ้าอะไรล่ะ? ฉันน่ะอาการสาหัสกว่านายอีก..! พอนายถูกจับ ฉันก็ถูกเสียเจิ้นเหยินกระทืบซะกระดูกหักจนต้องไปนอนโรงพยาบาลอยู่หลายวัน..

“ห๊ะ?! ไอ้สารเลว!” ตี้เสี่ยวอู่ร้องตะโกนออกมาอย่างโกรธแค้นเมื่อได้ฟังคำบอกเล่าของถังเมิ่ง เขาให้สัญญากับถังเมิ่งว่า

“ไม่ต้องห่วง.. ฉันจะไปล้างแค้นให้นายเอง!”

หลิงหยุนมองไปที่รถตำรวจที่เพิ่งมาถึงพร้อมกับรอยยิ้มบางๆ และขัดขึ้นว่า

“เรื่องแก้แค้นไอ้กระจอกนั่นรอไว้ก่อน! ตอนนี้เรามาจัดการกับคนที่สั่งจับกุมนายก่อนจะดีกว่า!”

เสียงรถตำรวจเปิดไซเรนดังยาวขับตรงเข้ามายังฝูงชน ตำรวจสองนายเดินออกมาจากรถ หนึ่งในนั้นเดินตรงเข้าไปยืนอยู่หน้าหลัวจ้ง หลังจากพูดออกมาสองสามประโยค ก็ยื่นกุญแจสองดอกที่อยู่ในมือให้กับหลัวจ้ง

แทบไม่ต้องรอให้หลิงหยุนเดินเข้ามาหา หลัวจ้งเดินถือกุญแจทั้งสองดอกตรงไปหาหลิงหยุนพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า

“หลิงหยุน.. นี่เป็นกุญแจบ้านของเธอ ตอนนี้เรื่องเข้าใจผิดทั้งหมดก็ถูกแก้ไขแล้ว พวกเราก็รีบแยกย้ายเพื่อให้ทุกอย่างกลับคืนสู่ความสงบจะดีกว่า!”

พูดจบหลัวจ้งก็ส่งกุญแจสองดอกให้กับหลิงหยุน และร้องสั่งเจ้าหน้าที่ให้เตรียมแยกย้าย

หลิงหยุนโยนกุญแจใส่มือตี้เสี่ยวอู๋ และจับหลัวจ้งเบาๆ “ผู้อำนวยการหลัว ผมยังมีอีกเรื่อง และคุณคงต้องสนใจมาก..”

สีหน้าของหลัวจ้งเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดทันที เขายิ้มให้หลิงหยุนอย่างกระอักกระอ่วน ก่อนจะพูดขึ้นราวกับขอร้อง

“หลิงหยุน.. กุญแจบ้านฉันก็คืนให้เธอแล้ว บัญชีธนาคารก็สั่งยกเลิกการการอายัดแล้ว อีกทั้งยังปล่อยตัวเพื่อนของเธอแล้ว.. แล้วยังจะ..”

“แกคิดว่าเรื่องจะจบแค่นี้หรือยังไง?”

หลิงหยุนเย้ยหยันก่อนจะสั่งถังเมิ่ง “เอาคลิปมาเปิดให้ผู้อำนวยการหลัวฟังซิ..”

ถังเมิ่งพยักหน้าอย่างตื่นเต้น และเริ่มเปิดคลิปคำสารภาพของกู่เหลียนซัน

“ได้โปรด.. หยุด.. หยุด.. อย่าเปิด!”

หลังจากที่ได้ยินเพียงแค่เล็กน้อย สีหน้าของหลัวจ้งก็เปลี่ยนไปทันที ดวงตาทีเต็มไปด้วยความตกใจของเขามองถังเมิ่งอย่างอ้อนวอน

และนี่คือระเบิดลูกใหญ่ที่หลิงหยุนเตรียมไว้ให้หลัวจ้อง!